“อุ๊ยตาย ขออภัยด้วยเพคะ บ่าวทำงานหนักจนเคยชินแล้ว แรงเลยมากเกินไปหน่อย ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหมเพคะ” แม้ปากของนางสกุลเฉินจะกล่าวขอโทษ แต่บนใบหน้าไม่ได้มีเจตนาขอโทษเลยสักนิด
หลังจากฉินเหยี่ยนเย่ว์ยืนตรง ขมวดคิ้วแน่น
ยายเฒ่าผู้นี้ จงใจทำ จงใจออกแรงผลักไสนาง
การกระทำเมื่อครู่นี้ในมุมมองของคนนอกนั้นไม่ได้ทำเลยเถิด หากนางคิดเล็กคิดน้อย คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะตกเป็นขี้ปากชาวบ้าน และมีชื่อเสียงว่าเป็นคนจิตใจคับแคบแพร่งพรายออกไป
นางสกุลเฉินราวกับมั่นใจแล้วว่านางทำได้แค่เพียงยอมรับชะตากรรม
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ยิ้มเยาะ ยกมือขึ้น ตบฉาดเข้าไปที่บนใบหน้าของนางสกุลเฉินทีหนึ่ง
ฝ่ามือนั้น แรงไม่มาก แต่ก็ไม่น้อยเช่นกัน เสียงตบหน้าที่ดังก้องไปทั่วในเรือน ทุกคนต่างพากันตกอกตกใจ
นางสกุลเฉินรู้สึกว่าบนใบหน้าทั้งเจ็บแสบและปวดร้อน นางกุมใบหน้าเอาไว้ สีหน้าอับอาย
ถูกคนที่เคยโง่เขลาตบหน้าแล้วหลอกจนหัวหมุนในสถานการณ์เช่นนี้ เกียรติของนางหายไปจนสิ้นซาก ก้นบึ้งของหัวใจเกิดความอาฆาตและเคียดแค้นขึ้น
“แค่บ่าวตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง แม้แต่คำว่าได้โปรดยังพูดไม่เป็น?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ยตำหนิ “ใช้การกระทำที่หยาบเช่นนี้กับข้า ผู้ใดสอนมารยาทให้เจ้ากัน?”
นางสกุลเฉินคนนี้นางจำได้ว่า เป็นมันสมองของฉินเสวี่ยเย่ว์ ชอบเสนอความคิดแย่ ๆ ทั้งยังชอบยุให้รำตำให้รั่วอีกด้วย เป็นเพราะยายแก่คนนี้ เจ้าของร่างเดิมจึงต้องเป็นแพะรับบาปแทนฉินเสวี่ยเย่ว์อยู่บ่อยครั้ง
“สิ่งของเหล่านี้เกรงว่าหู่พั่วคงไม่ได้ใช้ ยังไงก็เอากลับไปเถิด”
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ห่อสัมภาระโยนใส่ตัวของนางสกุลเฉิน
“พระชายาอ๋องเจ็ด เป็นความผิดของบ่าวเองเพคะ” นางสกุลเฉินก้นบึ้งของหัวใจเกิดความเคียดแค้น แต่ภายนอกกลับทำท่าทีอ่อนโยน “เป็นบ่าวที่ไม่ดูตาม้าตาเรือ บ่าวสมควรถูกโบยเพคะ ท่านได้โปรดรับห่อสัมภาระนี้เอาไว้ด้วยเถิดเพคะ นี่เป็นน้ำพระทัยเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่พระชายาอ๋องสามมอบให้หู่พั่วเพคะ ท่านจะหยามเกียรติตามอำเภอใจมิได้นะเพคะ”
เมื่อเห็นฉินเหยี่ยนเย่ว์กำลังจะเดินไป ก็รีบคว้าข้อมือของนางเอาไว้
ฉินเหยี่ยนเย่ว์สีหน้าเย็นยะเยือกทันที
นางสกุลเฉินทำรุนแรง ราวกับกำลังแก้แค้น ออกแรงทั้งหมดบีบข้อมือของนางเอาไว้
เจ้าของร่างเดิมร่างกายผอมบาง อ่อนแอมาก ทันทีที่ถูกยายแก่คนนี้บีบ ข้อมือเรียวเล็กก็แทบจะหัก
“ปล่อยมือ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตะคอก
“พระชายาอ๋องเจ็ดได้โปรดรับห่อสัมภาระเอาไว้ด้วยเพคะ” นางสกุลเฉินออกแรงมากกว่าเดิม
ฉินเหยี่ยนเย่ว์สีหน้าเปลี่ยนไป
เดิมทีนางไม่อยากทำร้ายผู้ใด ยิ่งไม่อยากจะสร้างปัญหาขึ้นในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้
แต่ นางสกุลเฉินคนนี้อาศัยความแข็งแกร่งและแรงเยอะของตนเอง พยายามจะบีบข้อมือของนางให้หัก ยังใช้สิ่งนี้เพื่อข่มขู่นางอีก
“ข้าขอพูดครั้งสุดท้าย ปล่อยมือ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เพิ่มระดับเสียง
นางสกุลเฉินยังคงไม่ปล่อยมือ
ข้อมือถูกบีบรีดจนเป็นสีเขียว กระดูกถูกบีบเข้าหากันอย่างเห็นได้ชัด ความรู้สึกเจ็บปวดโจมตีมาเป็นระลอก ขืนถูกนางบีบรัดเช่นนี้ต่อไปอีก เกรงว่ามือข้างนี้จะต้องพิการเป็นแน่
ฉินเหยี่ยนเย่ว์สีหน้าเย็นเยือก ในมืออีกข้างหนึ่งมีมีดที่ทั้งบางและคมกริบราวกับใบหลิวเล่มหนึ่ง
นางจับมีดเอาไว้ เฉือนเข้าไปที่นิ้วมือของนางสกุลเฉินที่จับข้อมือของนางเอาไว้
นิ้วสามนิ้วถูกตัดขาดทันที
นิ้วที่ขาดตกลงท่ามกลางหิมะสีขาว เกล็ดหิมะละลายภายในพริบตา
เลือดสด พุ่งออกมาจากปลายนิ้วของนางสกุลเฉิน กลายเป็นสีแดงสดทั้งผืน
หลังจากมองเห็นเลือดสีแดงสด อาการกลัวเลือดของฉินเหยี่ยนเย่ว์ก็กำเริบขึ้นมาอีกครั้ง นางรีบถอยหลังไปหลายก้าว นำมีดโยนลงบนพื้น นำมือซุกไว้ในแขนเสื้อเพื่อปิดบังอาการสั่นเทา
นางสกุลเฉินจ้องมองนิ้วมือที่ถูกตัดขาดด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ
นิ้วทั้งสามนอนอยู่บนพื้นอย่างสงบเงียบ เลือดสีแดงสดไหลรินไม่หยุดราวกับสายน้ำไหล ไม่เพียงย้อมจนพื้นกลายเป็นสีแดงเท่านั้น ยังย้อมเสื้อผ้าด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน