วันถัดมา เมื่อฟ้าเริ่มสาง
ฉินเหยียนได้สวมหมวกฟางและถือพลั่วเอาไว้ เขายืนอยู่ข้างๆกองทรายและกรวดแล้วออกคำสั่งว่า
“ทุกคนรวมตัว!”
เมื่อสิ้นเสียงแล้วเถาซงจือก็รีบตีฆ้องทันที เมื่อทุกคนได้ยินเสียงแล้วก็รีบลุกขึ้นจากที่นอนแล้วไปรวมตัวที่ท่านผู้ศักดิ์สิทธิ์
เมื่อทุกคนมาถึงกันครบแล้ว ฉินเหยียนก็พูดเสียงดังว่า
“คิดว่าพวกเจ้าคงเคยได้ยินความรุ่งโรจน์ของเซียนตูมาบ้างแล้ว ที่เซียนตูสามารถสร้างอาคารสูงใหญ่ได้นั้นก็เพราะทุกคนสามัคคีกัน สรรพสิ่งต้องมีการพัฒนาแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยเริ่มจากตัวเรา!”
เมื่อสิ้นเสียงแล้วฉินเหยียนก็ถกแขนเสื้อขึ้นแล้วพูดเสียงดังว่า “ทุกคน เริ่มงานได้!”
ฉินเหยียนพาพวกผู้ชายไปทุบหิน ขุดเหมืองดิน แบกทราย ตัดไม้เพื่อเตรียมสร้างอาคารและปูทาง
เหล่าสิบสองปิ่นหิรัญย์พาเหล่าหญิงสาวไปประจำหน้าที่ของตน เพราะผู้หญิงไม่สามารถแบกหรือยกของหนักได้ ยังคงทำอาหารและซักผ้า เย็บปักถักร้อยเช่นเดิม
ผ่านไปหลายวันก็เริ่มมีผู้หญิงไม่พอใจ
“ไหนว่าให้เรามาเป็นผู้ประสานงานหญิงไง เหตุใดจึงให้เราซักผ้าทำอาหารเล่า?”
“นั่นสิ ต่างอะไรกับงานที่เราทำก่อนหน้านี้งั้นรึ”
“ข้าคิดว่าจะไม่มาที่นี่แล้วจะไม่เหมือนที่ผ่านมาเสียอีก!”
สิบสองปิ่นหิรัญย์เสี่ยวเยว่เดินผ่านมาพอดี เมื่อนางได้ยินเหล่าหญิงสาวพูดเช่นนั้นก็สั่งสอนว่า
“เจ้าพูดเช่นนั้นก็มิถูก เมื่อก่อนพวกเจ้าทำงานหนักทุกวัน ไม่ได้อะไรเลยแถมยังถูกคนอื่นมองว่างานเหล่านั้นเป็นหน้าที่ของพวกเจ้าอีก แม้ตอนนี้จะเป็นการซักผ้าเย็บถักร้อย ทำอาหารเช่นเคย แต่พวกเจ้าทำเพื่อตนเอง เพื่อหาเงิน เพราะเมื่อก่อนต่อให้พวกเจ้าทำงานเหล่านี้ทุกวัน ก็ไม่มีทางได้เงินสองร้อยอีแปะ”
เมื่อเหล่าหญิงสาวได้ยินเช่นนั้นก็เปลี่ยนความคิดใหม่
“จะว่าไปก็จริงนะ เราทำงานที่นี่เพื่อหาเงินเลี้ยงตนเอง”
เสี่ยวเยว่พูดต่อว่า “แม้ว่างานที่พวกเจ้าทำในตอนนี้จะเป็นงานทั่วไป แต่ท่านผู้ศักดิ์สิทธิ์เก้าดอกบัวได้กล่าวแล้วว่า สรรพสิ่งต้องมีการพัฒนาแบบค่อยเป็นค่อยไป ทุกอย่างสร้างขึ้นจากความไม่มี เมื่อสร้างที่แห่งนี้ได้รุ่งโรจน์ดังเซียนตูแล้ว พวกเจ้าทุกคนก็ล้วนมีส่วน”
มีหญิงสาวพูดหยอกล้อว่า “แล้วความดีความชอบมันมีอะไรดีงั้นรึ?”
เสี่ยวเยว่พูดอย่างจริงจังว่า “มีแน่อยู่แล้ว รอช่วงทานมื้อเที่ยง พวกเจ้าไปดูที่ประกาศก็จะรู้เอง”
ในขณะเดียวกัน มีป้ายไม้อันหนึ่งกำลังถูกสร้างขึ้น มันคือป้ายประกาศ
เฉิงเซินและเถาซงจือยืนอยู่ตรงหน้าป้ายประกาศ แล้วมองดูระดับต่างๆที่แสดงออกมาอย่างจริงจัง บนนั้นมีการระบุระดับเจ็ดระดับเอาไว้ ตั้งแต่ต่ำไปจนถึงสูง โดยมีดังนี้
“ข้าพอเข้าใจอยู่บ้าง หรือก็คือถ้าอยากจะเลื่อนขั้น ก็ต้องพยายามทำงานหรือไม่ก็ยอมจ่ายเงิน ก็จะสามารถเป็นขุนนางได้”
“จะเป็นเช่นนั้นรึ เป็นขุนนางจะง่ายเพียงนั้นเชียวรึ?”
เฉิงเซินเดินมาอย่างรวดเร็วแล้วพูดว่า “แน่นอนอยู่แล้ว หากอยากจะอยู่เหนือผู้อื่น ไม่พยายามทำงานก็ต้องยอมจ่ายเงิน จากที่ท่านผู้ศักดิ์สิทธิ์กล่าวมา เพื่อสร้างเมืองนี้ ทุกคนมีเงินก็สามารถจ่ายเงินได้ ไม่มีเงินก็สามารถทำงานได้ เพียงแค่พวกเจ้าพยายามทำงาน อีกหน่อยพวกเจ้าก็จะได้เป็นขุนนาง ล้วนสามารถก้าวสู่จุดสูงสุดของชีวิตได้”
เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้นแล้วก็เลือดร้อนทันที ตื่นเต้นจนร้องเฮ
“ถ้าเป็นเช่นนั้น เพียงแค่พยายามมากพอ พวกข้าก็สามารถประสบความสำเร็จได้ ไม่ใช่คนธรรมดาอีกต่อไปแล้วสินะ!”
มีหญิงสาวหลายคนที่ดูประกาศแล้วถามขึ้นอย่างสงสัยว่า “ผู้หญิงอย่างพวกข้าก็เป็นขุนนางได้รึ?”
เฉิงเซินตอบกลับว่า “แน่นอนอยู่แล้ว ไม่มีอคติทางเพศ ตราบใดที่ใช้ความพยายามแลกคะแนนมาได้มากพอ ก็สามารถเป็นขุนนางได้ทั้งนั้น!”
เมื่อเหล่าหญิงสาวได้ยินดังนั้นก็หมดห่วงไปทันที แล้วพากันพูดอย่างตื่นเต้นว่า
“แล้วจะรออะไรกันอีก เวลาคือคะแนน รีบไปทำงานกันเถิด!”
“ทำงาน!”
ทันใดนั้นทุกคนก็ตื่นตัวและพากันทำงานอย่างบ้าคลั่ง ทั่วทั้งค่ายครึกครื้นอย่างมาก แววตาของทุกคนเต็มไปด้วยความหวังแห่งอนาคต
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...