องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 975

“ใช่แล้วเถ้าแก่หวัง ท่านว่ามาเลย พวกข้าจะฟังท่านเอง”

ทันใดนั้นทุกคนต่างก็มองไปยังหวังจี้ตง รอแผนของเขา

หวังจี้ตงเห็นดังนั้นแล้วดวงตาก็ประกาย แล้วพูดเสียงดังว่า

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็ไม่ขอปฏิเสธ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปทุกคนลงเรือลำเดียวกันแล้ว......”

และแล้วแผนการต่อต้านเสิ่นเฟยและอู่ต่อเรือหลวงก็ได้ค่อยๆเริ่มขึ้นแล้ว แต่ทุกอย่างนี้เสิ่นเฟยไม่รู้เลย

......

อาณาจักนฉิน หมู่บ้านซิ่งฮวา

ฉินเหยียนได้มาที่ห้องวิจัยโดยมีหลินเย้าจู้คอยนำทางเพื่อตรวจสอบดูการพัฒนาการวิจัยเรือรบ

แม้ว่าจะมอบภาพให้แก่หลินเย้าจู้นานแล้ว แต่ก็ยังคงอยู่ในขั้นตอนการวิจัยอยู่ แม้แต่ต้นแบบเล็กๆของเรือรบก็ยังสร้างไม่ได้ มากที่สุดก็แค่ใช้ไม้ในการทำรูปลักษณ์เรือขนาดเล็กออกมาเท่านั้น

“อ๋องเหยียนพ่ะย่ะค่ะ นั่นคือเรือตัวอย่างที่เราต่อขึ้นพ่ะย่ะค่ะ”

หลินเย้าจู้ชี้ไปยังพื้นที่เปล่าๆไม่ไกล กล่าวอย่างเคารพกับฉินเหยียน

“อืม” ฉินเหยียนพยักหน้าแล้วเดินไป เขาย่อตัวลงแล้วสำรวจอย่างละเอียด

เมื่อดูเสร็จแล้วก็ขมวดคิ้ว จากนั้นก็เงยหน้าพูดว่า “ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดในตอนนี้ที่พวกเจ้าพบคืออะไร?”

หลินเย้าจู้รีบพูดขึ้นว่า “พ่ะย่ะค่ะอ๋องเหยียน หลักๆมีสามประการ ประการคือปัญหาเรื่องการเคลื่อนตัว หากจะต่อเรือรบเหล็กที่มีขนาดหลายสิบจั้งจริงๆ การจะพึ่งแรงลมและกำลังคนนั้นไม่ได้ผล พวกกระหม่อมคิดว่าจะใช้เครื่องจักรไอน้ำในการขับเคลื่อน แต่ยังไม่ได้วิจัยพ่ะย่ะค่ะ”

“ประการที่สองคือจะทำอย่างไรเพื่อให้เรือรบเหล็กลอยอยู่บนผิวน้ำได้อย่างมั่นคง เรื่องนี้คงต้องรอให้ทางผู้อำนวยการเสิ่นทำเรือหินมาให้เราดูเป็นตัวอย่างพ่ะย่ะค่ะ”

“ประการที่สามคือปัญหาโครงสร้าง เราได้ตรวจสอบข้อมูลมากมาย พบว่าการสร้างเรือขนาดยักษ์ไม่ได้ง่ายเลย ทะเลดูเหมือนจะสงบนิ่ง แต่ความจริงแล้วคลื่นแรงอย่างมากพ่ะย่ะค่ะ ยิ่งเรือลำใหญ่ก็ยิ่งได้รับผลกระทบแรงมากขึ้น ต่อให้เป็นเหล็กก็ทนความกดดันนั้นไม่ไหว เกรงว่าแค่ขยับเพียงนิดเดียว ด้วยความหนักของตัวเรือเองจะกดตัวเรือแตกได้พ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อได้ยินดังนั้นฉินเหยียนก็พยักหน้าเบาๆ คำพูดของอีกฝ่ายล้วนเป็นประเด็นสำคัญทั้งนั้น นั่นหมายความว่าการวิจัยดำเนินการรวดเร็วมาก ในขณะเดียวกันก็พึงพอใจกับความสามารถของหลินเย้าจู้มาก

อย่างไรการวิจัยจนถึงตรงนี้ก็เท่ากับว่าได้เดินมาไกลมากแล้ว แถมยังใช้เวลาไปไม่กี่สิบวันเท่านั้น

“ในเมื่อมีปัญหาก็ต้องเอาชนะมัน เรามีเวลาเหลือเฟือและสามารถดำเนินหลายอย่างพร้อมกันได้ เมื่ออู่ต่อเรือหลวงเสร็จสิ้นแล้ว เจ้าก็สามารถพานักวิจัยไปที่นั่นด้วยกันได้แล้ว ที่นั่นมีความสะดวกต่อการวิจัยมากกว่า”

เสิ่นเฟยได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ การก่อสร้างอู่ต่อเรือหลวงนั้นยังต้องใช้เวลานาน แต่บัดนี้คนของกระหม่อมกลับต้องรอก่อน หากในระยะเวลาอันสั้นก็ยังพอว่าได้ แต่หากระยะยาวขึ้น เกรงว่า...... ”

เมื่อพูดดังนั้นแล้วสีหน้าของเสิ่นเฟยก็อึดอัดเล็กน้อย แล้วไม่พูดอะไร

ฉินเหยียนได้ยินดังนั้นก็อึ้งเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจทันที เขาครุ่นคิดแล้วพูดว่า

“นี่ก็ถือเป็นปัญหา เช่นนี้ละกัน อู่ต่อเรือของเจ้าก็เก็บเอาไว้ก่อน อู่ต่อเรือหลวงของเราสามารถแบ่งออกเป็นสองส่วนหลัก สามารถใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางทหารและพลเรือน”

“บัดนี้การวิจัยเรือรบยังไม่ได้ผล เจ้าต่อเรือประมงสำหรับพลเรือนก่อนละกัน เรือรบในอนาคตสามารถแก้ไขแล้วนำเข้าไปในตลาดพลเรือนได้”

เสิ่นเฟยได้ยินดังนั้นก็ดีใจอย่างมาก จากนั้นก็ประสานมือคารวะพูดว่า “ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ!”

เพียงคำพูดนั้นก็สามารถทำให้เสิ่นเฟยดีใจอย่างมากแล้ว เพราะเขาเองก็ได้เคยดูภาพวาดนั้น รู้ว่าเรือรบเหล็กยิ่งใหญ่แค่ไหน อยากจะถามจริงๆ ว่าหากในอนาคตว่าเขาผลิตเรือบรรทุกสินค้าหลายสิบจั้ง หรือเรือประเภทอื่นๆขึ้นมาได้ จะมีใครในท้องตลาดสู้เขาได้อีกรึไม่?

เกรงว่าทุกคนคงถูกเขาบีบให้ไร้งานจนตรอกแล้ว ส่วนความยิ่งใหญ่ของอู่ต่อเรือหลวงจะต้องไม่มีใครในเก้าแคว้นสู้ได้อีกแน่นอน ครั้งนี้เขาต้องทำให้ดี ชื่อของเขาจะต้องเป็นที่รู้จักทั้งเก้าแคว้น!

เมื่อคิดเช่นนั้นแล้วเสิ่นเฟยก็เลือดร้อนทันที! ความปรารถนาที่ไม่อาจสมหวังได้เลยของตระกูลของเขา เขากำลังจะทำได้สำเร็จแล้ว!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์