เมื่อตกกลางคืน
เถาซงจือยุ่งมาทั้งวัน เขาพยายามครุ่นคิดแต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าท่านผู้ศักดิ์สิทธิ์ประกาศเช่นนั้นทำไม เมื่อครุ่นคิดแล้วก็ตัดสินใจไปถามเหตุผลจากท่านผู้ศักดิ์สิทธิ์จะดีกว่า
ในเต็นท์
ฉินเหยียนกำลังดูบัญชีที่จ้าวจือหย่าทำเร็วๆนี้ เหล่าสมาชิกสำคัญต่างก็กำลังรายงานอยู่ในเต็นท์
เถาซงจือเปิดเข้ามาแล้วเดินมาเบื้องหน้าของฉินเหยียน แล้วประสานมือคารวะพูดว่า “นายท่านขอรับ”
ฉินเหยียนยังคงดูบัญชีอยู่ เขาพูดเสียงเรียบว่า “เจ้ามีเรื่องอะไรรึ?”
เถาซงจือเผยสีหน้าสงสัยแล้วพูดว่า “นายท่าน โปรดอย่าถือสาที่ข้าไร้ความสามารถ ข้าพยายามครุ่นคิดทั้งวันแล้วก็ยังไม่เข้าใจถึงหลักการขุนนางที่ท่านเสนอ ว่ามันมีประโยชน์อย่างไรขอรับ”
อย่าว่าแต่เขาเลย แม้แต่สมาชิกและเฉินเซิงก็ยังไม่เข้าใจ
ฉินเหยียนวางบัญชาลงแล้วเงยหน้ามองเถาซงจือแล้วพูดจริงจังว่า
“เจ้าเชื่อรึไม่ ว่าเพียงแค่ข้าต้องการ ก็สามารถทำให้ขอทานคนหนึ่งกลายเป็นผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในอาณาจักรได้”
“เชื่อเพคะ” หลิวเชียนเชียนกำลังรับใช้อยู่ นางตอบไปด้วยสัญชาตญาณ จากนั้นก็ยกน้ำชาให้ฉินเหยียน
“ข้าไม่ได้ถามเจ้า เจ้าแทรกขึ้นทำไมรึ”
หลิวเชียนเชียนยิ้มไม่ได้พูดอะไร
เหล่าชายหนุ่มทั้งสี่ผู้โด่งดังในอาณาจักรหลู่ เขาเป็นคนสร้างสามในสี่นั้นขึ้นมาเองกับมือ ทำให้ขอทานเป็นดาวเด่นนั้นง่ายดาย ดังนั้นการทำให้เป็นผู้ที่ร่ำรวยที่สุดก็เป็นเรื่องง่ายเช่นกัน
แต่เถาซงจือไม่รู้เรื่องพวกนี้ แต่ก็ไม่เคยสงสัยความสามารถของท่านผู้ศักดิ์สิทธิ์ แต่กลับรู้สึกสับสนเพราะตนเองไม่อาจเข้าใจความคิดของท่านผู้ศักดิ์สิทธิ์ เขาต้องการรู้ความจริง
“สิ่งที่ท่านผู้ศักดิ์สิทธิ์กล่าวมาข้าตระหนักได้เพียงน้อยนิด แต่กลับไม่อาจตระหนักได้ทั้งหมดขอรับ”
ฉินเหยียนเองก็ไม่ทำให้เขาลำบากใจ เขาโบกมือแล้วพูดว่า
“พวกเจ้ามาทางนี้ วางงานลงก่อน ข้าจะเล่าเรื่องเล่าให้ฟัง”
เถาซงจือประสานมือคารวะ “ขอบพระคุณขอรับ”
ทุกคนเองก็วางงานลงแล้วฟังอ๋องเหยียนพูดอย่างสงบ
ในอาณาจักรหนึ่ง มีขอทานคนหนึ่งที่วันๆไม่มีอะไรทำ เอาแต่ขอทานไปทั่ว วันหนึ่งมีหมอดูชราคนหนึ่ง นั่งรอดูชะตาข้างขอทาน รออยู่ทั้งวันก็ไม่มีลูกค้ามา หมอดูจึงได้ถามขอทานว่า
ไม่นานก็มีผู้เล่าเรียนที่มีนามว่าหวังฟู่กุ้ยจากต่างถิ่น ได้พาเด็กติดตามและหญิงที่เกิดจากหอโคมเขียวมาเปิดโรงน้ำชาในย่านคนร่ำรวยในเมือง
ตามคำแนะนำของหมอดู โต๊ะชาให้ใช้โต๊ะเล่าเรียน และใช้เครื่องเขียนหนังสือเป็นของประดับตกแต่ง เพื่อเพิ่มความลึกลับยิ่งขึ้น ในโรงน้ำชามีม่านบังเอาไว้ แล้วเขียนที่เหนือประตูโรงน้ำชาว่า
“ชาแม่นางอี้เซิน แก้วละห้าตำลึง ไม่ลดราคา”
หลังจากโรงน้ำชาเปิด มันก็ดึงดูดชาวเมืองอย่างรวดเร็ว แต่คนเหล่านี้ก็ไปดื่มน้ำชาที่ร้านที่ไม่มีคนเข้า การทำเช่นนี้จะสามารถเปิดโรงน้ำชาได้จริงรึไม่ ที่จริงหวังฟู่กุ้ยก็ไม่ได้แน่ใจ
ในขณะที่สับสนก็มีเหล่าคุณชายตระกูลร่ำรวยคนหนึ่งเข้ามาถามในร้านว่า
“เฒ่าแก่ เหตุใดชาร้านเจ้าจึงมีนามว่าชาแม่นางอี้เซิน แล้วเหตุใดจึงขายราคาสูงเช่นนี้”
หวังฟู่กุ้ยรีบอธิบายว่า “นี่คือชากลางคืนที่อยู่ลึกเข้าไปในภูเขา เมื่อมีใบแล้ว เด็กสาวอายุสิบหกได้ใช้ปากเก็บเกี่ยวมันมาในยามเช้าที่มีน้ำค้าง จึงได้ตั้งชื่อเช่นนี้ ไม่เพียงเท่านั้น ชานี้จะมีฤทธิ์ทำให้สดชื่นมีชีวิตชีวา ทำให้ทุกท่านได้อ่านตำราต่อได้อีกเป็นเท่าตัวขอรับ”
เมื่อเหล่าคุณชายได้ยินดังนั้นก็ประหลาดใจและได้สั่งชามาคนละแก้ว ในขณะที่ดื่มน้ำชา นักดนตรีที่มาจากหอโคมเขียวคอยดีดพิณอยู่หลังฉากบังลม เสริมให้บรรยากาศการดื่มชาดีขึ้นอย่างที่สุด
เมื่อเหล่าคุณชายดื่มชาเสร็จแล้ว ก็พูดว่าอร่อยอย่างไม่รู้ตัว
แต่หวังฟู่กุ้ยกลับพึมพำในใจว่า ชานี้ก็แค่ชาธรรมดาๆที่เหล่าชาวเมืองดื่มกันทุกวัน กลับถูกพวกคุณชายชื่นชมยกยอเช่นนี้ ต้องใช้โอกาสนี้ดำเนินขั้นต่อไปแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...