องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 779

ในขณะที่ทุกคนถกเถียงกันอย่างดุเดือด ในกลุ่มคนก็มีลุงคนหนึ่งที่อุ้มเด็กผู้หญิงเอาไว้ แล้วถามคนที่อยู่ข้างๆอย่างประหลาดใจว่า

“เจ้าว่าสินสอดร้อยไมล์นี่ให้ใครงั้นรึ?”

ชาวเมืองที่อยู่ข้างๆอธิบายขึ้นว่า “ให้บุตรสาวแห่งตระกูลจ้าว จ้าวจือหย่า!”

เฝิงตู่มองขบวนรถม้ายาวเหยียดแล้วพูดอย่างเหลือเชื่อว่า “เจ้าแน่ใจรึ?”

ชาวเมืองตอบกลับอย่างกระตือรือร้นว่า “ดูก็รู้ว่าเจ้ามาจากต่างถิ่น เรื่องนี้กระจายออกไปแล้ว รับประกันเลยล่ะ สินสอดส่งมาแล้วจะเป็นเท็จได้อย่างไร”

เฝิงตู่ถอนหายใจยาวๆ

“แย่แล้ว เดิมทีภูเขาไป๋ลู่ก็มีการคุ้มกันอย่างแน่นหนาอยู่แล้ว แถมตอนนี้นางยังเกี่ยวข้องกับผู้ชายร่ำรวยอีก แล้วจะให้ข้าส่งจดหมายให้เขาได้อย่างไร!”

ทหารหน่วยลาดตระเวนได้ยินว่ามีคนพูดว่าส่งจดหมายยากจึงได้หันกลับไปมอง แต่เพราะมันมีมากเกินไป จึงมองไม่เห็นคนเลย แต่คำพูดนี้ก็ได้ทำให้เขานึกออกได้ จึงได้ตบขาอย่างแรง

“เกิดเรื่องใหญ่เพียงนี้ ข้าแค่มาส่งจดหมาย มัวมาดูอะไรกันเนี่ย อย่าเสียเวลาเลยดีกว่า!”

เมื่อคิดดังนั้นแล้วก็รีบขี่ม้าแล้วมุ่งหน้าไปตามขบวนรถที่มองไม่เห็นปลายแถว เข้าไปในเมืองไป๋ลู่

ผู้คนในเมืองตกตะลึงเมื่อเห็นขบวนส่งของหมั้นที่ทอดยาวจากประตูเมืองไปยังตีนเขาไป๋ลู่ เป็นระยะทางหลายสิบไมล์ไปถึงนอกเมือง มีเพียงคนที่ได้เห็นกับตาเท่านั้น ที่จะรู้ว่ามันน่าตะลึงแค่ไหน

ทหารหน่วยลาดตระเวนตกตะลึงอย่างมาก ไม่คิดว่าการสมรสของบุตรสาวตระกูลจ้าวจะทำทั้งเมืองเอิกเกริกขนาดนี้

ขบวนรถม้าทอดยาวไปจนถึงตีนเขาไป๋ลู่ เนื่องจากภูเขาสูงชัน รถม้าจึงขึ้นไปไม่ได้ และมีเหล่าคนงานที่พากันยกหีบขึ้นไปเรื่อยๆ คนที่ต่อแถวยกของทอดยาวกันอย่างมาก ทหารหน่วยลาดตระเวนตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก และมีเสียงพึมพำของผู้เล่าเรียนรอบๆพูดขึ้นว่า

“เฉิงอาหนิวบ้าไปแล้วรึไง เขาเป็นเขยแต่งเข้าตระกูลนะ เหตุใดจึงยังเตรียมของหมั้นมากมายเพียงนี้?”

“ใครจะไปรู้เล่า มีเงินมากมายเพียงนี้จะมาเป็นเขยแต่งเข้าอีกทำไม อย่าว่าแต่สินสอดร้อยไมล์เลย แค่หนึ่งไมล์ก็สามารถดึงเส้นสายของตระกูลจ้าวมาได้ทั้งหมดแล้ว”

“ไม่รู้ว่าสมองของเขามีอะไรอยู่เลย! เงินพวกนี้อยู่กับเขาสิ้นเปลืองสิ้นดี!”

......

สถานศึกษาไป๋ลู่

เมื่อจ้าวเหวินเซิงเห็นสินสอดของหมั้นที่กองเต็มภูเขาอยู่ในลาน เขาก็รู้สึกขนลุกไปหมด และมองไปยังฉินเหยียนด้วยสีหน้าประหลาดใจแล้วถามขึ้นว่า “นี่เจ้าทำอะไร?”

ฉินเหยียนยิ้มอย่างภูมิใจ “นี่คือน้ำใจเล็กๆน้อยๆของลูกเขย เป็นน้ำใจเล็กน้อยที่มาจากใจมากกว่า อย่างไรท่านพ่อตาอย่าได้รังเกียจเลยนะ”

จ้าวเหวินเซิงพูดอย่างประหลาดใจว่า “ข้าเข้าใจเรื่องน้ำใจ แต่เจ้าไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้ มันเต็มสถานศึกษาไปหมดแล้ว”

ฉินเหยียนส่ายหน้าแล้วพูดว่า “นี่เป็นเพียงเล็กน้อย อย่างไรหากจะสู่ขอบุตรสาวของท่าน จะทำให้ท่านเสียหน้าได้อย่างไรกัน”

เมื่อจ้าวเหวินเซิงได้ยินว่าเล็กน้อยก็รู้สึกตกตะลึงอย่างมาก “เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”

จ้าวเหวินเซิงมองไปตามเสียง และเห็นว่าทหารหน่วยลาดตระเวนกำลังยืนหอบอยู่หน้าประตู

เมื่อฉินเหยียนเห็นว่ามีแขกมา ก็พูดอย่างรู้ความว่า “ท่านพ่อตาเชิญทำธุระก่อนเถิด”

จ้าวเหวินเซิงเก็บสีหน้าที่ตกตะลึงแล้วแสร้งทำเป็นนิ่งเฉย เดินไปทักทายว่า “มาได้อย่างไรกันเนี่ย รีบเข้ามาสิ”

เมื่อทั้งสองมาถึงในห้องโถงแล้ว จ้าวเหวินเซิงก็ได้เทน้ำชาให้กับหน่วยลาดตระเวนแห่งพระราชสำนัก

เขาเช็ดเหงื่อบนหน้าผากแล้วพูดอย่างตะลึงว่า “เจ้านะ ได้ลูกเขยตัวดีเลยเชียว!”

จ้าวเหวินเซิงแสร้งทำเป็นสงสัยแล้วพูดว่า “หมายความว่าอย่างไรรึ?”

ทหารหน่วยลาดตระเวนดื่มน้ำชาแล้วพูดว่า “ข้าเดินทางตั้งแต่เมืองท่ามาถึงนี่ ของหมั้นยังไม่ขาดสายเลย หากข้าไม่ได้มาเห็นกับตา ข้าไม่มีทางเชื่อแน่”

จ้าวเหวินเซิงรู้ว่าฉินเหยียนส่งสินสอดมามากมาย ดูแล้วก็ไม่คิดว่าจะเยอะขนาดนี้ จึงพูดอย่างตะลึงว่า

“เจ้าว่าเห็นตั้งแต่ที่ใดนะ?”

หน่วยลาดตระเวนพูดอย่างจริงจังว่า “บนแม่น้ำมีเรือสินค้าที่ยังไม่ได้นำของลงอีกมาก นี่เจ้าได้เขยเป็นเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งละมั้งเนี่ย”

จ้าวเหวินเซิงรู้สึกหัวชาไปหมด ให้ตายสิ สามารถนำของหมั้นมามากมายขนาดนี้ได้ เป็นเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งเลยไม่ใช่รึไง!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์