องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 819

เดินทางอีกสองสามวัน เฝิงตู่และซวงเอ๋อร์ก็ถึงเมืองไป๋ลู่

เหมือนกับเมื่อก่อนที่ถนนเต็มไปด้วยคนสัญจรพลุกพล่าน

ข้อแตกต่างมีเพียงอย่างเดียวคือไม่ว่าจะอยู่บนถนนหรือในตรอกซอกซอย เกือบทุกคนต่างพูดถึงหัวถิงอันหรูหรา

เฝิงตู่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดูเหมือนว่าสมัยที่เขาเป็นผู้คุ้มกันสินค้าจะเคยไปหัวถิงมาก่อน ในความรู้สึกเขา ที่นั่นเป็นดินแดนที่แห้งแล้ง เหตุใดในตอนนี้ประชาชนอยากเดินทางไปยังหัวถิงกันล่ะ?

ขณะที่เขาเดิน เขาก็พึมพำ

“แปลกจริงๆ หัวถิงมีอะไรน่าสนใจอย่างนั้นหรือ?”

คนที่เดินผ่านไปมาได้ยินเฝิงตู่พูดกับตัวเอง เขาจึงพูดตอบด้วยความจริงใจ

“ดูเหมือนว่าเจ้าจะมาจากนอกเมือง ข้าจะบอกอะไรเจ้าให้ ท่านนักปราชญ์จิ่วเหลียนได้เปลี่ยนดินแดนที่แห้งแล้งในหัวถิง ให้กลายเป็นสถานที่ที่น่าประทับใจ มีข่าวลืมว่าเป็นเมืองเซียนตูแห่งที่สอง!”

“ไม่เพียงแต่จะมีโอกาสโอกาสที่ไม่สิ้นสุดเท่านั้น แต่ยังมีความงามจำนวนมาก เจ้าอาจจะพบรักแท้ที่นั่นก็เป็นได้ ถ้าเจ้าไม่เดินทางไปยังหัวถิง เจ้าก็ไม่ใช่ลูกผู้ชายแล้ว!”

เฝิงตู่ตกใจเมื่อได้ยินเช่นนั้นและบ่นออกมาว่า

“ที่นั่นเปรียบเสมือนกับเมืองเซียนตูแห่งที่สองเลยหรือ ทำให้คนพูดถึงกันปากต่อปากมากถึงขนาดนี้”

เมืองเซียนตูเป็นเมืองที่เจริญที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา เวลาผ่านไปไม่นาน หัวถิงพัฒนาไปรวดเร็วขนาดนี้ หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจของตัวเองแล้ว เขาต้องไปที่หัวถิงดูสักหน่อยว่าข่าวลือที่พูดกันนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เฝิงตู่ก็มาถึงหน้าสถานศึกษาไป๋ลู่ โดยมีซวงเอ๋อร์อยู่ในอ้อมแขน

ทหารยามที่อยู่หน้าประตูขวางเขาไว้และพูดว่า

“เจ้าเป็นใคร?”

เฝิงตู่ตอบ

“ข้ามาหาจ้าวจือหย่า”

เขามองเฝิงตู่ขึ้นๆ ลงๆ และรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนดี เขาจึงตอบไปตรงๆ ว่า

“แม่นางจ้าวแต่งงานไปอยู่เมืองอื่นเมื่อสองสามเดือนก่อน เรื่องนี้คนเขารู้กันทั้งเมือง เหตุใดเจ้าถึงยังมาหานางที่นี่อีก?”

เฝิงตู่จำได้ว่าจ้าวจือหย่าแต่งงานกับคนที่มีอิทธิพล จึงถามอย่างรีบแร่ง

“นางแต่งงานแล้วย้ายไปอยู่ที่ใดหรือ?”

อีกฝ่ายตอบกลับอย่างหงุดหงิด

“ไปอยู่ที่หัวถิงแล้ว”

สีหน้าของเฝิงตู่แปลกใจอีกครั้ง หัวถิงอีกแล้วหรือ ตอนนี้การหาญาติพี่น้องของซวงเอ๋อร์ถูกตัดขาดอีกครั้ง

ขณะที่กำลังคิด พลันได้ยินเสียงยามพูดอย่างรำคาญและกำลังขี่รถม้าออกไปว่า

“ไม่มีอะไรก็รีบกลับไปได้แล้ว ที่นี่เป็นที่พักของนักปราชญ์ ไม่อนุญาตให้คนอย่างเจ้าอยู่ที่นี่นานนัก!”

เฝิงตู่กลอกตาไปที่ยามและพูดอย่างไม่พอใจเช่นกัน

“ช่างเป็นสถานที่แย่มาก ถึงขอให้ข้ามา ข้าก็จะไม่มาอีก!”

ซวงเอ๋อร์เองก็ยังทำสีหน้าน่าเกลียดใส่ยามคนนั้น

“ชิ่วๆๆ”

“พวกเจ้า!”

ไม่สนใจยามที่กำลังโกรธ เฝิงตู่อุ้มซวงเอ๋อร์ลงมาจากภูเขาโดยไม่หันกลับไปมอง

ระหว่างทางลงเขาเฝิงตู่เป็นกังวลมาตลอดทาง

เขาคิดว่าส่งตัวซวงเอ๋อร์ให้กับนายหญิงของซีไหลเล่อ หน้าที่เขาคงเสร็จสิ้นแล้ว แต่ตอนนี้จ้าวจือหย่าเพิ่งแต่งงานไปไม่นาน ถ้าเขาไปหานางตอนนี้ อีกฝ่ายคงจำลูกตัวเองไม่ได้

หากเป็นเช่นนี้ เขาจะกลายเป็นคนสร้างปัญหาให้คนอื่น และซวงเอ๋อร์อาจจะไม่ถูกยอมรับ

ด้วยความตื่นเต้น เมื่อพิษไร้ความรู้สึกได้ปะทุออกมา ทำให้นางตาพร่าเลือน หมดสติไปบนถนน

ในความฝัน นางย้อนกลับไปตอนกลางคืน

ภาพน่าตื่นเต้นในห้องโดยสารบนเรือ เสียงตะโกนของโจรสลัด กลิ่นเลือดในแม่น้ำแรงมาก น้ำในแม่น้ำเย็นจัด ไฟไหม้บนเรือ ภาพทั้งหมดเกิดขึ้นในความฝันของนาง หลั่งไหลเข้ามาราวกับคลื่น

“นายหญิง!”

ในที่สุดคนรับใช้ก็ตามนายหญิงมาทัน เห็นนางนอนหมดสติอยู่บนถนน จึงรีบก้าวไปดู

“นายหญิง เป็นอะไรไปหรือเจ้าคะ? อย่าทำให้บ่าวตกใจสิเจ้าคะ!”

“อย่ามัวแต่ตกใจ รีบพาตัวนายหญิงไปส่งที่สำนักศึกษา รีบตามหมอมา!”

บรรดาคนรับใช้รีบอุ้มตัวจ้าวจือหย่าไปที่สถานศึกษาไป๋ลู่

จ้าวเหวินเซิงรองคณบดีที่กำลังสอนในสำนักอยู่นั้น ได้รับแจ้งข่าวว่าลูกสาวเป็นลม เขารีบไปยังห้องลูกสาวในทันที

ทันทีที่มาถึง เห็นคนรับใช้ต่างหน้าซีดและตกอยู่ในความสับสน

ใจของผู้เป็นพ่อแตกสลาย เขาระงับความรู้สึกในใจและสั่งออกไปว่า

“เรียกหมอมา!”

จ้าวเหวินเซิงจับมือลูกสาวและพูดออกมาอย่างสะเทือนใจ

“ลูกพ่อ เหตุใดเจ้าถึงเป็นแบบนี้?”

จ้าวจือหย่าขมวดคิ้ว เหงื่อเม็ดใหญ่อาบแก้ม พูดเพ้ออกมาว่า

“ลูกสาว ข้ามีลูกสาว ข้าเจอลูกสาวของข้าแล้ว...”

จ้าวเหวินเซิงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น คิดว่านางเริ่มเพ้อพูดจาไร้สาระ แต่เรื่องนี้สำคัญมาก เขาจึงส่งจดหมายกลับไปยังหัวถิงทันที

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์