นี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงได้มองทั้งสองแห่งนี้สำคัญอย่างมาก เพียงแต่ทุกอย่างนี้กลับต้องค่อยๆวางแผน ไม่เช่นนั้นจะเป็นเป้าสายตาของผู้อื่นได้ง่ายๆ อย่างไรตอนนี้แม้ว่าอาณาจักรฉินจะรวมเก้าแคว้นเป็นหนึ่งได้แล้ว แต่ก็ยังมีศัตรูที่คอยจับจ้องอยู่ ใครจะรับประกันได้ว่าคนพวกนั้นจะไม่ทำอะไร?
โดยเฉพาะในที่เยี่ยนเป่ย หากจู่ๆเกิดมีคนใช้มันเป็นอาวุธ ทำให้เกิดการต่อต้านอาณาจักรฉินขึ้นมา งั้นแผนของเขาก็ต้องช้าไปอีกหลายปี เพราะไม่มีเหล็ก ต่อให้อู่ต่อเรือหลวงจะเตรียมการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ก็ไม่อาจต่อเรือรบได้อยู่ดี
......
ฟ้ามันเริ่มมืดลง
ฉินเหยียนกำลังดูแผนที่แล้ววางแผนตามแปลนในใจของตนเอง ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“รายงานเพคะ มีจดหมายจากทางเมืองจิงเพคะ”
เมื่อได้ยินเสียงของหยางจิ่นซิ่วแล้วฉินเหยียนก็อึ้งเล็กน้อย จากนั้นก็ยกมือขึ้นเพื่อแสดงให้นางเข้ามาได้
เมื่อหยางจิ่นซิ่วเข้าไปในห้องแล้วก็ได้ยื่นจดหมายฉบับหนึ่งให้กับฉินเหยียน จากนั้นก็ยืนรอเงียบๆอีกด้านไม่พูดอะไร
ฉินเหยียนเปิดจดหมายดูแล้วเห็นว่าเป็นจดหมายจากองค์ชายใหญ่ฉินชง เมื่อดูเสร็จแล้วฉินเหยียนก็ได้ทำลายจดหมายทิ้ง แล้วพูดอย่างสบายใจว่า
“เรื่องที่เมืองจิง ทางด้านพี่ใหญ่ได้จัดการเรียบร้อยหมดแล้ว บัดนี้รอฤกษ์งามยามดี ก็สามารถขึ้นครองบัลลังก์ได้แล้ว”
“หือ? เช่นนั้นก็ถึงเวลาจะเสด็จแล้วรึเพคะ? หรือว่าให้อ๋องเหยียนตัวปลอมไปร่วมแทนเพคะ?” หยางจิ่นซิ่วถามขึ้น
ฉินเหยียนพยักหน้า “พี่ใหญ่ขึ้นครองบัลลังก์ทั้งที ข้าต้องกลับไปอยู่แล้ว”
แม้ว่าตอนนี้เขาจะยังมีเรื่องที่ยังคลี่คลายไม่เสร็จอยู่ แต่เรื่องที่ฉินชงขึ้นครองบัลลังก์ก็ประมาทไม่ได้ พวกเขาประคับประคองกันมาเป็นเวลานาน ขนาดในตอนพิธีอภิเษกของเขาและจ้าวจีเอ๋อร์ ฉินชงก็ได้เป็นตัวแทนของราชวงศ์ เตรียมทุกสิ่งเป็นเวลานาน
เขาจดจำเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี หากเขาไม่ได้กลับไป เขาก็ต้องต่อว่าตนเองเนรคุณแล้ว
“ต่อว่าในจดหมายของพี่ใหญ่ไม่ได้พูดถึงเวลา ก็แปลว่ายังอีกนาน เขายังต้องเตรียมการอีกระยะหนึ่ง ดังนั้นเดี๋ยวต่อไปเราไปดูที่ดินแดนอาณาจักรอู๋และเยี่ยนเป่ยก่อน”
เมื่อฉินเหยียนว่าแล้วก็หันไปออกคำสั่งกับหยางจิ่นซิ่วว่า
“หู่นิว เจ้าเตรียมการซะ พรุ่งนี้เราจะเดินทางไปที่ดินแดนอู๋ก่อน ตอนเดินทางไปไม่ต้องมากพิธี”
“เพคะ” หยางจิ่นซิ่วประสานมือคารวะตอบรับ แต่แล้วก็ถามขึ้นต่อว่า “ต้องพาองค์ชายเจ็ดไปด้วยรึไม่เพคะ?”
“ต้องพาพี่เจ็ดไปอยู่แล้วสิ” ฉินเหยียนหัวเราะแล้วพูดว่า “เจ้าหมอนี่ถูกคนอื่นเอาเปรียบได้ง่าย ให้คอยฝึกฝนข้างๆข้าไปก่อนสักระยะ ในอนาคตจะได้คอยช่วยเหลือพี่ใหญ่ได้จริงๆ”
เมื่อได้ยินดังนั้นหยางจิ่นซิ่วก็เข้าใจทันที จากนั้นก็รีบตอบกลับว่า “จะไปเตรียมการเดี๋ยวนี้เพคะ!”
เมื่อคิดดังนั้นแล้ว ฉินเหยียนก็ตบขาแล้วยืนขึ้นทันที เขาหัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า
“ข้าลืมเจ้าไปได้อย่างไรกันเนี่ย เจ้าต้องไปกับข้า จะต้องไปกับข้า!”
เมื่อเห็นท่าทีเช่นนี้ของฉินเหยียนแล้ว หลิวเชียนเชียนก็ตกใจแล้วพูดว่า “เป็นอะไรไปรึเพคะ?”
ฉินเหยียนดึงหลิวเชียนเชียนมาแล้วพูดอย่างดีใจว่า
“ในอนาคตเจ้าจงให้ความสนใจไปยังสำนักเฉา มันอาจมีประโยชน์กับข้าอย่างมากในอนาคต!”
เมื่อเห็นใบหน้าที่ตั้งตารอคอยของฉินเหยียนแล้ว หลิวเชียนเชียนก็งุนงงไป
“ท่านอ๋องคงไม่ได้ล้อหม่อมฉันเล่นใช่รึไม่เพคะ?”
นางงุนงงไปหมด สำนักเฉาก็แค่สำนักในยุทธภพเท่านั้น จะมีค่าให้ฉินเหยียนให้ความสำคัญได้อย่างไร?
แต่ฉินเหยียนกลับส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่ได้ล้อเล่น ข้าจริงจัง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...