องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 808

เมื่อตกกลางคืน

เถาซงจือยุ่งมาทั้งวัน เขาพยายามครุ่นคิดแต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าท่านผู้ศักดิ์สิทธิ์ประกาศเช่นนั้นทำไม เมื่อครุ่นคิดแล้วก็ตัดสินใจไปถามเหตุผลจากท่านผู้ศักดิ์สิทธิ์จะดีกว่า

ในเต็นท์

ฉินเหยียนกำลังดูบัญชีที่จ้าวจือหย่าทำเร็วๆนี้ เหล่าสมาชิกสำคัญต่างก็กำลังรายงานอยู่ในเต็นท์

เถาซงจือเปิดเข้ามาแล้วเดินมาเบื้องหน้าของฉินเหยียน แล้วประสานมือคารวะพูดว่า “นายท่านขอรับ”

ฉินเหยียนยังคงดูบัญชีอยู่ เขาพูดเสียงเรียบว่า “เจ้ามีเรื่องอะไรรึ?”

เถาซงจือเผยสีหน้าสงสัยแล้วพูดว่า “นายท่าน โปรดอย่าถือสาที่ข้าไร้ความสามารถ ข้าพยายามครุ่นคิดทั้งวันแล้วก็ยังไม่เข้าใจถึงหลักการขุนนางที่ท่านเสนอ ว่ามันมีประโยชน์อย่างไรขอรับ”

อย่าว่าแต่เขาเลย แม้แต่สมาชิกและเฉินเซิงก็ยังไม่เข้าใจ

ฉินเหยียนวางบัญชาลงแล้วเงยหน้ามองเถาซงจือแล้วพูดจริงจังว่า

“เจ้าเชื่อรึไม่ ว่าเพียงแค่ข้าต้องการ ก็สามารถทำให้ขอทานคนหนึ่งกลายเป็นผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในอาณาจักรได้”

“เชื่อเพคะ” หลิวเชียนเชียนกำลังรับใช้อยู่ นางตอบไปด้วยสัญชาตญาณ จากนั้นก็ยกน้ำชาให้ฉินเหยียน

“ข้าไม่ได้ถามเจ้า เจ้าแทรกขึ้นทำไมรึ”

หลิวเชียนเชียนยิ้มไม่ได้พูดอะไร

เหล่าชายหนุ่มทั้งสี่ผู้โด่งดังในอาณาจักรหลู่ เขาเป็นคนสร้างสามในสี่นั้นขึ้นมาเองกับมือ ทำให้ขอทานเป็นดาวเด่นนั้นง่ายดาย ดังนั้นการทำให้เป็นผู้ที่ร่ำรวยที่สุดก็เป็นเรื่องง่ายเช่นกัน

แต่เถาซงจือไม่รู้เรื่องพวกนี้ แต่ก็ไม่เคยสงสัยความสามารถของท่านผู้ศักดิ์สิทธิ์ แต่กลับรู้สึกสับสนเพราะตนเองไม่อาจเข้าใจความคิดของท่านผู้ศักดิ์สิทธิ์ เขาต้องการรู้ความจริง

“สิ่งที่ท่านผู้ศักดิ์สิทธิ์กล่าวมาข้าตระหนักได้เพียงน้อยนิด แต่กลับไม่อาจตระหนักได้ทั้งหมดขอรับ”

ฉินเหยียนเองก็ไม่ทำให้เขาลำบากใจ เขาโบกมือแล้วพูดว่า

“พวกเจ้ามาทางนี้ วางงานลงก่อน ข้าจะเล่าเรื่องเล่าให้ฟัง”

เถาซงจือประสานมือคารวะ “ขอบพระคุณขอรับ”

ทุกคนเองก็วางงานลงแล้วฟังอ๋องเหยียนพูดอย่างสงบ

ในอาณาจักรหนึ่ง มีขอทานคนหนึ่งที่วันๆไม่มีอะไรทำ เอาแต่ขอทานไปทั่ว วันหนึ่งมีหมอดูชราคนหนึ่ง นั่งรอดูชะตาข้างขอทาน รออยู่ทั้งวันก็ไม่มีลูกค้ามา หมอดูจึงได้ถามขอทานว่า

ไม่นานก็มีผู้เล่าเรียนที่มีนามว่าหวังฟู่กุ้ยจากต่างถิ่น ได้พาเด็กติดตามและหญิงที่เกิดจากหอโคมเขียวมาเปิดโรงน้ำชาในย่านคนร่ำรวยในเมือง

ตามคำแนะนำของหมอดู โต๊ะชาให้ใช้โต๊ะเล่าเรียน และใช้เครื่องเขียนหนังสือเป็นของประดับตกแต่ง เพื่อเพิ่มความลึกลับยิ่งขึ้น ในโรงน้ำชามีม่านบังเอาไว้ แล้วเขียนที่เหนือประตูโรงน้ำชาว่า

“ชาแม่นางอี้เซิน แก้วละห้าตำลึง ไม่ลดราคา”

หลังจากโรงน้ำชาเปิด มันก็ดึงดูดชาวเมืองอย่างรวดเร็ว แต่คนเหล่านี้ก็ไปดื่มน้ำชาที่ร้านที่ไม่มีคนเข้า การทำเช่นนี้จะสามารถเปิดโรงน้ำชาได้จริงรึไม่ ที่จริงหวังฟู่กุ้ยก็ไม่ได้แน่ใจ

ในขณะที่สับสนก็มีเหล่าคุณชายตระกูลร่ำรวยคนหนึ่งเข้ามาถามในร้านว่า

“เฒ่าแก่ เหตุใดชาร้านเจ้าจึงมีนามว่าชาแม่นางอี้เซิน แล้วเหตุใดจึงขายราคาสูงเช่นนี้”

หวังฟู่กุ้ยรีบอธิบายว่า “นี่คือชากลางคืนที่อยู่ลึกเข้าไปในภูเขา เมื่อมีใบแล้ว เด็กสาวอายุสิบหกได้ใช้ปากเก็บเกี่ยวมันมาในยามเช้าที่มีน้ำค้าง จึงได้ตั้งชื่อเช่นนี้ ไม่เพียงเท่านั้น ชานี้จะมีฤทธิ์ทำให้สดชื่นมีชีวิตชีวา ทำให้ทุกท่านได้อ่านตำราต่อได้อีกเป็นเท่าตัวขอรับ”

เมื่อเหล่าคุณชายได้ยินดังนั้นก็ประหลาดใจและได้สั่งชามาคนละแก้ว ในขณะที่ดื่มน้ำชา นักดนตรีที่มาจากหอโคมเขียวคอยดีดพิณอยู่หลังฉากบังลม เสริมให้บรรยากาศการดื่มชาดีขึ้นอย่างที่สุด

เมื่อเหล่าคุณชายดื่มชาเสร็จแล้ว ก็พูดว่าอร่อยอย่างไม่รู้ตัว

แต่หวังฟู่กุ้ยกลับพึมพำในใจว่า ชานี้ก็แค่ชาธรรมดาๆที่เหล่าชาวเมืองดื่มกันทุกวัน กลับถูกพวกคุณชายชื่นชมยกยอเช่นนี้ ต้องใช้โอกาสนี้ดำเนินขั้นต่อไปแล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์