ในห้อง ณ หมู่บ้าน
มีเสียงที่ไม่อาจทนฟังได้ดังขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย ทำให้เหล่าหญิงสาวในห้องสีหน้าเคร่งขรึมกันหมด
หยางจิ่นซิ่วถือทวนขึ้นมาแล้วพูดอย่างโกรธเกรี้ยวว่า
“เจ้าพวกผู้เล่าเรียนที่อ่อนแอ ข้าจะฉีกปากพวกมันให้เละ!”
เซี่ยชิงถือธนูเอาไว้แล้วพูดอย่างไม่อาจทนได้ว่า “ฆ่าให้สิ้นซากเลยดีกว่า!”
หญิงสาวทั้งสองพูดแล้วก็จะเดินเข้าไป
ฉินเหยียนรีบห้ามขึ้นว่า “รอเดี๋ยว! อย่าวู่วาม!”
ทั้งสองคนหยุดลง หยางจิ่นซิ่วหันกลับไปพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า
“เหลือแค่ชี้หน้าด่าเจ้าแล้วนะ เจ้ายังจะทนอีกงั้นรึ?”
ฉินเหยียนพูดด้วยสีหน้านิ่งๆว่า “ต่อให้พวกเจ้าจะฉีกปากพวกมันให้เละ พวกมันก็ยังไม่ยอมรับอยู่ดี”
หยางจิ่นซิ่วขมวดคิ้วแล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า
“แล้วจะปล่อยให้พวกมันเรื่องไร้สาระไปทั่วงั้นรึ?”
ดวงตาของฉินเหยียนปรากฏความแน่วแน่ออกมา “เจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยไปง่ายๆรึ?”
ว่าแล้วฉินเหยียนก็ยิ้มอย่างมั่นใจ “บนโลกนี้มีวิธีสู้กับคนมากมาย ทำลายหัวใจของคนจึงจะได้ผลที่สุด! ในเมื่อพวกมันกล้าพูดไร้สาระต่อหน้าข้า เช่นนั้นข้าก็จะทำให้พวกมันต้องชดใช้ในสิ่งที่ตนเองได้กระทำลงไป”
จากนั้นก็หันไปพูดว่า “ดอกเหมย กล้วยไม้ ต้นไผ่ เบญจมาศ วสันต์ คิมหันต์ สารท เหมันต์ วายุ บุปผา หิมะ จันทรา ถึงคราวของพวกเจ้าแล้ว”
“น้อมรับคำสั่งเพคะ”
เหล่าสิบสองปิ่นหิรัญย์มีสีหน้าที่มั่นใจ พวกนางรอเวลานี้อยู่นานแล้ว
ฉินเหยียนพาสิบสองปิ่ิ่นหิรัญย์เดินออกมาถึงหน้าประตู
เมื่อเหล่าผู้เล่าเรียนที่กำลังพูดไร้สาระอยู่หน้าประตูเห็นเฉิงอาหนิวปรากฏตัว น้ำเสียงก็ยิ่งประชดประชันมากขึ้น
“ลูกผู้ชายนั้นไม่ทำทานอย่างเหยียดหยาม เจ้าสมเป็นลูกผู้ชาย”
“ความเป็นคนแย่จนไม่อาจเยียวยาแก้ไขได้แล้ว ข้าคิดว่าเจ้าจะรู้ตัว ไม่กล้าออกมาแล้วเสียอีก”
ฉินเหยียนจ้องมองอย่างเหยียดหยาม ก็แค่พวกได้ใจนิดๆหน่อยๆ จะคอยดูว่าจะได้ใจไปได้อีกนานแค่ไหน
เขาพูดอย่างเย็นชาว่า “เจ้าพวกโง่ที่มีตาหามีแววไม่ รู้จักแค่ยศถาบรรดาศักดิ์ พวกเจ้าเกิดมาใต้หว่างขาผู้หญิง แต่กลับหันคมดาบใส่ผู้หญิง แล้วยังกล้าพูดว่าตนเองสูงส่งอีก วางมาดภูมิฐาน หน้าไหว้หลังหลอก เทียบไม่ได้แม้แต่สัตว์เดรัจฉาน!”
เหล่าผู้เล่าเรียนได้ยินคำเยาะเย้ยแล้วก็เดือดดาลทันที ต่างก็วิพากษ์วิจารณ์เฉิงอาหนิวกันใหญ่
“พูดมากไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา นางสิบสองด้านหน้าข้าก็เคยเล่าเรียนตำรามาบ้าง ในเมื่อพวกเจ้าดูถูกผู้หญิงมากเพียงนี้ มีความกล้าจะแข่งความรู้กับพวกนางรึไม่? ตราบใดที่หนึ่งในพวกเจ้าชนะพวกนางได้ ข้าก็จะทำให้ความหวังของพวกเจ้าสมหวัง เป็นอย่างไรบ้าง?”
เมื่อเหล่าผู้เล่าเรียนได้ยินดังนั้นก็หัวเราะกันยกใหญ่
“เจ้าอยากจะทำให้พวกผู้หญิงขายหน้าสินะ ไม่รู้จักตัวอักษรเลยด้วยซ้ำ ยังกล้าจะมาแข่งความรู้กับพวกข้าอีก ล้อเล่นรึไง?”
“แข่งก็แข่งสิ ข้าอยากจะสั่งสอนนางผู้หญิงที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงนานแล้ว แต่ข้าขอเตือนเอาไว้ก่อนละ ว่าถ้าแพ้แล้วอย่ามาร้องไห้ละกัน!”
“ฮ่าๆๆ......”
เสียงประชดประชันของเหล่าผู้เล่าเรียนดังขึ้น อย่างไรพวกเขาก็อ่านหนังสือตำรามามากมาย พวกผู้หญิงธรรมดาๆจะมาเทียบเคียงได้อย่างไร ดังนั้นการแข่งขันครั้งนี้พวกเขาชนะแน่นอน
แถมเฉิงอาหนิวยังคุยโว้อีกว่าจะทำให้ความปรารถนาของพวกเขาเป็นจริง ถึงตอนนั้นถ้าทำให้เขาไสหัวออกจากอาณาจักรหลู่ได้ ก็ถือว่าได้สร้างผลงานชิ้นเอกกับฮ่องเต้หลู่แล้ว
สิบสองปิ่นหิรัญย์กวาดตามองผู้เล่าเรียนที่ท่าทางได้ใจ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตรว่า
“จะบทกลอนบทกวีหรือจะอะไร พวกเจ้าเลือกมาได้เลย”
เหล่าผู้เล่าเรียนมองสิบสองปิ่นหิรัญย์อย่างเหยียดหยาม
“พูดจาโอหังยิ่งนัก อย่าหาว่าพวกข้ารังแกผู้หญิงล่ะ บทกลอนบทกวีพูดไปก็กลัวว่าพวกเจ้าจะฟังไม่รู้ความ มาเริ่มที่โคลงคำขวัญคู่ง่ายๆก่อนจะดีกว่า ข้าจะทำให้พวกเจ้าแพ้อย่างราบคาบ!”
สิบสองปิ่นหิรัญย์ยิ้มออกมาอย่างมั่นใจ แล้วตอบตกลงว่า “เช่นนั้นก็แข่งโคลงคำขวัญคู่!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...