องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 868

หัวถิง

เหล่าตระกูลขุนนางที่หักหลังพระราชสำนักได้มารวมตัวในจวนเจ้าเมือง อยากจะขอเข้าพบท่านผู้ศักดิ์สิทธิ์เก้าดอกบัว แต่บัดนี้ฉินเหยียนไม่อยู่ที่หัวถิง ตัวแทนเองยิ่งออกหน้ามาต้อนรับไม่ได้ด้วย ดังนั้นในช่วงหลายวันนี้เหล่าตระกูลขุนนางก็ไม่ได้พบท่านผู้ศักดิ์สิทธิ์เก้าดอกบัวเลย

ก่อนหน้าไม่กี่วันยังพอไหว เพราะเหล่าตระกูลขุนนางลุ่มหลงไปกับหญิงสาวที่รายล้อม ลุ่มหลงในบรรยากาศของชีวิตฟุ้งเฟ้อสำรวย แต่เมื่อผ่านไปนาน นักวิชาการบางกลุ่มก็ไม่ยอม อยากจะเข้าพบท่านผู้ศักดิ์สิทธิ์เก้าดอกบัวอย่างเดียว

นั่นเองก็ทำให้หลิวเชียนเชียนทำอะไรไม่ถูก ท่านผู้ศักดิ์สิทธิ์เก้าดอกบัวไม่อยู่ที่หัวถิง แถมจู่ๆคนพวกนี้ก็มุ่งหน้ามาจะติดตาม ไม่รู้ว่ามาจากใจจริงหรือลองเชิงกันแน่

นางลังเล แต่สุดท้ายก็ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงรีบส่งจดหมายนกพิราบรายงานเรื่องนี้ให้แก่อ๋องเหยียน

......

ในพื้นที่ที่หนาวเหน็บอย่างมากในอาณาจักรเยี่ยน

ฉินเหยียน หยางจิ่นซิ่วและเซี่ยชิง ทั้งสามคนสวมชุดคลุมขนสัตว์แล้วเบียดกันอยู่กับกองไฟเพื่อรับไออุ่น

อุณหภูมิภายนอกศูนย์ต่ำกว่าสี่สิบองศา แม้ว่าจะก่อไฟอยู่ข้างใน แต่มันก็ยังทำให้หนาวจนตัวสั่น แม้แต่ลมหายใจก็เกาะตัวแข็งอย่างรวดเร็ว

นกพิราบที่บินมาส่งสารแสนไกลหนาวจนหัวชาไปหมด ฉินเหยียนเอาจดหมายบนขาของนกพิราบมาแล้วกอดมันเอาไว้เพื่อให้ความอบอุ่น

ฉินเหยียนเปิดจดหมายออกด้วยมือที่สั่นเทา เมื่อเห็นคำร้องขอจากหลิวเชียนเชียนแล้วเขาก็ครุ่นคิด

เรื่องที่ท่านผู้อาวุโสสิ้นใจนั้นถือว่าเหนือความคาดหมายของเขา แต่การที่คนในพระราชสำนักเกือบทั้งหมดหันมาพึ่งพาเขา อยากจะสนับสนุนให้เขาเป็นฮ่องเต้องค์ใหม่นั้นอยู่ในความคาดหมายของเขา อย่างไรก็รู้หน้าไม่รู้ใจ ต้องลองทดสอบจึงจะรู้ว่าเหล่าขุนนางมีเป้าหมายอะไรกันแน่

เขารับพู่กันจากหยางจิ่นซิ่วมาแล้วเขียนจดหมายตอบกลับว่า ให้ทำการเปิดการสอบ พูดคุยเกี่ยวกับภูมิหลังของเหล่าขุนนางพวกนี้ หากพวกเขาอย่างจะยอมจริงๆ ก็ให้ส่งไปเรียนที่อาณาจักรฉิน ให้พวกเขาได้เรียนด้วยทุน หากไม่ต้องการพัฒนา มีเป้าหมายอื่น ก็ให้ลุ่มหลงมึนเมาที่หัวถิง

เมื่อเขียนเรียบร้อยแล้ว ฉินเหยียนก็นำนกพิราบในอ้อมกอดออกมา เมื่อเห็นว่านกพิราบอาการดีขึ้นแล้ว เขาก็ได้นำจดหมายมัดไว้กับขาของมัน แล้วปล่อยให้มันบินไปในลมหนาว

......

หัวถิง

เมื่อหลิวเชียนเชียนได้รับจดหมายของอ๋องเหยียนแล้ว ก็พอมีแผนแล้ว

นางได้เรียกรวมตัวเหล่าตระกูลขุนนางมา แล้วพูดตรงๆว่า

“ท่านผู้ศักดิ์สิทธิ์เก้าดอกบัวได้รับรู้ถึงความจริงใจของพวกท่านแล้ว เชื่อว่าพวกท่านก็รู้กันดีว่าท่านชื่นชอบผู้มีความสามารถที่สุด ไม่อยากจะกลบฝังพรสวรรค์อย่างไร้ประโยชน์ จึงได้ทำการจัดการสอบขึ้นมาเพื่อทดสอบความสามารถของพวกท่าน จะได้ง่ายต่อการมอบตำแหน่งหน้าที่ให้ด้วย”

เมื่อทุกคนได้ยินว่าสอบก็รู้สึกมั่นใจมาก เพราะขุนนางใหญ่ในอาณาจักรหลู่ล้วนเป็นนักวิชาการที่ล่ำเรียนมามากมาย หากไม่ได้ร่ำเรียนมามากพอ ไม่มีทางได้ชื่อว่าเป็นนักวิชาการเลย ทุกคนต่างพูดอย่างมั่นใจว่า

“สอบก็ดี แค่สอบก็รู้แล้วว่าความสามารถสูงหรือต่ำแค่ไหน”

“อย่างไรพวกข้าก็เป็นตระกูลขุนนางนักวิชาการ เรื่องสอบเป็นเรื่องเล็ก”

หลิวเชียนเชียนอธิบายว่า “นี่คือเนื้อหาการสอบ ได้มีการร่างเอาไว้ให้ทุกท่านแล้ว เพื่อให้ทุกท่านได้กลับไปเตรียมตัวในยยามกลางคืน จะได้ไม่ผิดพลาดในวันพรุ่งนี้”

“หึ ไม่จำเป็น!”

ยิ่งนักวิชาการอาณาจักรหลู่หยิ่งผยองแค่ไหน พวกเขาก็จะยิ่งสลดในการสอบวันพรุ่งนี้เท่านั้น

เช่นโจทย์เกี่ยวกับดาราศาสตร์ โดยถามว่าท้องฟ้าสูงแค่ไหน? พื้นดินหนาแค่ไหน?

เช่นโจทย์เลข บัดนี้มีไก่และกระต่ายอยู่ในกรงเดียวกัน นับจากด้านบนมีสามสิบห้าหัว นับจากด้านล่างมีเก้าสิบสี่ขา คำถามคือในกรงมีไก่และกระต่ายจำนวนเท่าไร?

เมื่อสอบเสร็จเรียบร้อยแล้ว สุดท้ายเมื่อเลือกผลลัพธ์ที่ดีที่สุดออกมาก็แค่ระดับที่สิบสอง คนส่วนใหญ่ไม่ถึงยี่สิบเลย ไม่อาจเข้ารอบไปได้

มีบางคนที่สลดแล้วส่ายหน้าพูดว่า

“สมแล้วที่เป็นโจทย์ขอท่านผู้ศักดิ์สิทธิ์เก้าดอกบัว คิดว่าจะสอบได้ระดับหนึ่งเสียอีก ไม่คิดเลยว่าจะประเมินตนเองสูงเกินไป!”

“นั่นสิ ระดับความคิดของท่านผู้ศักดิ์สิทธิ์เก้าดอกบัว พวกเราไม่สามารถเทียบเคียงได้เลย”

หลิวเชียนเชียนกวาดตามองทุกคนแล้วพูดเสียงดังว่า

“ทุกท่านได้รู้ผลกันหมดแล้ว นักวิชาการระดับที่สิบเก้าขึ้นไป จะส่งไปเรียนรู้ที่อาณาจักรฉิน โดยท่านผู้ศักดิ์สิทธิ์เก้าดอกบัวจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด ตามความประสงค์ของท่าน”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์