จ้าวจือหย่ากะพริบตา ในเมื่อฉินเหยียนเชื่อใจนางมากถึงขนาดยกให้นางดูแลหออี๋หง นางก็จะไม่เป็นตัวถ่วงให้ฉินเหยียน จึงได้พูดอย่างจริงจังว่า “ท่านออกไปสะสางธุระจะต้องระวังตัวมากๆนะเพคะ”
ทันใดนั้นเอง ต้าหย่งและต้าจ้วงก็ได้มารายงานว่า “รายงานพ่ะย่ะค่ะอ๋องเหยียน ได้ทำการขนย้ายข้าวเสร็จสิ้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ มีสิบคันเต็มๆ อยากทราบว่าท่านอ๋องจะนำข้าวมากมายขนาดนี้ส่งไปที่ใดรึพ่ะย่ะค่ะ?”
ฉินเหยียนดูเวลาแล้วออกคำสั่งว่า “ต้าหย่ง เจ้าพาคนหนึ่งร้อยคนปลอมตัวเป็นผู้คุ้มกันขนส่ง ลากข้าวสารไปศาลพักม้าตามข้า”
“ต้าจ้วง เจ้าและสหายปลอมตัวเป็นลูกค้าหออี๋หง กินดื่มได้ตามสบาย จำไว้ให้ดีว่าห้ามให้ผู้ส่งสารลับแห่งอาณาจักรจ้าวจับผิดสังเกตได้”
ต้าจ้วงและต้าหย่งคุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้นแล้วประสานมือคารวะ “พ่ะย่ะค่ะ!”
ฉินเหยียนตบหลังมือของจ้าวจือหย่าเบาๆเพื่อให้นางสบายใจ จากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วเดินขึ้นรถม้าไป
เมื่อจ้าวจือหย่ายืนส่งฉินเหยียนและทุกคนแล้ว จากนั้นก็พูดกับเหล่าหญิงสาวหอเจี้ยวฟางซือว่า “แม่นางทั้งหลาย วันข้างหน้านี้เหนื่อยหน่อยนะ ตั้งสติเอาไว้ให้ดี!”
เหล่าหญิงสาวหอเจี้ยวฟางซือย่อตัวแล้วพูดว่า “เจ้าค่ะ!”
......
ทหารหัวกะทิร้อยนายปลอมตัวเป็นผู้คุ้มกันขนส่ง แล้วคุ้มกันการขนส่งของรถม้าสิบสองคัน หนึ่งคันในนั้นมีการบรรจุข้าวสารไว้เต็มคัน อีกคันมีฉินเหยียนและจ้าวจีเอ๋อร์ที่ถูกมัดมือมัดเท้าเอาไว้ ส่วนคันสุดท้ายบรรจุของใช้ในชีวิตประจำวันเอาไว้
การจัดเตรียมผู้คุ้มกันหลายร้อยคนไม่ใช่เรื่องแปลกในสมัยโบราณ อย่างไรแล้วในสมัยโบราณการเดินทางและการส่งข่าวสารก็ยังไม่เจริญนัก
หากต้องการจะขนส่งไปยังอีกสถานที่หนึ่งอย่างปลอดภัย โดยปกติแล้วก็จะเลือกเดินทางตามผู้คุ้มกันขนส่ง ด้วยเหตุนี้ขบวนผู้คุมกันขนส่งจึงใหญ่มาก ดังนั้นต่อให้ฉินเหยียนจะพาคนมาจำนวนเท่าไร ก็ไม่ได้เป็นจุดสนใจเลย
บนรถม้า จ้าวจีเอ๋อร์ถามขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “เจ้าจะพาข้าไปที่ไหน?”
ฉินเหยียนงีบแล้วพูดว่า “เดี๋ยวเจ้าก็รู้เอง”
จ้าวจีเอ๋อร์โกรธจนกัดฟัน ถามไปก็เหมือนไม่ได้ถาม เจ้าบ้านี่ช่างน่าเกลียดจริงๆ
เพียงสิบห้านาที ฉินเหยียนและทุกคนก็ได้มาถึงหน้าประตูเมือง
“หยุดรถหยุดรถ! ทำอะไรกัน?” ทหารเฝ้าประตูเมืองหยุดรถม้าของฉินเหยียนลง
ต้าหย่งรีบอธิบายว่า “สหาย พวกข้าคือผู้คุ้มกันขาส่ง บนรถม้ามีแต่ข้าวสาร ขอเราไปหน่อยได้รึไม่”
ทหารเฝ้าประตูเมืองพูดอย่างเง้มขวดว่า “ข้าไม่สนว่าเจ้าจะเป็นผู้คุ้มกันขนส่งรึไม่ หากจะออกจากเมืองต้องลงบันทึกไว้ก่อน มาจากไหน กำลังจะไปไหน จุดหมายคือที่ใด บรรทุกอะไรในรถม้า มีจำนวนเท่าไร เขียนให้ชัดเจนแล้วจะปล่อยไป”
ต้าหย่งกะพริบตาปริบๆ เขาพูดอย่างติดอ่างว่า “อ๋องเหยียน ท่าน......”
ฉินเหยียนรู้ว่าจ้าวจีเอ๋อร์กำลังมองเขาอยู่ แต่ก็ยังคงไม่ลืมตา ยังคงงีบต่อไป
เมื่อผ่านไปสองชั่วโมง รถม้าของฉินเหยียนก็ได้มาถึงศาลพักม้า
ผู้ดูแลศาลพักม้าถามขึ้นเช่นเคย “แสดงเตี๊ยบบุ๊งด้วย”
ต้าหย่งยิ้มแล้วพูดว่า “ผู้ดูแลศาลพักม้า พวกข้าคือผู้คุ้มกันขนส่ง ยังไม่ได้รับเตี๊ยบบุ๊งเลย แต่สหายของข้าได้ดำเนินการแล้ว อีกไม่กี่วันเขาจะตามมา ยังไงเปิดทางให้ข้าได้เข้าไปพักหน่อยได้รึไม่?”
ผู้ดูแลศาลพักม้าดึงหน้าแล้วพูดว่า “อยากจะเข้าไปพักก้ใช่ว่าจะไม่ได้หรอกนะ” จากนั้นเขาก็แบมือแล้วยื่นไปทางต้าหย่ง
ต้าหย่งกะพริบตา นี่คือจะเอาเงินสินะ เขาคลำไปทั่วร่างกายแล้วล้วงหนึ่งตำลึงเงินออกมาวางในมือของผู้ดูแลศาลพักม้า
“ขอมอบตำลึงเงินนี้เพื่อแสดงถึงความเคารพท่านขอรับ”
ต้าหย่งใบหน้าซื่อตรง อย่างไรนี่ก็เป็นเงินสำหรับหนึ่งเดือนของเขาเลย
ผู้ดูแลศาลพักม้ามองแล้วก็โยนหนึ่งตำลึงเงินคืนให้ต้าหย่ง “ชิ เงินแค่นี้ยังไม่พอค่าน้ำชาเลย ไปๆๆ รีบไปซะ อย่าเสียเวลาข้าบันทึกคนข้างหลังต่อ!”
ยังไม่ทันสิ้นเสียง ก็มีเงินแท่งหนึ่งยื่นมาจากด้านหลังของต้าหย่ง เมื่อผู้ดูแลศาลพักม้าเห็นเงินแท่งตาก็เป็นประกายทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...