องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 772

เพื่อที่จะทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ฉินเหยียนจึงจงใจกำหนดสถานที่แข่งที่สถานศึกษาไป๋ลู่ การแข่งขันความรู้ระหว่างผู้ชายและผู้หญิงนั้นเป็นที่น่าสนใจในสถานศึกษาอย่างมาก เหล่าผู้เล่าเรียนต่างก็พากันมาชม

พบเหล่าผู้เล่าเรียนและสิบสองปิ่นหิรัญย์ยืนประจันหน้ากันอยู่ ราวกับเป็นสังเวียนสู้รบ จิตสังหารรุนแรงอย่างมาก

เหล่าผู้เล่าเรียนที่อยู่รอบๆต่างถกเถียงกันว่า

“อยู่มานานแล้วจริงๆถึงได้เห็นผู้หญิงแข่งความรู้วรรณกรรมกับผู้ชาย นี่มันเหยียดหยามกันชัดๆเลย”

“ผู้หญิงไร้ความสามารถจึงจะถูกต้อง นางผู้หญิงพวกนี้เปิดเผยตัวตน แถมยังกล้ามาสั่งสอนผู้ที่เหนือกว่าอีก ช่างไร้กิริยาเสียจริง!”

“รีบยอมแพ้ไปแล้วกลับไปปรนนิบัติลูกและสามีจะดีกว่า ไม่เช่นนั้นหากแพ้ราบคาบไปคงน่าเกลียดน่าดู”

ผู้เล่าเรียนที่อยู่ตรงหน้าปิ่นหิรัญย์เสี่ยวหลานพูดอย่างเยาะเย้ยว่า

“ดูแล้วเจ้าก็รูปงามไม่ใช่น้อย รีบๆยอมแพ้ไปแล้วข้าจะพาเจ้ากลับไปเลี้ยงดูที่บ้าน คอยสั่งสอนกิริยาของหญิงสาวให้ จะดีกว่าไม่ใช่รึ?”

ปิ่นหิรัญย์เสี่ยวหลานกลอกตาแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ไม่รู้นะว่าเจ้าเรียนตำราเล่มไหนมา ถึงจะสอนให้เจ้าหยอกล้อผู้หญิงกลางวันแสกๆ”

“เจ้า!” ผู้เล่าเรียนไม่คิดว่านางผู้หญิงคนนี้จะมีคารมคมคายมากเช่นนี้ เขาหุบยิ้มแล้วพูดอย่างดูถูกว่า

“ไม่ยอมดื่มสุราคารวะ ชอบสุราลงทัณฑ์ เช่นนั้นเราก็มารีบแข่งให้จบไป ฟังให้ดีล่ะ โคลงคำขวัญคู่ที่เจ้าต้องต่อก็คือ ฮั่วซ่างเห๋อฮวาเห๋อซั่งฮั่ว” *มีความหมายว่าพระภิกษุวาดภาพดอกบัว

เมื่อว่าแล้วก็เงยหน้าขึ้นแล้วมองเสี่ยวหลานอย่างเยาะเย้ย

เมื่อเหล่าผู้เล่าเรียนทั้งหลายได้ยินแล้วก็รีบถกเถียงกันขึ้นมา

“แม้ว่าจะดูไม่มีอะไรพิเศษ แต่เมื่อวิเคราะห์จากละเอียดแล้ว โครงขวัญคู่นี้ช่างมีเรื่องราวที่แตกต่างจริงๆ ”

“เป็นการใช้ทักษะอย่างชาญฉลาด การออกเสียงและการออกเสียงแบบย้อนกลับเหมือนกัน เนื้อหาทั้งหมดงดงามมาก!”

“ดูท่าแม่นางผู้นี้จะต้องพ่ายแพ้แล้ว!”

ในขณะที่ทุกคนกำลังขมวดคิ้วและถกเถียงกันอยู่ เสี่ยวหลานกลับหลุดหัวเราะแล้วพูดประชดประชันว่า

“ที่เจ้าพูดว่ารีบแข่งให้จบๆไป ข้าก็คิดว่าเจ้าจะใช้โครงขวัญคู่ที่เด็ดขาดแค่ไหน ไม่คิดเลยว่าจะพูดโครงที่ง่ายแค่นี้ ช่างน่าขันจริงๆ”

ใบหน้าของผู้เล่าเรียนกระตุก โครงขวัญคู่นี้เขาคิดอย่างหนักแต่ก็คิดโครงต่อไม่ได้เลย ไม่คิดเลยว่าแม่นางผู้นี้จะมารังเกียจหาว่าเขาออกโจทย์ง่าย!

เขาโต้กลับอย่างอับอายและโกรธเกรี้ยวว่า “อย่าพล่ามจะดีกว่า ข้าอยากเห็นจริงๆว่าเจ้าจะใช้กลอุบายอะไรมาผ่านไป!”

เสี่ยวหลานยิ้มแล้วยืนตัวตรง จากก็พูดเสียงดังว่า

“เช่นนั้นเจ้าก็จงตั้งใจฟังให้ดี ดูว่าโครงขวัญของข้าจะเป็นอุบายหรือเปล่า ข้าขอต่อว่าซูหลินฮั่นเถี่ยฮั่นหลินซู” *มีความหมายว่า ฮั่นหลินเขียนพู่กันตัวอักษรฮั่นเถี่ย

นาทีนี้ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ต่างมองเสี่ยวหลานด้วยแววตาที่เหลือเชื่อ

เมื่อเสี่ยวฮวาที่อยู่ข้างๆได้เห็นดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาว่า “สู้ไม่ได้ก็เป็นเช่นนี้เนี่ยนะ ไม่ได้เรื่องจริงๆ”

ผู้เล่าเรียนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าของนางพูดประชดว่า “พวกเจ้าก็แค่โชคดีจึงชนะไป กิ้งก่าได้ทอง สมแล้วที่เป็นผู้หญิง”

ปิ่นหิรัญย์เสี่ยวฮวาได้ยินดังนั้นก็ไม่รู้สึกโกรธเกรี้ยวเลย นางพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆว่า

“จะเป็นเพราะโชคดีจริงรึไม่ แข่งกันรู้แล้วนี่ อยากจะออกโครงยากแค่ไหนก็ออกมาเถิด”

เหล่าผู้เล่าเรียนคนอื่นๆมองดูด้วยสีหน้าที่สนุกสนาน ต่อให้ผู้หญิงคนเมื่อกี้จะต่อโครงได้ แต่จะเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่นั้น ก็ยังไม่รู้

ผู้เล่าเรียนพูดอย่างจริงจังว่า “จัดกับเจ้า ครั้งต่อไปก็พอแล้ว ฟังให้ดีล่ะ โครงที่ข้าจะออกก็คือฉื่อมู่เหวยจื่อซางซางชู” *มีความหมายว่า ไม้นี้คือฟืนที่มีทั่วภูเขา

เมื่อโครงขวัญนี้ออกมาก็ทำให้เหล่าผู้เล่าเรียนรอบๆถกเถียงกันอีกครั้ง

“โครงนี้ดูน่าสนใจจริงๆ ใช้ฟืนเป็นโจทย์ อีกอย่างทุกภูเขาล้วนมีฟืน”

“ความยากอยู่ที่ว่านี่คือคำที่ประกอบกัน เมื่อนำคำว่าฟืนที่อ่านว่าไช๋มาแยกออกจากกัน ก็จะได้คำว่าฉื่อและมู่ เมื่อแยกคำว่าชูออกจากกันก็จะได้คำว่าซานสองตัว”

“ดังนั้นโครงที่จะต่อก็ต้องเป็นตัวอักษรที่ประกอบและแยกได้ อีกทั้งต้องมีความเข้ากัน นั่นไม่ง่ายเลย!”

“หญิงสาวผู้นี้ต้องต่อโครงไม่ได้แน่นอน!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์