องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 913

อาณาจักรหลู่

คนส่งหนังสือพิมพ์บนถนนถือฆ้องแล้วตีและตะโกนเสียงดัง “ฉบับพิเศษ ฉบับพิเศษ กองทัพอาณาจักรเยี่ยนได้เข้าโจมตีชายแดนอีกครั้ง รุนแรงอย่างมาก!”

เมื่อชาวเมืองได้ยินว่ากองทัพอาณาจักรเยี่ยนเข้ามาโจมตีอีกแล้ว ต่างก็ด่าทอสาปแช่ง

“ตาเฒ่าฮ่องเต้หลู่ อาณาจักรเยี่ยนเข้ามาโจมตีแล้วยังไม่แยแสอะไรอีก ไร้ศักดิ์ศรียิ่งนัก!”

“อาณาจักรเยี่ยนได้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเอารัดเอาเปรียบพวกเรา ฮ่องเต้หลู่ยังไม่ส่งทหารไปต่อต้านอีก ยกอาณาจักรหลู่ให้อาณาจักรเยี่ยนไปเลยเถิด!”

“ดูฮ่องเต้สิ ให้ข้าเป็นฮ่องเต้เลยคงดีกว่า!”

ในขณะที่เหล่าชาวเมืองกำลังถกเถียงที่ฮ่องเต้หลู่ไม่ทำอะไรเลย ทางพระราชสำนักก็ได้ส่งคนติดประกาศจากหลวงไปทุกเมือง เหล่าชาวเมืองต่างก็รีบเข้าไปดูอย่างประหลาดใจ และต้องตกตะลึงกันไปหมด!

“นี่มันอะไรกัน? ฮ่องเต้หลู่สละบัลลังก์จริงๆรึ!”

“ท่านผู้ศักดิ์สิทธิ์เก้าดอกบัวคือฮ่องเต้องค์ใหม่!”

“พระเจ้า อาณาจักรหลู่เปลี่ยนราชวงศ์แล้วรึ?”

ข่าวน่าตะลึงเช่นนี้ ทำเอาเหล่าชาวเมืองไม่อยากจะเชื่อสายตาของตนเองเลยจริงๆ ต่างก็เบิกตากว้างอ้าปากค้าง แล้วยืนอยู่หน้าประกาศอย่างงุนงง

ผ่านไปนานกว่าจะพูดขึ้นว่า “แล้วเราจะยังรออะไรอยู่อีก รีบไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้องค์ใหม่สิ!”

“ใช่ๆๆ รีบไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้องค์ใหม่กัน!”

ทันใดนั้นชาวเมืองทุกๆเมืองในอาณาจักรหลู่ก็ได้มุ่งหน้าไปยังหัวถิงกันหมด

ชาวเมืองที่อาศัยอยู่ในหัวถิงได้รายล้อมจวนเจ้าเมืองเอาไว้อย่างแน่นหนานานแล้ว ทุกคนต่างก็คุกเข่าลงแล้วคำนับอยู่หน้าจวนเจ้าเมือง

“เข้าเฝ้าฮ่องเต้องค์ใหม่ ฝ่าบาททรงมีอายุยืนยาวหมื่นปีหมื่นปีหมื่นหมื่นปี!”

บรรยากาศและเสียงดังอลังการ ดูยิ่งใหญ่มากแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่มีใครเทียบได้เลย!

ภายในจวนเจ้าเมือง

จ้าวจือหย่าและหลิวเชียนเชียนได้ยินเสียงกราบไหว้จากด้านนอกนานแล้ว เมื่อมองผ่านหน้าต่างไปก็พบว่ามีบรรดาชาวเมืองมากมายที่คุกเข่าอยู่ด้านนอก ทำเอาพวกนางงุนงงไปหมด

แม้ว่าทั้งสองจะเคยเผชิญกับสถานการณ์สำคัญมาก่อน แต่จู่ๆฮ่องเต้หลู่ก็สละบัลลังก์ ทำเอาพวกนางทำอะไรไม่ถูกไปเลย

หลิวเชียนเชียนกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด นางพึมพำอย่างร้อนใจว่า

“แล้วจะทำอย่างไรดี ท่านผู้ศักดิ์สิทธิ์เก้าดอกบัวไม่อยู่ที่หัวถิง จะให้ตัวแทนออกไปรับบัลลังก์แทนงั้นรึ?”

จ้าวจือหย่าขมวดคิ้วแน่น นางเดินไปมาแล้วพูดว่า “ไม่ได้ หากตัวแทนออกไปแล้วถูกคนคิดไม่ซื่อเห็นก็จะถูกจับได้ ไม่ได้เด็ดขาด”

ผู้ที่สง่าและดูสบายๆคนนี้ คือฮ่องเต้หลู่ที่เกษียณจากพระราชสำนักแล้วนั่นเอง

ฮ่องเต้หลู่รู้สึกอารมณ์ดีอย่างมาก เพราะบัดนี้เขากำลังเดินทางไปเข้าร่วมงานประชุมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในอาณาจักรฉิน หากเป็นไปได้ เขาก็คิดว่าจะปักหลักอยู่ที่อาณาจักรฉินเลย

คนที่เดินทางร่วมกับเขาด้วย นอกจากจะมีขันทีหลี่ผู้เป็นผู้ดูแลใกล้ชิดแล้ว ก็ยังมีหัวหน้าคณะแห่งสถานศึกษาไป๋ลู่ซือหม่าจี๋และรองหัวหน้าคณะแห่งสถานศึกษาไป๋ลู่จ้าวเหวินเซิงด้วย

ทั้งสองเองก็ไม่อยากอยู่ในสงคราม จึงคิดว่าจะกลับไปยังบ้านเกิด จะเดินทางเที่ยวไปกับฮ่องเต้หลู่ด้วย

ซือหม่าจี๋เดินไปข้างๆฮ่องเต้หลู่แล้วมองไปยังเรือสินค้านับสิบลำแล้วถามว่า

“นายท่าน ในเมื่อท่านได้สละบัลลังก์แล้ว ต้องการเพียงความสุขทางใจ แล้วเหตุใดจึงต้องนำเงินมามากมายเพียงนี้?”

ที่แท้นอกจากเรือลำที่พวกเขาขึ้นมา เรืออื่นๆล้วนเป็นเงินทองสมบัติที่ฮ่องเต้หลู่นำออกมาจากท้องพระคลังเท่าที่นำมาได้ เรียกได้ว่านำมาแทบจะหมดท้องพระคลังเลยทีเดียว

ฮ่องเต้หลู่กระแอมกลบความเก้อเขิน แล้วพูดว่า “ไล่ตามความสุขทางใจนั้นเป็นแท้แน่นอน แต่ข้าเองก็เป็นคน เป็นคนก็ต้องทานข้าว ต่อให้ตอนนี้ข้าไม่ใช่ฮ่องเต้แล้ว แต่ช่วงชีวิตก่อนหน้านี้ข้าต้องคอยระมัดระวังและรอบคอบ คอยดูแลบริหารมาครึ่งค่อนชีวิต ครึ่งหลังนี้จะให้ข้ามีชีวิตที่สุขสบายหน่อยไม่ได้รึ?”

ซือหม่าจี๋เข้าใจแล้ว ฮ่องเต้หลู่เป็นผู้ที่ฟุ่มเฟือย จะมาประหยัดคงยาก เขาจึงกลั้นยิ้มแล้วพูดว่า

“ได้ นายท่านพูดถูกทุกอย่างขอรับ!”

ทุกคนบนเรือทิ้งเรื่องราชการที่น่ารำคาญใจ แล้วเดินทางไปทางทิศตะวันตกด้วยเสียงหัวเราะตลอดทาง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์