องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 967

แต่หวังจี้ตงยังคงยืนหยัดพูดว่า “เถ้าแก่เสิ่น เจ้าหมายความว่าอย่างไร? อย่าลืมเชียวว่าบัดนี้เราทั้งเจ็ดเป็นพวกเดียวกัน เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าเจ้าไม่ได้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับเรา”

คนอื่นๆเองก็พากันจ้องเสิ่นเฟยเขม็ง

เสิ่นเฟยส่ายหน้าพูดว่า “ข้าเพียงแค่รู้สึกว่าพวกเจ้าไร้เดียงสาเกินไปเท่านั้น พวกเจ้าคิดว่าอ๋องเหยียนจะยอมให้เจ็ดล้านตำลึงง่ายๆงั้นรึ?”

“เหตุใดจะไม่ให้? เมื่อครู่นี้เขาก็ตกลงแล้วนี่” ทุกคนพูดอย่างสงสัย

แต่เสิ่นเฟยกลับหลุดหัวเราะ “หึหึ นั่นเพราะอ๋องเหยียนยังมีความคาดหวังอยู่บ้าง คิดว่าที่เรามีความมั่นใจมากเพียงนั้น เพราะมีความสามารถที่ทัดเทียมเท่าราคา แต่เรามีงั้นรึ? เราเจ็ดแห่งรวมกันแล้ว อย่างมากก็มีเพียงสองล้านเท่านั้น”

“ข้าว่าเจ้าเอาความทะเยอทะยานของผู้อื่นมาทำลายชื่อเสียงของตนเองชัดๆ!”

หวังจี้ตงขมวดคิ้วพูดอย่างรำคาญอย่างมากว่า “เถ้าแก่เสิ่น เจ้าคงไม่ได้รับเงินของคนอาณาจักรฉินมาหรอกใช่รึไม่? เจ้าเอาแต่ขัดขวางตั้งแต่แรกเลย!”

เสิ่นเฟยได้ยินดังนั้นสีหน้าก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันที “เถ้าแก่หวัง อย่ามาใส่ร้าย ใครว่าข้ารับเงินของผู้อื่นมากัน? ข้าเพียงแค่อยากจะบอกพวกเจ้า อ๋องเหยียนไม่ใช่คนที่จะรับมือได้ง่ายๆ”

“ถุย! ข้าว่าเจ้าถูกอ๋องเหยียนซื้อไปเป็นพวกแล้วล่ะ ถึงได้มาต่อต้านพวกข้าทุกอย่างเพียงนี้ หากเจ้าไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวกับเรา ก็อย่ามารวมตัวพูดคุยกับเรา จะได้ไม่ต้องมีใครเกลียดใคร”

หวังจี้ตงเองก็สีหน้าเคร่งขรึมทันที แววตาที่จ้องเสิ่นเฟยมีความโกรธเกรี้ยว

เจ้าเสิ่นเฟย เขาไม่ชอบเจ้าหมอนี่มาตั้งแต่แรกแล้ว แต่ติดที่ทุกคนล้วนเป็นสายงานเดียวกัน จึงได้ไว้หน้าเขาเท่านั้น

เสิ่นเฟยได้ยินดังนั้นก็โกรธและน่าขัน เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วอดกลั้นความโกรธเกรี้ยวพร้อมพูดว่า

“จะเชื่อรึไม่ก็เรื่องของเจ้า ข้าเองก็ไม่อยากจะอยู่กับพวกเจ้า ตั้งแต่นี้ไป ทางใครทางมัน!”

ว่าแล้วเขาก็หันหลังเดินจากไป ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่าคนพวกนี้ไม่ได้มาเพื่อทำการค้าขาย แต่มาเพื่อหลอกลวงชัดๆ มีคำที่กล่าวเอาไว้ว่าโลภมากลาภหาย ไม่ช้าก็เร็ว คนพวกนี้จะต้องจบเห่เพราะเรื่องนี้แน่ เขาไม่อยากจะร่วมด้วยหรอกนะ

หวังจี้ตงและคนอื่นๆมองแผ่นหลังของเสิ่นเฟยที่เดินจากไปแล้วก็ยิ้มอย่างเหยียดหยามขึ้นมา

“เจ้าคนแซ่เสิ่นนั่นแสร้งทำเก่งนักนะ คิดว่าสูงส่งมากรึ!”

“หึหึ คอยดูละกัน”

“เจ้าเสิ่นเฟยคิดว่าพวกเราไม่อยากแยกกับเขารึ คิดไปเองทั้งนั้น”

อีกหกคนที่เหลือต่างก็คิดว่าที่ฉินเหยียนเรียกพวกเขามาครั้งนี้ มีเพียงสองทางเลือกเท่านั้น หากไม่ใช้เงินมหาศาลซื้อเรือที่พวกเขาสร้าง ก็ต้องซื้ออู่ต่อเรือของพวกเขา นี่คือความมั่นใจที่พวกเขาเรียกราคาสูง ตราบใดที่คนอาณาจักรฉินต้องการสร้างกองเรือ พวกเขาก็กล้าขึ้นราคา!

ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหน พวกเขาก็ได้กำไรมากมาย! เวลาแบบนี้ใครจะไม่ยอมสยบให้เงินกัน

“เอาล่ะเอาล่ะ พอเถิด เส้นทางร่ำรวยอยู่เบื้องหน้าของเราแล้ว รีบกลับไปเตรียมตัวกันเถิด เอาเรือแล่นเข้ามาในอาณาจักรฉินยังต้องมีขั้นตอนอีกมาก”

ไม่นานทุกคนก็ได้มาถึงที่ท่าเรือ ทุกคนได้เห็นเรือขนาดใหญ่จอดนิ่งอยู่บนผิวน้ำ ช่างใหญ่ยักษ์ยิ่งนัก

หวังจี้ตงพูดอย่างได้ใจว่า “อ๋องเหยียนพ่ะย่ะค่ะ ทรงคิดว่าเรือลำนี้เป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ? ทันสมัยรึไม่พ่ะย่ะค่ะ? เพียงแค่ซื้ออู่ต่อเรือของพวกกระหม่อม ไม่กี่ปีก็สามารถสร้างเรือเช่นนี้ได้หลายสิบลำแล้ว ถึงตอนนั้นกองกำลังของกองเรืออาณาจักรฉินก็จะยิ่งยกระดับขึ้นอีกขั้นใช่รึไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

แต่ฉินเหยียนกลับไม่ได้พูดอะไร เขาขมวดคิ้ว

เมื่อมองท่าทีของฉินเหยียนแล้ว หวังจี้ตงก็จับต้นชนปลายไม่ถูก เขาคิดว่าหนึ่งปีสร้างหลายสิบลำช้าเกินไป จึงทำให้ฉินเหยียนไม่พอพระทัย เมื่อคิดเช่นนั้นก็รีบอธิบายว่า

“อ๋องเหยียนพ่ะย่ะค่ะ ที่จริงในเรื่องความเร็ว หากทรงยอมจ่ายเงิน ก็ยังสามารถเร็วได้อีก......”

ฉินเหยียนโบกมือให้หลินเย้าจู้เดินมา จากนั้นก็ถามว่า

“เจ้าดูแล้วเรือลำนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”

หลินเย้าจู้เดินขึ้นมาบนดาดฟ้าเรือ เขาสำรวจอย่างละเอียดก่อน จากนั้นก็ถอนหายใจพูดว่า

“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ แม้ว่าเรือลำนี้จะทันสมัย แต่มันเล็กเกินไปพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อพูดเช่นนั้นแล้ว เหล่าเจ้าของอู่ต่อเรือก็พากันอึ้งไป

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์