องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 818

เฉิงเซินและเฝิงตู่ซื้อไก่ย่างมาตัวหนึ่ง และเหล้าสองขวด หาที่สงบๆและนั่งคุยกันบนพื้น

เฉิงเซินเหนื่อยล้าจากการเดินทาง เขาจึงผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว

เฝิงตู่วางซวงเอ๋อร์ลงบนพื้นอย่างอ่อนโยน หาเสื้อผ้ามาห่มให้ จากนั้นจิบเหล้าชนแก้วกับเฉิงเซิน

“ชน!”

เฉิงเซินจิบเหล้าแล้วพูดว่า

“ตั้งแต่งานแต่งของอ๋องเหยียนเสร็จสิ้น ข้าค้นตัวเจ้าทั่วทั้งเมืองเซียนตู แต่กลับไม่เจอเจ้า”

เฝิงตู่ดึงปีกไก่ออกมาแล้วกินอย่างมีความสุข พร้อมกับพูดว่า

“เป็นโชคชะตา!”

เฉิงเซินเหลือบมองซวงเอ๋อร์ที่กำลังหลิบสนิทและถามว่า

“เด็กคนนี้มาได้อย่างไรกัน หน้าตาไม่เหมือนเจ้าเลย”

เฝิงตู่เอียงคอแล้วหัวเราะออกมา

“ไม่ใช่ลูกสาวข้าหรอก ไม่แปลกที่ไม่เหมือนข้า เด็กคนนี้ติดตามข้ามาก็ถือว่าเป็นพรหมลิขิตเช่นกัน”

เฉิงเซินถามต่อ

“เด็กคนนี้มาจากที่ใดหรือ?”

เฝิงตู่จิบเหล้าแล้วพูดว่า

“หลังจากที่ข้าออกมาจากเมืองเซียนตู ข้าคิดจะไปต่างเมือง ใครจะไปรู้ว่าศัตรูไล่ตามจะฆ่าข้ามาตลอดทาง ถึงแม้ข้าจะรอดตายอย่างหวุดหวิด แต่ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเอาการเช่นกัน”

“เมื่อข้าตื่นขึ้น พ่อของเด็กน้อยคนนี้ช่วยชีวิตข้าเอาไว้ พ่อของนางเป็นหมอ คอยรักษาบาดแผลจนข้าหายดี”

“แต่ไอ้พวกคนเลวพวกนั้น หลังจากที่ข้าออกจากบ้านนั้นไม่นาน พวกมันก็ตามไปจนถึงหมู่บ้านเด็กคนนี้ เพื่อให้ข้าเปิดเผยตัวออกมา พวกมันฆ่าทุกคนในหมู่บ้าน”

“เพื่อที่จะปกป้องนาง จึงซ่อนตัวนางเอาไว้และพ่อนางจึงถูกฆ่าตาย เมื่อข้ากลับไปยังหมู่บ้านนั้นอีกครั้ง นางก็เหลือตัวคนเดียวในหมู่บ้านนั้นแล้ว”

“เป็นเพราะข้าเองที่ทำให้คนบริสุทธิ์เหล่านั้นต้องตาย ทั้งหมดเป็นเพราะข้า ข้าจึงไม่อาจทิ้งเด็กคนนี้เอาไว้ได้ จึงพาตัวนางมาด้วยเพื่อพายังบ้านญาติ”

“ชะตากรรมของเด็กคนนี้ช่างน่าสงสาร ลูกชายอีกคนของพ่อนางบอกว่าจำนางไม่ได้ ข้าจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องพานางตามหาแม่ของนาง”

เฉิงเซินได้ยินเช่นนั้นรู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อย

เฝิงตู่คือกงซุนอู๋หมิง นักฆ่าที่มีชื่อเสียงที่สุดในใต้หล้า ถ้าเขาไม่ออกจากองค์กร ยอมตัดแขนของตน เขาจะตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างไร

เฉิงเซินหยิบเหล้าขึ้นมาชนแก้วกับเฝิงตู่โดยปราศจากคำพูดปลอบโยนใดๆ ก้มหน้าก้มตาดื่ม

แต่เฝิงตู่พูดอย่างใจเย็น

“แต่ไม่เป็นไรหรอก หากเด็กคนนี้ไม่มาอยู่กับข้าคงทุกข์ทรมาน รอให้ข้าตามหาแม่นางให้เจอ เช่นนั้นถือว่าภารกิจของข้าเสร็จสิ้นแล้ว ข้าก็จะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระต่อไป”

เฉิงเซินอาศัยจังหวะนี้ถามออกไปว่า

“พูดตามความจริง คนที่มีสถานะพิเศษอย่างเจ้า ไปที่ใดก็เจอแต่ศัตรู แทนที่จะเดินทาง เหตุใดถึงไม่เข้าสมัครเป็นคนในตำหนักอ๋องเหยียนเล่า?”

เฝิงตู่เอียงคอ พุดอย่างไม่แยแสว่า

“ครั้งหน้าเจอเจ้าในฐานะอัครเสนาบดี ข้าต้องให้ความเคารพเจ้าหรือไม่?”

เฉิงเซินโบกมือปัดแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม

“ไม่จำเป็น ทุกคนต่างเท่าเทียมกัน ไม่มีใครสูงกว่าใคร อีกอย่างหน้าที่หลักของตำแหน่งนี้ก็เพื่อรับใช้ประชาชน”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้ว เฝิงตู่รู้สึกนับถืออีกฝ่ายขึ้นมา เขาชี้ไปที่เฉิงเซินด้วยความชื่นชมแล้วพูดว่า

“อ๋องเหยียนของเจ้าไม่เลวนี่ คนในความปกครองพูดจาเหมือนเขาไม่มีผิด ในชีวิตนี้ข้าไม่เคยชื่นชมใครมาก่อน อย่างแรกข้ายอมรับในตัวอ๋องเหยียน อย่างที่สองข้าชื่นชมเจ้า คนหนึ่งกล้าคุยโว อีกคนก็กล้าเชื่อ!”

“ฮ่าๆๆ...”

ทั้งสองหัวเราะกันอย่างเต็มที่ ชนแก้วกันอย่างไม่หยุดหย่อน

หลังจากดื่มและทานอาหารด้วยกันแล้ว เฉิงเซินไม่กล้าอ้อยอิ่งอีกต่อไป หลังขากบอกลาเฝิงตู่และซวงเอ๋อร์แล้ว เขาก็มุ่งหน้าตรงไปยังอาณาจักรจ้าวทันที เพื่อกลับไปใช้ชีวิตที่นั่นต่อ

เฝิงตู่มองไปที่ซวงเอ๋อร์ที่กำลังเคี้ยวไก่เต็มปาก เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจว่า

“อนาคตที่สดใสรอเราอยู่ เจ้าโชคดีมากที่เกิดในยุคนี้”

ซวงเอ๋อร์ไม่เข้าใจความหมายเหล่านั้น นางมองไปที่เฝิงตู่ด้วยสายตางุนงง

“ลุงแขนเดียว ขาไก่อร่อยมากเจ้าค่ะ!”

เฝิงตู่มองไปที่ซวงเอ๋อร์ที่น่ารักน่าเอ็นดู ใจเขาถูกความน่ารักนี้ช่วงชิงไปแล้ว แต่เขาไม่ลืมหน้าที่ที่ต้องทำ เขาอุ้มนางขึ้นมาพร้อมพูดขณะเดินว่า

“ไปกันเถิด ไปตามหาแม่เจ้ากัน!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์