องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 918

“เมื่อครู่ยังคุยกันดีๆ อยู่เลย ทำไมจู่ๆ ถึงชักมีดชักดาบออกมาเล่า!”

ฉินเหยียนรีบมองไปรอบๆ พูดด้วยความสงบว่า

“ทุกคนได้โปรดฟังข้าก่อน อย่าเพิ่งตื่นตกใจ ในเมื่อพวกเจ้าเปิดโรงแรมฝั่งตะวันตกนี้ได้ คงเป็นคนของตำหนักอ๋องเหยียนใช่ไหม?”

เจ้าของร้านลังเลเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำว่าตำหนักอ๋องเหยียน แต่เขายังคงระวังตัวและถามออกไปว่า

“เจ้ารู้ได้อย่างไร?”

อ๋องเหยียนพูดอย่างใจเย็น

“นำตราสัญลักษณ์ออกมาให้เขาดู”

หยางจิ่นซิ่วและเซี่ยชิงคลำหาตราสัญลักษณ์บนตัว แต่ด้วยความที่ว่าพวกเขาไม่ได้ใช่ตราสัญลักษณ์เพื่อพิสูจน์ตัวตนนานแล้ว จึงหาตราไม่เจอ

เจ้าของร้านตะคอกออกไป

“ในเมื่อเจ้ารู้เรื่องตำหนักอ๋องเหยียน เช่นนั้นเจ้าต้องรู้จักนายท่านของข้า อ๋องเหยียนแห่งอาณาจักรฉิน นักปราชญ์อันดับหนึ่งแห่งจิ่วโจว”

“คนในภาพเป็นคนที่อ๋องเหยียนสั่งให้คอยคุ้มครอง หากเจ้าต้องการฆ่าขา เราจะฆ่าเจ้า!”

“เคร้ง”

ตราสัญลักษณ์หล่นออกมาจากกระเป๋าเดินทางของหยางจิ่นซิ่ว

ทุกคนมองไปที่ตรานั้นโดยไม่รู้ตัว เห็นว่าตราสัญลักษณ์บนพื้นเป็นตราหยกที่เป็นตราสัญลักษณ์ระดับหนึ่งในตำหนักอ๋องเหยียน!

ทุกคนตกใจมาก ปล่อยอาวุธในมือลงทันที

เจ้าของร้านยกมือขึ้นด้วยความตื่นตระหนก

“ข้าไม่รู้ว่าพวกท่านเป็นใต้เท้าระดับหนึ่ง ได้โปรดยกโทษให้พวกข้าด้วยขอรับ!”

ฉินเหยียนหยิบเหรียญขึ้นมาจากพื้นแล้วพูดอย่างสบายๆ ว่า

“ไม่ต้องเกรงใจข้า ข้าแค่มาแทนอ๋องเหยียนเพื่อตามหาคน เจ้าแค่บอกข้าว่าเคยเห็นคนในภาพหรือไม่?”

เจ้าของร้านส่ายหน้าอย่างหนักและพูดอย่างมั่นใจว่า

“ข้าน้อยไม่เคยเห็นพวกเขามาก่อนขอรับ ฉีกุ้ยเหรินเป็นคนสั่งให้พวกเราเปิดโรงแรมนี้ขึ้นมาเพื่อตามหาเขา แต่พวกเรายังไม่เคยเจอกงซุนอู่หมิงเลยขอรับ”

ฉินเหยียนพึมพำออกมา

“ฉีเยี่ยนเอ๋อร์เองก็คิดเหมือนข้า ถึงได้ส่งคนมาที่ฝั่งตะวันตกอย่างนั้นหรือ?”

เมื่อเจ้าของร้านได้ยินชื่อจริงๆ ของฉีกุ้ยเหริน เขาตกใจมากจนมีเหงื่อไหลออกมา

เมื่อคิดตาม คนที่มีตราสัญลักษณ์หยกนี้ต้องเป็นคนระดับเดียวกับฉีกุ้ยเหรินและคนอื่นๆ เขารีบกมือขึ้นทันที

“รายงานต่อท่านใต้เท้า ฉีกุ้ยเหรินรับผิดชอบด้านรวบรวมข้อมูลจากแผนกซวนจิง หลังจากพัฒนามาหลายปี จำนวนคนในตำหนักอ๋องเหยียนเพิ่มขึ้นเป็นสี่สิบล้านคน ดังนั้นหากเจอคนในภาพ ต้องได้รับข่าวอย่างแน่นอนขอรับ”

“แต่เวลาผ่านมานานขนาดนี้แล้ว กลับไม่พบตัวกงซุนอู่หมิงเลย ตอนนี้ทุกคนคาดว่าเขาตายไปแล้วหรือไม่ก็ไม่อยู่ในจิ่วโจว ตามที่ฉีกุ้ยเหรินกล่าว ตอนที่อ๋องเหยียนมุ่งหน้าไปยังอาณาจักรหลู่ เขาได้เดินทางตามเส้นทางสายไหม”

“ด้วยเหตุนี้ ฉีกุ้ยเหรินสงสัยว่ากงซุนอู๋หมิงอาจจะเดินทางไปยังเส้นทางสายไหม มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตก ดังนั้นภายใต้การนำของฉีกุ้ยเหรินจึงสั่งให้เปิดโรงแรมฝั่งตะวันตกแห่งนี้ขึ้น”

ฉินเหยียนไม่ได้สนใจเรื่องนี้แต่อย่างใด เขาพูดอย่างใจเย็น

“ผู้ที่ไม่รู้ย่อมไม่ผิด”

“ขอบพระทัยอ๋องเหยียน”

เจ้าของโรงแรยืนตัวสั่นและพูดอย่างนอบน้อม

“เป็นเกียรติของข้ายิ่งนักที่ได้เจออ่องเหยียน อีกอย่างข้ามีเรื่องหนึ่งต้องรายงานท่าน ฉีกุ้ยเหรินได้ส่งข่าวมาว่าจิ่วโจวตกอยู่ในความวุ่นวาย หากเจอท่านขอให้ท่านนรีบกลับไปทันทีพ่ะย่ะค่ะ”

หลังจากพูดจบ เจ้าของโรงแรมแสดงจดหมายลับทั้งหมดให้แก่อ๋องเหยียน

ฉินเหยียนค่อยๆ อ่านทีละเรื่อง เขาตกใจมาไม่คาดคิดว่าในที่ราบภาคกลางจะเกิดวุ่นวายเช่นนี้

อาณาจักรทั้งเจ็ดแห่งในจิ่วโจวแต่เดิมที่ถูกพัฒนามาอย่างสันติ ตอนนี้กลับถูกกองทัพอาณาจักรเยี่ยนทำลายจนหมดสิ้น

หลังจากอาณาจักรหลู่พ่ายแพ้สงคราม เขาได้มอบเงินให้อาณาจักรเยี่ยนเพื่อซื้อสันติภาพด้วยเงินจำนวนหนึ่งร้อยล้านตำลึง

เกิดความขัดแย้งในอาณาจักรอู๋ ฮ่องเต้อู๋ถูกเถาซงจือยึดอำนาจบริหาร และได้ออกคำสั่งลดสถานะอาณาจักรอู๋เป็นรัฐบรรณาการอาณาจักรฉินในทันที

อาณาจักรสู่กลัวอำนาจอาณาจักรฉิน เพื่อประกาศสันติภาพ ได้ทำตามอาณาจักรหลู่ และออกหนังสือเป็นรัฐบรรณาการอาณาจักรฉินเช่นกัน

หลังจากอาณาจักรเยี่ยนส่งกองกำลังทหารไปยังอาณาจักรหลู่อีกครั้ง ฮ่องเต้หลู่ไม่สนใจเรื่องบ้านเมืองและจิตใจจดจ่ออยู่กับนักปราชญ์เก้าดอกบัว

เมื่อมาถึงจุดนี้ มีเพียงอาณาจักรเยี่ยนเท่านั้นที่เหลืออยู่อาณาจักรเดียวในจิ่วโจว อาณาจักรอื่นเข้าร่วมกับอาณาจักรฉินหมดแล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์