วิสารทแพทย์เทวัญ นิยาย บท 959

เกี่ยวข้องกับพระราชวังต้องห้ามหรอ?

เยี่ยชิวใจเต้นแรงและถามขึ้นว่า:“ข่าวลับสุดยอดอะไร?”

อมตะชางเหม่ยถามเยี่ยชิวว่า:“เจ้าเด็กเหลือขอ เจ้ารู้จักประตูดาบไหม?”

ประตูดาบ?

เยี่ยชิวพูดอย่างงุนงง:“ประตูดาบ?มันคืออะไร?”

ถังเฟยที่อยู่ข้างๆ ก็อธิบายขึ้น:“เฉสวนประตูดาบนั้นเป็นกองกำลังหนึ่ง เมื่อยี่สิบปีก่อนนั้นถูกพ่อของเจ้า เยี่ยหวู่ซวง ทำลายลง”

“ข้าเห็นมันในข้อมูลลับสุดยอดของวังซาตาน”

เยี่ยชิวถามอมตะชางเหม่ยว่า:“จะพูดถึงกองกำลังที่ถูกทำลายไปแล้วทำไม?”

อมตะชางเหม่ยพูดขึ้น:“กองกำลังประตูดาบถูกทำลายลงแล้วก็จริง แต่ก็มีพวกที่หนีรอดไปได้”

“และดันเป็นปลาตัวใหญ่ซะด้วย”

“ตอนนั้นพ่อของเจ้าทำลายกองกำลังประตูดาบได้ก็จริง แต่หัวหน้าของมันจูเก่อหยุนหลบหนีไปได้”

เยี่ยชิวตาหรี่ลงเล็กน้อย เมื่อยี่สิบปีก่อน พ่อของเขาถูกยอมรับและขนานนามว่าเป็นเทพอันดับหนึ่ง แต่จูเก่อหยุนสามารถหลบหนีจากเงื้อมมือของพ่อเขาได้นั้น แสดงให้เห็นว่าชายคนนี้มีความสามารถมาก

อมตะชางเหม่ยพูดต่อว่า:“ข้าว่าเจ้าควรรู้สาเหตุที่ปักกิ่งวุ่นวายในตอนนั้นนะ ในปีนั้นจูเก่อชิงทำนายไว้ว่า เจ้าเป็นหายนะจากสวรรค์และชักชวนให้ตระกูลใหญ่ ๆ มาฆ่าเจ้า”

“เพื่อเจ้าเยี่ยหวู่ซวงเลยยอมที่จะเป็นศัตรูกับคนทั้งโลก”

“จูเก่อชิงคนนั้นก็คือพี่ชายแท้ๆของจูเก่อหยุนหัวหน้ากองกำลังประตูดาบ”

เยี่ยชิวรู้สึกตกตะลึง เพราะถ้าอมตะชางเหม่ยไม่พูดขึ้น เขาก็คงไม่รู้ความลับนี้จริงๆ

อมตะชางเหม่ยพูดต่อ:“จูเก่อหยุนเป็นอัจฉริยะด้านศิลปะการต่อสู้ ตอนเขาอายุสิบเจ็ดปี เขาก็สามารถสร้างกองกำลังประตูดาบได้แล้ว”

“และตอนที่เขาหลบหนีพ่อของเจ้าได้ เขาอายุเพียงสิบเก้าปีเท่านั้น”

เฮือก!

เยี่ยชิวสูดลมหายใจเข้าลึก

จูเก่อหยุนอายุเพียงสิบเก้าปี ก็สามารถหลบหนีจากมือของเยี่ยหวู่ซวงได้ ช่างเหลือเชื่อจริงๆ

“แล้วที่พูดเกี่ยวกับพระราชวังต้องห้าม นี้มันเกี่ยวข้องยังไงกัน?”เยี่ยชิวถาม

อมตะชางเหม่ยไม่ตอบโดยตรง แต่ถามถังเฟยว่า:“หมาป่าตาขาว เจ้าอยู่ในวังซาตานและมีสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลหรือพวกบันทึกของปรมาจารย์ของโลก เจ้ารู้ที่มาของจูเก่อหยุนหรือไม่?”

ถังเฟยพูดขึ้น:“ก็มีบันทึกไว้นะ แต่ไม่ละเอียด พวกชีวิประวัติก็ไม่ละเอียด ส่วนพลังของเขานั้นน่าจะอยู่ที่ประมานอันดับมังกรที่สามประมานนี้แหละ เพราะเขาไม่เคยเข้าร่วมในการแข่งขันจัดอันดับมังกรเลย ดังนั้นบอกได้ไม่ชัดเจนนัก”

เมื่อยี่สิบปีที่แล้วพลังของเขาอยู่ที่ประมาณอันดับมังกรราวๆลำดับที่สาม?

เยี่ยชิวรู้สึกประหลาดใจ ถ้าเป็นเช่นนั้นล่ะก็พรสวรรค์ด้านศิลปะการต่อสู้ของจูเก่อหยุนนั้นก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าแชมป์โหวเซียวจิ่วเลยสิ

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่อมตะชางเหม่ยพูดต่อนั้นทำให้เขาประหลาดใจมากขึ้นไปอีก

“รู้เยอะพอตัวเลยนิ ข้านึกว่าคนในวังซาตานจะไม่รู้อะไรซะอีก แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เท่าไหร่แล้วนะ”

อมตะชางเหม่ยยังคงพูดแซะต่อว่า:“รู้ไหมว่าทำไมจูเก่อหยุนไม่เข้าร่วมการแข่งขันจัดอันดับมังกร ?”

“นั่นเป็นเพราะเขาไม่สนใจที่จะอยู่ในรายชื่อของลำดับมังกร”

“ในสายตาของเขา รายชื่อลำดับมังกรนั้นเป็นเรื่องไร้สาระ”

“เมื่อยี่สิบปีที่แล้ว พลังที่แท้จริงของจูเก่อหยุนนั้นแข็งแกร่งกว่าเซียวจิ่วด้วยซ้ำ ข้าคิดว่าสามารถอยู่ในลำดับเทพที่ห้าได้เลย”

อะไรนะ?

ใบหน้าของเยี่ยชิวและถังเฟยดูหวาดกลัวขึ้น

จูเก่อหยุนน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?

“ตาเฒ่า แล้วเจ้ารู้ได้ยังไง?”

อมตะชางเหม่ยตอบกลับว่า:“ครั้งหนึ่งข้าเคยไปที่ประตูดาบเพื่อปล้นสุสาน.....และเจอกับจูเก่อหยุนโดยบังเอิญ”

“ตอนนั้นข้าไม่รู้จักจูเก่อหยุน แต่ข้าเห็นว่าเขานั้นมีกระดูกที่ยอดเยี่ยม และเป็นมีศิลปะการต่อสู้ที่ดี ข้าเลยอยากเก็บเขาไว้เป็นศิษย์”

“ดังนั้น ถึงแม้ว่าจูเก่อหยุนจะแข็งแกร่งมาก แต่ด้วยฝีมือของพ่อเจ้าแล้ว มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะหลบหนีไปได้”

“ข้าคิดว่า อาจจะเป็นไปได้ว่าตอนนั้นหลงอีจะเข้ามาช่วย ทำให้จูเก่อหยุนหลบหนีไปได้”

“แน่นอน ว่านี่เป็นเพียงการเดาของข้าเท่านั้น”

“เจ้าเด็กเหลือขอ ที่ข้าบอกเรื่องนี้กับเจ้า เพียงเพราะอยากจะเตือนให้เจ้าระวังจูเก่อหยุนให้มากขึ้น”

“ตอนนี้ไม่มีใครรู้ข่าวของจูเก่อหยุน และก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ในอนาคตเมื่อเจ้าต่อสู้ศึกตัดสินกับพระราชวังต้องห้าม เขาอาจปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง”

“เขาทั้งเป็นลูกศิษย์ของหลงอี และพ่อของเจ้าก็เป็นคนสังหารจูเก่อชิงอีก ถ้าจูเก่อหยุนรู้ตัวตนของเจ้า ข้าว่าเขาไม่มีวันปล่อยเจ้าไว้แน่นอน”

ตอนนี้ในใจของเยี่ยชิวนั้นรู้สึกหนักอึ้ง ขนาดจัดการกับหลงอีนั้นยังยาก ตอนนี้ยังจะมีจูเก่อหยุนอีกคน

“เมื่อยี่สิบปีก่อนจูเก่อหยุนยังโรคจิตขนาดนั้น นี้ผ่านมายี่สิบปีแล้ว พลังของเขาจะแข็งแกร่งไปถึงขั้นไหนแล้ว? น่าจะไม่ด้อยไปกว่าหลงอีแล้วมั้ง” เยี่ยชิวคิดในใจ

“เอาล่ะ สิ่งที่ควรจะพูดข้าก็พูดไปหมดแล้ว เจ้าเด็กเหลือขอ เราลากันตรงนี้แหละ”อมตะชางเหม่ยจับมือของเยี่ยชิวแล้วหันหลังจะจากไป

“ตาเฒ่า!”

เยี่ยชิวเรียกอมตะชางเหม่ยไว้ และพูดว่า:“ไหนเจ้ากลับไปก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ทำไมไม่ไปอยู่เจียงโจวกับข้าสักพักล่ะ?”

“นี้เจ้าคิดจะรักษาตาให้ข้างั้นหรอ?”อมตะชางเหม่ยสังเกตเยี่ยชิวออก เขายิ้มและพูดขึ้นว่า:“ไม่ต้องหรอก ตาของขาบอดแล้ว ไม่ว่าหมอจะเก่งแค่ไหนก็รักษาไม่ได้หรอก เว้นแต่.....”

“เว้นแต่อะไร?”เยี่ยชิวถาม

“นอกจากเจ้าจะฝึกฝนพลังชี่แท้เก้าวิถีได้โดยธรรมชาติ ถึงตอนนั้นเจ้าอาจจะสามารถรักษาตาของข้าได้ก็ได้”

หลังจากที่อมตะชางเหม่ยพูดจบ เขาก็ดูกังวลขึ้นและพูดขึ้นต่อว่า:“ข้ามีลางสังหรณ์ว่า ศึกตัดสินระหว่างเจ้ากับพระราชวังต้องห้ามกำลังจะเริ่มต้นขึ้นเร็วนี้ เจ้าเด็กเหลือขอ เจ้าต้องรีบฝึกฝนพลังยุทธ์แล้วล่ะ”

“อืม”เยี่ยชิวพยักหัวเบาๆ

“อาจารย์ ให้ข้าจัดคนพาท่านกลับ!” ถังเฟยกล่าว

“ไร้สาระ ตอนนี้ข้าตาบอดมองอะไรไม่เห็น เจ้าไม่จัดคนไปส่งข้า จะให้ข้าเดินกลับเองรึ?”

อมตะชางเหม่ยไม่ได้โกรธรึโมโหอะไร:“รีบจัดการเรื่องเปลี่ยนเครื่องบินให้ข้าด้วย ไม่อย่างนั้น ข้าจะตีเจ้าให้ได้เลยหมาป่าตาขาว”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิสารทแพทย์เทวัญ