องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 862

วันถัดมา

ณ ค่ายทหารชายแดนอาณาจักรเยี่ยน

ทั่วทั้งค่ายทหารเต็มไปด้วยพยับมืด ภายใต้พยับมืดเองกมีช่างตีดาบที่กำลังตีเหล็กที่ถูกเผาจนแดงกันจนเหงื่อท่วมตัว พวกเขากำลังตีเหล็กนี้ให้กลายเป็นอาวุธที่คมอย่างมาก

เฝิงตู่ที่ตีเหล็กอยู่ที่นี่มาหลายวัน บัดนี้กำลังถือมีดคมๆด้ามหนึ่งซ่อนอยู่ในมุมจะโกนศีรษะให้ซวงเอ๋อร์

ซวงเอ๋อร์นั่งอยู่บนเก้าอี้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่สบอารมณ์ นางดิ้นรนร้องไห้แล้วพูดว่า

“หัวล้านน่าเกลียด ข้าไม่เอาหัวล้าน!”

เฝิงตู่นั่งยองๆแล้วโน้มน้าวอย่างใจเย็นว่า “ซวงเอ๋อร์เป็นเด็กดีที่สุดเลย บัดนี้มีแต่ความโกลาหล จิตใจคนก็ชั่วร้าย พ่อทำงานอยู่ในค่ายทหาร หากเจ้าไม่โกนศีรษะ พ่อคงปกป้องเจ้าไว้ไม่ได้!”

วงตากลมโตของซวงเอ๋อร์เต็มไปด้วยน้ำตา นางพูดอย่างสะอื้นว่า

“งั้นถ้าข้าโกนศีรษะแล้ว คนอื่นก็จะไม่รู้ว่าข้าคือเด็กผู้หญิงแล้วงั้นรึ?”

เมื่อเฝิงตู่เห็นว่าซวงเอ๋อร์ยอมแล้ว จึงได้พูดอย่างจริงจังว่า

“ตราบใดที่เจ้าไม่ไปนั่งฉี่ในที่สาธารณะ พ่อรับรองว่าจะไม่มีใครดูออกเลยว่าเจ้าคือเด็กผู้หญิง!”

ซวงเอ๋อร์เม้มริมฝีปาก นางตบใบหน้าเล็กๆของตนเองแล้วพูดพึมพำอย่างจนปัญญาว่า

“แต่ข้าก็ไม่อยากจะโกนศีรษะอยู่ดีนี่”

เฝิงตู่ไม่ให้โอกาสซวงเอ๋อร์ปฏิเสธ เขาถือมีดแล้วตัดผม ไม่นานซวงเอ๋อร์ก็กลายเป็นเด็กหัวล้าน

เขาปัดตอซังผมบนหนังศีรษะของนางแล้วมองอย่างละเอียด จากนั้นก็พูดว่า

“ดูเด็กหัวล้านตัวน้อยสิ งดงามเสียจริง!”

ว่าแล้วก็ยังเอากระจกเล็กๆให้ซวงเอ๋อร์ดูด้วย

ซวงเอ๋อร์รับกระจกเล็กๆมาแล้วมองซ้าย มองขวา ศีรษะของนางล้าน ราวกับไข่ไก่ที่ถูกปอกเปลือก เมื่อเห็นตนเองที่น่าเกลียดในกระจกแล้ว ซวงเอ๋อร์ก็ร้องไห้ออกมา น้ำตาของนางไหลรินลงมาทันที นางโกรธจนปากระจกทิ้ง แล้วกระโดดลงจากเก้าอี้ทันที จากนั้นก็กำหมัดแล้วทุบตีเฝิงตู่ นางร้องไห้โวยวายว่า

“หัวล้านไม่งดงามเลย ซวงเอ๋อร์ไม่ชอบ! ท่านพ่อใจร้าย! ท่านพ่อไม่ดี!”

เฝิงตู่มองซวงเอ๋อร์หัวล้านที่โกรธเกรี้ยวแล้วก็ทั้งรู้สึกขันและปวดใจ หากไม่ใช่เพราะเกิดความโกลาหล เขาเองก็ไม่อยากให้ซวงเอ๋อร์หัวล้านเลย เขาย่อตัวไปอุ้มซวงเอ๋อร์แล้วปลอบใจว่า

“อย่าตีเลย ซวงเอ๋อร์เป็นเด็กดี พ่อซื้อของอร่อยชดเชยให้เจ้าได้รึไม่?”

ซวงเอ๋อร์ได้ยินว่ามีของอร่อยจึงเช็ดน้ำตาแล้วพูดตกลงอย่างฝืนใจว่า

“ซวงเอ๋อร์จะทานขนมพุทรา! จะทานสองชิ้น!”

เฝิงตู่ตอบตกลงทันที “ตกลง สองชิ้นก็สองชิ้น ไปกัน ไปแลกเงินซื้อขนมพุทธา!”

ซวงเอ๋อร์ยิ้มแย้ม “ได้ทานขนมพุทธาแล้ว!”

ทั้งสองมาถึงจุดแผงขายขนมพุทธา เฝิงตู่ล้วงเงินแล้วพูดไปด้วยว่า “เอาขนมพุทธาสองชิ้น”

พ่อค้าพูดอย่างเก้อเขินว่า “ไม่มีขนมพุทธา มีแต่แป้งอบ”

เฝิงตู่มองเจ้าของร้านด้วยสีหน้าสงสัย แล้วพูดว่า “วันนี้ขายขนมพุทธาดีมากเลยรึ? ถึงได้ขายหมดแล้ว”

พ่อค้าพูดอย่างอับจนว่า “ไม่ได้ขายหมด แต่ไม่ได้ทำเลยต่างหาก”

เฝิงตู่สงสัยมากกว่าเดิม “เหตุใดจึงไม่ทำขนมพุทธาแล้วล่ะ?”

พ่อค้าถอนหายใจยาวๆแล้วพูดว่า “บัดนี้ทั่วทั้งอาณาจักรเยี่ยนกำลังร่วมใจกันหาเงิน ภาษีแพงมากขึ้นทุกวัน ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไป เรื่องปากท้องก็เป็นเรื่องยากสำหรับชาวเมืองอย่างเราแล้ว”

เกิดสิ่งผิดปกติต้องมีอะไรแน่ๆ ด้วยประสบการณ์ก่อนหน้านี้ เฝิงตู่ครุ่นคิดอย่างละเอียด ดูท่าแล้วอาณาจักรเยี่ยนจะทำสงครามงั้นรึ?

ซวงเอ๋อร์ดึงชายเสื้อของเฝิงตู่แล้วถามว่า “ท่านพ่อ ซื้อเสร็จหรือยัง? ซวงเอ๋อร์หิวแล้ว”

เฝิงตู่ดึงสติกลับมา ในเมื่อไม่มีขนมพุทธา ก็จะปล่อยให้ซวงเอ๋อร์หิวไม่ได้ เขายื่นเงินสองอีแปะให้พ่อค้า จากนั้นก็ซื้อแป้งอบสองชิ้นมา แล้วอุ้มซวงเอ๋อร์เดินเข้าไปในค่ายทหาร

เขาคิดเรื่องที่อาณาจักรเยี่ยนจะเกิดสงครามแล้วกำลังลังเลว่าจะพาซวงเอ๋อร์ไปใช้ชีวิตที่อื่นดีรึไม่ ทันใดนั้นก็มีหน่วยลาดตระเวนรีบเข้ามาในค่ายแล้วรายงานเสียงดังว่า

“รายงานขอรับ! ผู้ว่าราชการจังหวัดเมืองอี้ ถูกนักฆ่าอันดับหนึ่งกงซุนอู๋หมิงลอบสังหารแล้ว!”

เมื่อเฝิงตู่ได้ยินดังนั้นก็หยุดฝีเท้าลง เขามึนงงไปหมด เกิดอะไรขึ้น? เขาไปสังหารผู้ว่าราชการจังหวัดเมืองอี้เมื่อไรกัน? มีใครแอบอ้างเป็นเขาไปสังหารคนงั้นรึ?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์