องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 863

ในขณะที่เฝิงตู่ครุ่นคิดอย่างสงสัยแล้ว ก็ได้ยินมีเสียงตะคอกอย่างเดือดดาลดังมาจากในเต็นท์

“ผู้ว่าราชการจังหวัดเมืองอี้คือคนโปรดของฝ่าบาทเชียวนะ เป็นแค่นักฆ่าแห่งยุทธภพที่ต่ำต้อย บังอาจลงมือกับคนโปรดของฝ่าบาทได้ คงจะได้ใจเกินไปแล้ว! ออกคำสั่งของข้าไป เสนอรางวัลเงินหนึ่งหมื่นตำลึงให้หาตัวกงซุนอู๋หมิงซะ!”

เมื่อได้ยินดังนั้นเฝิงตู่ก็ใบหน้าตึงเครียดทันที เขารีบปิดหน้าปิดตาแล้วโค้งตัวพาซวงเอ๋อร์เข้าไปในส่วนลึกของค่ายเงียบๆ เมื่อกลับไปถึงที่พักแล้ว เฝิงตู่ก็โล่งอก

เดิมทีคิดว่าจะเปลี่ยนที่อยู่ แต่ไม่คิดเลยว่ายังไม่ทันได้เคลื่อนไหวก็ถูกประกาศจับแล้ว อยู่เฉยๆก็มีปัญหาเข้ามา ถูกแอบอ้างแล้วยังไปสังหารข้าราชการแห่งพระราชสำนักอีก ทำเอาเขารับมือไม่ทันเลย

คำสั่งยุทธภพให้รางวัลหนึ่งหมื่นตำลึงทอง คำสั่งพระราชสำนักให้รางวัลหนึ่งหมื่นตำลึงเงิน ด้วยราคาค่าหัวของเขาในตอนนี้ ขนาดเขาเองยังอยากจะตัดศีรษะตัวเองไปแลกเงินเลย! ในขณะเดียวกันก็คาดเดาไปด้วย ว่าใครกันแน่ที่แอบอ้างเป็นเขา

ซวงเอ๋อร์มองแป้งอบแล้วน้ำตาคลอ พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า

“ท่านโกนหัวข้า แล้วยังไม่ซื้อของอร่อยให้ข้าอีก ให้ข้าทานเพียงแป้งแห้งๆเช่นนี้ ท่านพ่อพูดแล้วไม่คำไหนคำนั้น ไม่อยากจะสนใจท่านพ่ออีกแล้ว!”

บัดนี้เฝิงตู่รู้สึกสับสนไปหมด สิ่งที่เกิดขึ้นแต่ละเรื่องในช่วงเวลาใกล้ๆนี้เหนือความคาดเดาของเขาไปหมด ทำเขาไม่อาจคาดคิดได้เลย เขาพูดอย่างเหม่อลอยว่า

“มีให้ทานก็ทานเถิด”

เขาฉีกแป้งอบเข้าปากแล้วคิดในใจว่า ใครเป็นคนแอบอ้างเขากันแน่?

ไม่กี่วันถัดมา ในค่ายทหารได้ส่งกำลังทหารและม้าออกไปมากมาย เพื่อที่จะจับกงซุนอู๋หมิงมาให้ได้

เมื่อเฝิงตู่ครุ่นคิดแล้วก็เลือกที่จะแอบซ่อนตัวในค่ายทหารแล้วทำงานตีเหล็กต่อไป อย่างไรใต้แสงไฟก็มืดมิด บางทีที่ที่อันตรายที่สุดอาจเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุด

และตอนที่อยู่ในค่ายทหาร เขาก็ได้ยินเหล่าทหารที่กลับค่ายพูดถกเถียงกันเรื่องกงซุนอู๋หมิงที่แอบอ้างเป็นเขาเป็นครั้งคราว

“นักฆ่าอันดับหนึ่งกงซุนอู๋หมิงสมกับฉายาของเขาจริงๆ มีใครไล่จับเขามากมายก็ยังหนีรอดไปได้ ทำให้เกิดบาดเจ็บล้มตายไปมากมาย”

“นั่นสิ ข้าได้ยินมาว่ากงซุนอู๋หมิงสังหารคนอย่างง่ายดาย มีบทกวีที่กล่าวว่า สังหารคนได้ภายในสิบก้าว ต่อให้เดินทางไปหลายพันไมล์ก็ไม่มีใครหยุดเขาได้ เมื่อทำการใหญ่แล้วก็เดินหายไป ซ่อนนามและผลงานเอาไว้”

เฝิงตู่ตีเหล็กและแอบฟังไปด้วย เมื่อได้ยินบทกวีที่พวกเขาเขียนให้เขา เขาก็รู้สึกภูมิใจและยิ้มแย้มอย่างไม่รู้ตัว แม้แต่ตอนที่ตีเหล็กก็ออกแรงไปมากแบบไม่ทันรู้ตัว

“เจ้าเฝิง เจ้ายิ้มอะไรของเจ้า เบื้องบนได้ออกคำสั่งทหารมา ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจะต้องตีอาวุธอย่างน้อยสิบด้าม”

“ได้เลย!” เฝิงตู่ตอบรับไปอย่างไม่รู้ตัว แต่ทันใดนั้นก็ดึงสติกลับมาได้

“เท่าไรนะ! อาวุธสิบด้ามรึ บ้าไปแล้วรึไง?”

“คำสั่งจากเบื้องบน ข้าจะทำอย่างไรได้เล่า”

ฉินเหยียนขมวดคิ้วแน่น และรู้สึกว่าแผนนี้คงไม่ได้ผล แต่ตราบใดที่มีความหวังเพียงน้อยนิดเขาก็ไม่มีทางถอดใจง่ายๆ เขาพูดพึมพำว่า

“เขาซ่อนอยู่ที่ใดกันนะ?”

ที่จริงฉินเหยียนเองก็เข้าใจผิดไป งานประลองยุทธก่อนหน้านี้เขาได้ประกาศว่าห้ามสังหารเฝิงตู่ หากใครสังหารก็จะสังหารคนผู้นั้น เหล่าชาวยุทธส่วนใหญ่ซื่อสัตย์ รับเงินแล้วก็ต้องทำตาม แม้พระราชสำนักจะออกคำสั่งให้จับตัวกงซุนอู๋หมิง แต่ชาวยุทธในพระราชสำนักก็สามารถใช้วิธีการที่มีจำกัดได้ เช่นภาพวาดมั่วๆ แค่นี้ก็จะไม่มีใครจับกงซุนอู๋หมิงได้แล้ว

ทั้งสามพูดคุยและเดินทางไปด้วย บังเอิญพบว่ามีค่ายทหารอยู่ไม่ไกล

เซี่ยชิงหูดีอย่างมาก นางได้ยินเสียงตีเหล็กที่ดังออกมาจากค่ายทหารเบาๆ จึงได้รายงานว่า

“นายท่านเพคะ ค่ายทหารด้านหน้านี้กำลังตีอาวุธอยู่ ฟังจากเสียงแล้วดูท่าจะมีคนไม่น้อยเลย เราจะเข้าไปดูรึไม่?”

ฉินเหยียนมองไปยังค่ายทหาร บัดนี้พวกเขาไม่ควรจะสร้างปัญหา ยิ่งสงบเสงี่ยมยิ่งดี อย่างไรการหาตัวลูกสาวก็เป็นเรื่องใหญ่ที่สุด จึงได้พูดอย่างจริงจังว่า

“นี่คือค่ายทหารรักษาอาณาจักรเยี่ยน ไม่มีทางมีเบาะแสของเขา เราจะทำอะไรเอิกเกริกไม่ได้ เดินอ้อมจะดีกว่า”

“เพคะ”

ทั้งสามเดินอ้อมค่ายทหารไป เพื่อมุ่งหน้ายังหมู่บ้านถัดไป แต่ทว่าสิ่งที่พวกเขาคิดไม่ถึงเลยก็คือ กงซุนอู๋หมิงที่พวกเขาตามหาอย่างยากลำบาก บัดนี้อยู่ในค่ายทหาร และกำลังตีอาวุธต่อไปเรื่อยๆ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์