องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 781

เมื่อจ้าวเหวินเซิงอ่านจบแล้วก็แทบจะหมดสติไป

ทั้งหมดล้วนเป็นของที่คนอื่นเขาไม่ต้องการแล้ว เขายังเห็นเป็นสมบัติอีก! อย่างไรเขาก็เป็นถึงรองหัวหน้าคณะแห่งสถานศึกษาไป๋ลู่อาณาจักรหลู่เชียวนะ บังอาจใช้ของที่ไม่ต้องการแล้วมาให้เขา จงใจเย้ยหยันเขาไม่ใช่รึ!

จ้าวเหวินเซิงโกรธเกรี้ยวอย่างมาก เมื่อครู่ยังชื่นชอบลูกเขยคนนี้ แต่ตอนนี้ยิ่งมองก็ยิ่งเดือดดาล มากเสียจนไม่อยากจะพูดกับฉินเหยียนอีกแม้แต่คำเดียว เขาดึงหน้าสะบัดจดหมายใส่ฉินเหยียน จากนั้นก็สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินจากไป

ฉินเหยียนมองแผ่นหลังของชายชราที่เดือดดาลแล้วก็พูดพึมพำอย่างสงสัยว่า

“ช่างเป็นชายชราที่แปลกจริงๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย”

......

อีกด้านหนึ่ง

เมื่อซือหม่าจี๋เห็นสินสอดของหมั้นในลานแล้วถึงกับตกตะลึงจนพูดไม่ออก เขาค่อยๆเดินมายังที่พักของจ้าวเหวินเซิง เมื่อเข้ามาแล้วก็เห็นว่าจ้าวเหวินเซิงกำลังนั่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ จึงได้ถามอย่างประหลาดใจว่า

“ในลานนั่นมันอะไรกัน เหตุใดจึงมีสินสอดของหมั้นมากมายเพียงนั้น?”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้จ้าวเหวินเซิงก็ยิ่งไม่สบอารมณ์ สีหน้าของเขาแย่กว่าเดิม จากนั้นก็พูดสิ่งที่ไม่พอใจออกมาตั้งแต่ต้นจนจบ เขาโกรธจนตบหน้าขาตนเอง

“เขาจงใจเย้ยหยันข้าชัดๆเลยไม่ใช่รึไง!”

ซือหม่าจี๋เองก็สีหน้าจนปัญญา เขารู้อยู่แล้วว่าอาณาจักรฉินร่ำรวย แต่ก็ไม่คิดว่าจะถึงขั้นนี้ แม้แต่เครื่องแก้ว ผ้าไหมที่มีมูลค่าสูงเหมือนเมืองเมืองหนึ่ง ก็สามารถเอาออกมาได้นับหมื่นหีบเช่นนี้

เขาถอนหายใจยาวๆแล้วพูดว่า “ใช่ว่าเขาเย้ยหยันเจ้า เห็นได้ชัดว่ากำลังโอ้อวดกำลังทรัพย์กับเรา เย้ยหยันอาณาจักรหลู่!”

สีหน้าของจ้าวเหวินเซิงแย่กว่าเดิม และด่าทอว่า “เหิมเกริมเกินไปแล้ว!”

ซือหม่าจี๋ครุ่นคิดแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “หากเขาแค่ให้สินสอดของหมั้นก็แล้วไป แต่หากเขาคิดจะสร้างเรื่อง เกรงว่ารายงานของเราจะมีความผิดพลาด และต้องรีบรายงานต่อพระราชสำนักให้เร็วที่สุด”

เมื่อเขาพูดเช่นนั้นแล้วจ้าวเหวินเซิงก็ตระหนักถึงความรุนแรงของเรื่องนี้ เมื่อครู่นี้เอาแต่เดือดดาลจนเกือบจะลืมรายละเอียดสำคัญเช่นนี้ไปเลย เลยรีบพูดว่า

“เช่นนั้นก็รีบส่งจดหมายนกพิราบ กราบทูลเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดเถิด”

ซือหม่าจี๋ส่ายหน้าเบาๆแล้วพูดว่า “การส่งจดหมายนั้นมีข้อจำกัด ไว้วันพรุ่งนี้เช้าข้าไปพระราชสำนักแล้วรายงานเรื่องนี้แก่ฝ่าบาทด้วยตนเองจะดีกว่า”

“สหายซือหม่าช่างรอบคอบยิ่งนัก”

จากนั้นจ้าวเหวินเซิงก็ได้ให้ทางครัวเตรียมอาหารและเหล้ามา ทั้งสองกินดื่มและพูดคุยกันใต้แสงเทียน ใช้เวลาทั้งคืนเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ในปัจจุบัน จนกระทั่งเช้าวันที่สอง ซือหม่าจี๋จึงรีบเตรียมตัวมุ่งหน้าไปยังพระราชสำนัก

เมื่อออกไปแล้วก็พบว่า ในหนึ่งวันหนึ่งคืนสินสอดของหมั้นยังขนย้ายมาไม่หมด กองเต็มภูเขาไป๋ลู่ไปหมด จนแทบจะปิดกั้นประตูใหญ่แล้ว

ซือหม่าจี๋รู้สึกตกตะลึงอย่างมาก แต่ก็รีบขึ้นหลังม้าตัวใหญ่แล้วมุ่งหน้าไปยังพระราชสำนักทันที หลังจากการเดินทางอันยาวนานถึงหนึ่งวันหนึ่งคืน ในที่สุดก็ได้มาถึงเมืองหลวงแล้ว เขาไม่กล้าหยุดพักเลยแม้แต่วินาทีเดียว รีบเดินไปยังตำหนักจินหลวนทันที

ผู้อาวุโสเองก็พูดอย่างพอใจว่า “สถานที่นี้ดีจริงๆ!”

เมื่อได้ยินคำตอบของผู้อาวุโสแล้ว ขุนนางฝ่ายบู๊และฝ่ายบุ๋นในพระราชสำนักก็ถกเถียงกันอย่างตื่นเต้น

“เมื่อเผชิญหน้ากับเรื่องอาณาจักรเช่นนี้ รองหัวหน้าคณะจ้าวช่างเห็นแก่ส่วนรวมจริงๆ”

“ดีจริงๆ เช่นนี้อาณาจักรหลู่ก็รอดแล้ว!”

และในขณะที่ทุกคนกำลังถกเถียงกันอย่างดุเดือด ซือหม่าจี๋ก็เดินเข้ามาในตำหนักแล้วทำความเคารพ

“กระหม่อมขอทำความเคารพท่านผู้อาวุโส ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ!”

ฮ่องเต้หลู่โบกมือแล้วพูดว่า “ว่ามาสิ”

ซือหม่าจี๋พูดอย่างจริงจังว่า “พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท อาณาจักรฉินได้ส่งสินสอดร้อยไมล์มาให้กับตระกูลจ้าว ยิ่งใหญ่เอิกเกริกอย่างมากพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อได้ยินดังนั้นฮ่องเต้หลู่ก็ตากระตุก การสมรสระหว่างอาณาจักรอย่างมากก็แค่สินสอดสิบไมล์ แต่อ๋องเหยียนอาณาจักรฉินมาเป็นเขยแต่งเข้า ยังเตรียมสินสอดของหมั้นมากมายเพียงนี้อีกรึ ต้องร่ำรวยมากแค่ไหนกัน!

ซือหม่าจี๋พูดด้วยสีหน้าตึงเครียดต่อว่า “นอกจากเงินทองแล้ว ยังมีผ้าไหม อัญมณีล้ำค่า หยกห้าสี รวมถึงเครื่องแก้วที่มีมูลค่าสูงเหมือนเมืองเมืองหนึ่งด้วย มากมายจนนับไม่ถ้วนพ่ะย่ะค่ะ”

“อีกทั้งเมื่อดูจากรายงานล่าสุดของไป๋เสี่ยวเซิงแล้ว กำลังทรัพย์ของอาณาจักรฉินมีมากขึ้นทุกวัน ตอนนี้มีมากกว่าเราไปมาก สินสอดที่มอบให้ตระกูลจ้าวก็เป็นภาษีทั้งปีของอาณาจักรหลู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ แต่สำหรับอาณาจักรฉิน ก็แค่เศษเสี้ยวพ่ะย่ะค่ะ!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์