เย่ฉ่าวเฉินมองตาคนทั้งสองที่ออกไป จากระยะไกลเขาก็เห็นหนานกงเฮ่าอยากสะบัดมือออกจากผู้หญิง แล้วก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดอะไร หนานกงเฮ่าก็ถูกเธอจูงไปอย่างเชื่อฟัง
สิ่งหนึ่งย่อมข่มอีกสิ่งหนึ่ง ธรรมดาก็เป็นเช่นนี้แหละ
เพียงแต่ สรุปแล้วผู้หญิงคนนี้คือใคร? ทำไมเขาถึงไม่ประทับใจเลยสักนิด
"คุณมองอะไรอยู่? ดูมุ่งนั้นขนาดนี้" มู่เทียนเย่เดินเข้าถาม
เย่ฉ่าวเฉินจึงละสายตา ถามหยั่งเชิงว่า "หนานกงเฮ่าจะแต่งงานแล้วเหรอ? "
"ใช่ คุณไม่รู้เหรอ? " มู่เทียนเย่ไม่ประหลาดใจเกี่ยวกับเรื่องนี้
"เขาแต่งกับใคร? "
"เป็นคุณหนูของเทียนติ่งเอนเตอร์เทนเมนต์"
เย่ฉ่าวเฉินจึงนึกออกว่าเธอคือใคร เขาจำได้ว่าเมื่อก่อนคุณหนูคนนี้หน้าตาธรรมดามาก การปฏิบัติตัวก็เงียบๆ อย่างมาก ไม่ค่อยพบในฝูงชน ไม่เจอกันหลายปี เปลี่ยนไปเยอะมาก
เขาแปลกมากเลย คิดไม่ถึงว่าหนานกงเฮ่าจะแต่งงาน ยังคงอยู่กับอดีตเพื่อนร่วมชั้นเรียน หนานกงเฮ่าน่าจะไม่มีอะไรที่ผู้หญิงต้องจับนะ
เพียงแต่เช่นนี้ก็ดี มีคนจับตาดูอยู่ อย่างน้อยหนานกงเฮ่าจะได้ไม่มาพัวพันกับมู่เวยเวยอีก
อืม……หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น
หลังจากผ่าตัดไปได้สองวัน มู่เวยเวยฟื้นขึ้นมา เนื่องจากเธออยู่ในความมืดมาเกือบเดือน เพื่อหลีกเลี่ยงการระคายเคืองจากแสงจ้าต่อดวงตา ดวงตาของเธอจึงถูกปิดไว้ด้วยผ้าก๊อซ
มือที่อ่อนโยนคู่หนึ่งปลดชั้นของผ้าก๊อซออก แสงค่อยๆ ส่องเข้ามาทีละนิด มู่เวยเวยลืมตา เมฆหมอกที่ขาวโพลน หมอกหนาๆ ค่อยๆ หายไป สิ่งที่มากระทบม่านตาคือดวงตาสีฟ้าคู่หนึ่งเหมือนน้ำทะเล ในนั้นเต็มไปด้วยความรักความผูกพัน
แต่ว่าเธอมองไม่ออก ในสมองของเธอยังสับสนเล็กน้อย
"เวยเวย มองเห็นฉันไหม? " เย่ฉ่าวเฉินถามอย่างตึงเครียด
ใช่แล้ว น้ำเสียงนี้เธอคุ้นเคย ตอนที่เธอจมอยู่ในความมืด เสียงนี้อยู่เคียงข้างฉันเสมอ
"เวยเวย คุณจำฉันได้ไหม? "
มู่เวยเวยหันไปมองชายคนหนึ่ง คนคนนี้เธอก็คุ้นเคย ดูเหมือนฉันจะรู้จักเขามานานแสนนาน
"เธอมองฉันแล้ว งั้นก็แสดงว่าตาเธอมองเห็นแล้ว? " มู่เทียนเย่ถามอย่างดีใจและแปลกใจ
หมอยื่นมือออกไปหนึ่งนิ้ว "มา มองมือฉัน"
มู่เวยเวยได้ฟังก็หันหน้าไปตามนิ้วของเขา หมอได้ตรวจดูรูม่านตาของเธออีกครั้ง กล่าวด้วยความปลื้มอกปลื้มใจ "การมองเห็นของเธอกลับมาเหมือนเดิมแล้ว"
"ช่างดีเหลือเกิน" เย่ฉ่าวเฉินพูดอย่างดีใจ
มู่เทียนเย่เห็นน้องสาวที่ยังคงดูมึนๆอยู่ ความสุขเมื่อกี้นี้ลดลงไปมาก "หมอ ทำไมน้องสาวของฉันดูเหมือนว่ายังซึมๆ อยู่ล่ะ? "
หมอยิ้มแล้วพูดว่า "จะหายเป็นปกติเร็วขนาดนั้เลยเหรอ? สมองส่วนล่างผู้ป่วยถูกกดทับเป็นเวลานาน เพิ่งจะผ่าตัดเสร็จเมื่อวาน วันนี้การมองเห็นดีขึ้นก็ดีมากๆแล้ว ส่วนด้านสติปัญญาและจิตใจ สมาชิกในครอบครัวของพวกคุณควรพูดคุยกับเธอให้มากขึ้น ผสมผสานกับการรักษาของเรา ทั้งหมดก็หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะให้เธอหายดีเป็นปกติ"
"โอเค เราทราบแล้ว ขอบคุณคุณหมอมาก" มู่เทียนเย่กล่าวอย่างสุภาพมาก
หมอกำชับเกี่ยวกับอาหารในแต่ละวันสองสามประโยค แล้วก็ออกไปพร้อมกับพยาบาล
เวลานี้ หัวของมู่เวยเวยถูกพันไว้เหมือนบ๊ะจ่าง ท่อที่เสียบบนร่างกายถูกถอดออกหมด เหลือเพียงอุปกรณ์ที่หนีบไว้ที่นิ้วกลางเท่านั้น
"เวยเวย ฉันคือพี่ชาย จำฉันได้ไหม? " มู่เทียนเย่โน้มตัวไปข้างหน้าเธอ "กะพริบตาหนึ่งถ้าจำได้ กะพริบสองครั้งหากจำไม่ได้"
เดิมทีมู่เวยเวยไม่กะพริบตาเลย แต่ฉีกยิ้มออกมา รอยยิ้มนี้ไปกระทบแผลที่หัวจนเจ็บ จากหน้ายิ้มก็เปลี่ยนเป็นร้องไห้ทันที
"โอเคโอเค อย่ายิ้มสิ จะเจ็บแผลนะ" มู่เทียนเย่พูดอย่างสงสาร
มู่เวยเวยเจ็บแผล เย่ฉ่าวเฉินก็ปวดใจ อดไม่ได้ที่ว่าคนบางคน "หมอบอกแล้วว่า ไอคิวของเธอยังน้อยอยู่ คุณจะถามอะไรนัก? "
มูเทียนเย่สำนึกผิด แต่ฉันไม่อยากยอมแพ้ต่อหน้าเย่ฉ่าวเฉิน จึงถลึงตาใส่เขาแล้วพูดว่า "พูดจากับผู้ใหญ่ทำท่าทางเช่นนี้เหรอ? "
"ห๊ะ ตอนนี้สถานะของคุณคืออะไร? " เย่ฉ่าวเฉินกลอกตา หมอนี่ก็เจ้าเล่ห์เหลือเกิน
มู่เทียนเย่ลำพองใจ "เย่ฉ่าวเฉิน คุณต้องจำไว้ ไม่ว่าเมื่อไหร่ ฉันเป็นผู้ใหญ่ของคุณ พูดกับผู้ใหญ่ก็ต้องสุภาพรู้ไหม? "
เย่ฉ่าวเฉินอดทนอดกลั้น ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขามีฐานะเป็นพี่ชายของมู่เวยเวย เย่ฉ่าวเฉินก็จะโยนเขาออกจากห้องผู้ป่วยไปนานแล้ว
คนสองคนเถียงกันไปเถียงกันมา อีกคนหนึ่งยืนอยู่เงียบๆ ที่หน้าประตู
"คุณมาทำไม? " เย่ฉ่าวเฉินยืนขวางหน้ามู่เวยเวยโดยจิตใต้สำนึก ไม่ให้เขาเห็น
หนานกงเฮ่าแสยะยิ้ม "เมื่อก่อนพวกคุณสองคนอยากจะสับกันให้ละเอียด ทำไมตอนนี้เหมือนกับเป็นพี่น้องกัน"
"แล้วนี่เกี่ยวข้องอะไรกับคุณ" เย่ฉ่าวเฉินมองเขาอย่างเย็นชา ยังถามอีกว่า "คุณมาทำไม? "
หนานกงเฮ่าติดหนี้บุญคุณเธอ เขามองอ้อมไปหาคนที่เตียงคนไข้แล้วพูดว่า "ฉันมาดูเวยเวย"
เธอไม่อยากเห็นคุณ เชิญออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้"
มู่เทียนเย่นั่งอยู่ข้างๆ เตียงดูพวกเขาเถียงกัน เขาเบื่อที่จะจัดการความรักความแค้นระหว่างพวกเขา ตราบใดที่มันไม่เป็นอันตรายต่อชีวิตของเวยเวย ต่อให้ใครจะฆ่าใครก็ตาม……
เฮ้อ ฆ่าเย่ฉ่าวเฉินงั้นเหรอ?
คาดกันว่าหนานกงเฮ่าผู้นี้ไม่สามารถฆ่าเย่ฉ่าวเฉินได้ ถึงอย่างไรเขาก็เปลี่ยนไปมากขนาดนี้
หนานกงเฮ่าเป็นคนหน้าด้านมาแต่ไหนแต่ไร "ฉันมาดูเวยเวย ถ้าเวยเวยพูดเองว่าให้ฉันไป ฉันจะไปทันที"
"หนานกงเฮ่า คุณลืมสิ่งที่ฉันเคยพูดไปหรือเปล่า? ยังอยากลองลิ้มชิมรสชาติขาที่หักอีกใช่ไหม? "
ความขี้ขลาดคืบคลานผ่านสายตาของหนานกงเฮ่า แต่เขาอยากเห็นหน้าเวยเวยจริงๆ เช่นนี้เขาจึงจะสบายใจ
"เย่ฉ่าวเฉิน ฉันดูเธอแล้วก็จะไป" น้ำเสียงของหนานกงเฮ่าอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
"วันนี้เวยเวยจะนอนที่นี่ ส่วนหนึ่งเลยก็เป็นเพราะคุณ คุณยังมีหน้ามาเจอเธออีกเหรอ? " เย่ฉ่าวเฉินโกรธเมื่อนึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้ "คุณไปเถอะ ถ้าเธอฟื้นแล้ว ฉันจะบอกเธอว่าคุณมา"
หนานกงเฮ่ายืนมือตกเงียบๆ ไม่พูดจา
"หนานกงเฮ่า อาการของมู่เวยเวยตอนนี้ ฉันไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่โตไปอีก คุณก็ควรอยู่สงบๆ อย่าท้าทายขีดจำกัดของฉันจะดีที่สุด"
แต่ว่าคนคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าก็แฝงตัวอยู่ในอิทธิพลมืดมาตลอด ถ้าไม่ใช่เพราะความพิเศษของเย่ฉ่าวเฉิน เขาสามารถให้เย่ฉ่าวเฉินนำจุดอ่อนมาทำให้เกิดเรื่องได้ซะที่ไหนกัน?
หนานกงเฮ่ากัดฟันพูด "เย่ฉ่าวเฉิน ไม่ใช่ว่าคุณพึ่งพาความสามารถพิเศษของตัวเองหรอกเหรอ? จะอวดดีอะไร สักวันฉันจะเปิดเผยความลับของคุณ จะทำให้ชื่อเสียงคุณป่นปี้เลย"
เย่ฉ่าวเฉิน "โห คาดไม่ถึงว่าจะบรรยายว่าฉันมีความสามารถพิเศษ นี่อาจเป็นคำที่ดีที่สุดที่ฉันเคยได้ยิน โอเค งัเนฉันจะรอ อย่าทำให้ฉันผิดหวังล่ะ อืม ใช่แล้ว แน่นอนว่าตอนแต่งงานต้องเชิญฉัน ฉันกับเวยเวยจะเตรียมของขวัญชิ้นใหญ่ไปให้พวกคุณ"
"ขอบคุณ แต่ฉันไม่ต้องการ" ในใจหนานกงเฮ่าแอบกลัวเล็กน้อย แยกออกไป แล้วก็หายไปเลย
ห้องผู้ป่วยกลับมาเงียบสงบเหมือนเดิม
มู่เทียนเย่แสดงอาการว่ายังไม่จุใจ ยังอยากให้พวกเขาทั้งสองคนทะเลาะกันอยู่ เลยดูการแสดงด้วยตนเอง คาดไม่ถึงว่าจะแค่เถียงๆ กัน น่าเบื่อ
"คุณกลับไปก่อนเถอะ ผิงอันอยู่ที่บ้าน ตอนกลางวันฉันจะอยู่ดูแลที่นี่ ตอนกลางคืนคุณกลับมาก็ได้"
เห็นได้ชัดว่าเย่ฉ่าวเฉินจะวางแผนด้วยตนเอง "อีกสักครู่ฉันจะไปเชิญพยาบาลระดับสูงสักคน คุณอยู่ที่นี่เธอจะไม่สะดวกสบาย คุณเล่าเรื่องที่น่าสนใจก่อนหน้านี้ให้เธอฟัง เรื่องอื่นก็ให้พยาบาลเป็นคนทำ"
มู่เทียนเย่คิดๆ ดูแล้ว น้องสาวโตมากแล้ว ในกรณีที่ต้องการเข้าห้องน้ำเพื่อสวมเสื้อผ้าหรืออะไร ถึงแม้ว่าจะเป็นญาติหรือพี่น้องตนเองก็ต้องหลบเลี่ยง
"งั้นก็เอาเถอะ คุณไปหาก่อน ฉันจะอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนเธอ"
ที่ศูนย์พยาบาลมีป้ายผู้ดูแลของแผนก ผู้ดูแลแต่ละคนมีคำแนะนำยาวๆ ด้านล่าง เย่ฉ่าวเฉินพลิกมาเจอกับหญิงสาวหน้าตาธรรมดาๆ คนหนึ่งจึงถามพยาบาลว่า "คนนี้เป็นยังไง? "
"ดีนะ พูดจาดีมาก เป็นกันเองกับทุกคน" พยาบาลพูดอย่างนิ่มนวล
เย่ฉ่าวเฉินก็PASSคนนี้โดยตรง เขาเกลียดคนช่างพูด แล้วไปเจอคนที่อายุมากกว่าเลยถามพยาบาลว่า "คนนี้ล่ะ? "
พยาบาลก็พยักๆ หน้า "เธอทำงานรอบคอบมาก ดูแลคนไข้อย่างเอาใจใส่มาก ไม่แอบฟังไม่ซักถาม ตั้งใจทำงานของตนเอง เชื่อถือได้"
เย่ฉ่าวเฉินถูกใจมาก "รบกวนเรียกเธอให้ด้วย แล้วก็สามารถเริ่มงานได้ทันทีเลย"
"โอเค"
เกือบจะสิ้นปีแล้ว มีหลายเรื่องที่ต้องจัดการในบริษัท รอให้ผู้ดูแลมาปฏิบัติหน้าที่ มู่เทียนเย่ก็ออกจากโรงพยาบาลไป
หลังจากกลับมาถึงเมืองA มู่เทียนเย่ก็ก้าวเข้าไปเหยียบบริษัทมู่ซื่ออย่างเปิดเผย เช่นนี้หลายคนถึงกับตกตะลึงตาค้าง เพราะทุกๆ คนก็ลือกันว่า เจ้านายเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต ถึงอย่างไรไม่มีประธานบริษัทคนไหนเหมือนเขา ไม่ปรากฏตัวมานานกว่าหนึ่งปี
มู่จางรุ่ยได้ยินว่าหลานชายกลับมา ก็โอบกอดความหวังอันริบหรี่มาบริษัทเพื่อร้องขอหนทางรอดชีวิตของเขา ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เขาก็คือเลือดเนื้อของตระกูลมู่ เป็นลุงแท้ๆ ของมู่เทียนเย่
หลังจากมู่เทียนเย่ได้ฟังชะตากรรมที่เขาประสบมาตลอดปีนี้ ก็เงียบเป็นเวลานาน ท้ายที่สุดก็ให้บริษัทเล็กๆ กับเขาไป
"ไม่ใช่ว่าคุณเกลียดลุงคนนี้เหรอ? ทำไมยังคงให้บริษัทเขา? " ไมเคิลถามอย่างไม่เข้าใจ
มู่เทียนเย่ถอนหายใจพูดว่า "ไม่ว่าเขาจะแย่แค่ไหน ก็ยังเป็นลูกชายของคุณปู่ฉัน ฉันไม่สามารถเห็นเขาไปขอทานข้างถนนได้ ตระกูลมู่ของเราทอดทิ้งคนนี้ไม่ได้ ตระกูลมู่ของเราก็ไม่สามารถทำให้คนนอกรู้สึกว่าเราใจร้าย จะว่าไป ในเวลานั้นเขาไม่ได้ทำเรื่องอะไรที่เลวร้าย ตลอดปีนี้เขาก็ได้รับบทลงโทษมาพอแล้ว"
กลับกันตอนนี้มู่จางรุ่ยก็ไม่สามารถก่อเรื่องอะไรขึ้นมาได้อีก ก็คิดซะว่าเขาคนนี้เป็นผู้อาวุโสที่มีใจเมตตาแบกรับนามสกุลนี้ไว้
จริงๆ แล้วจุดที่สำคัญที่สุด เป็นเพราะความสัมพันธ์ของมู่เวยเวยกับเย่ฉ่าวเฉินเปลี่ยนแปลงไป แม้ว่าเธอจะเคยได้รับความไม่เป็นธรรมมามาก แต่ผลก็คือเต็มไปด้วยความสุข
เนื่องจากบริษัทมู่ซื่อวันนี้แย่งชิงสองโครงการใหญ่ของเย่ฮวางมาแล้ว แถมบริษัทก็ดำเนินไปอย่างราบรื่นมาก กำไรสุทธิของบริษัทเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าเร็วกว่าสามเท่าในปีที่แล้ว
มู่เทียนเย่มองการรายงานของบริษัทและพอใจกับตัวเลขนี้มาก คุยกับไมเคิลที่นั่งตรงข้ามโต๊ะทำงานอย่างสบายๆ ว่า "วันนี้ทุกคนลำบากมากแล้ว คุณไปแจ้งให้ทราบด้วย วันปีใหม่ บริษัทจะจัดกลุ่มไปเที่ยวด้วยกัน สถานที่เลือกมาเลย"
"โอ้โฮ! " ไมเคิลส่งเสียงดีใจ ยื่นมือมาบนโต๊ะแล้วถามว่า "แล้วโบนัสสิ้นปีล่ะ? "
"วางใจเถอะ ขอเพียงแค่งานไปได้สวย โบนัสก็จะมากขึ้นไม่มีน้อยลง"
"ฉันชอบเจ้านายที่ใจกว้างอย่างคุณจัง"
มู่เทียนเย่เหลือบมองเขา พูดเหน็บแนมว่า "ไมเคิล เงินเดือนประจำปีที่ฉันเสนอให้คุณสูงที่สุดในอุตสาหกรรม คุณยังขาดเงินอีกเหรอ? "
"การแสวงหาเงินของผู้คนไม่มีที่สิ้นสุด ใครจะไม่ชอบเงินเยอะๆละ? "
"ก็จริง"
ตรงกันข้าม ผลประโยชน์ของเย่ฮวางกรุ๊ปในปีนี้ไม่เป็นที่น่าพอใจ แทบจะเสมอตัว
เดิมทีก็แผ่นดินไหว แล้วมู่ซื่อยังถือโอกาสซ้ำเติม นอกจากนี้ยังมีการลงทุนมหาศาลในสวนสนุกด้วย เย่ฮวางไม่ติดหนี้ในปีนี้ก็เป็นเรื่องมหัศจรรย์แล้ว
มู่เวยเวยเพียงเห็นผิงอันก็ชี้ไปที่หน้าจออย่างมีความสุข ให้เย่ฉ่าวเฉินดู
"อืมๆ ฉันเห็นแล้ว" เย่ฉ่าวเฉินปลอบโยนเธอ หลังจากนั้นก็ถามพ่อบ้านหวังว่า "เขากำลังทำอะไรอยู่? "
"กำลังรื้อเครื่องบินบังคับของคุณชายมู่ที่ส่งมาให้" ในน้ำเสียงของพ่อบ้านหวังจนปัญญา ชัดเจนว่าได้ห้ามปรามแล้ว แต่ไม่สำเร็จ
เย่ฉ่าวเฉินเพียงได้ฟังก็ดีใจอย่างมาก "รื้อมันทำไมล่ะ? ผิงอันชอบสิ่งของที่มู่เทียนเย่ส่งมาให้ไม่ใช่เหรอ? "
"แล้วจะสามารถประกอบมันกลับไปได้อีกครั้งไหมเนี่ย" พ่อบ้านหวังพูดอย่างลังเลใจว่า "ตอนคุณและคุณผู้หญิงยังไม่ได้กลับมา เขาก็รื้อรถบังคับอยู่บ่อยๆ รื้อเสร็จก็ประกอบกลับไป เรียบร้อยปกติไม่มีอะไรเสียหาย"
เย่ฉ่าวประหลาดใจอย่างยิ่ง "เขายังมีพรสวรรค์แบบนี้ด้วยเหรอ? "
พิงอันที่กำลังมุ่งสมาธิอยู่ได้ยินเสียงของเขา ก็เงยหน้าขึ้นมองไปยังหน้าจอมือถือ เพียงเห็นมู่เวยเวยก็ขว้างสิ้นส่วนทุกชิ้นในมือทิ้งและลุกขึ้นมา ตะโกนไปยังมือถือว่า "แม่"
ไม่รู้ว่าทำไม เพียงชั่วพริบตานี้ น้ำตาของมู่เวยเวยก็ไหลลงมาอย่างไม่อาจจะคาดเดาได้
เธอยิ้มไปพลางร้องไห้ไปพลางมองเจ้าตัวน้อยที่อยู่ในวิดีโอ ในปากพูดไม่หยุดว่า "ลูก ฉันต้องการลูก"
หลังจากผิงอันตะโกนเรียก"แม่"สองสามคำ ก็กวาดสายตาไปที่เย่ฉ่าวเฉิยที่อยู่ข้างๆ เบ้ปากจ้องมองเขา คล้ายกับวิเคราะห์ได้ว่าเขายื้อแย่งแม่ของตนเองไปแล้ว และวยังไม่ให้พวกเขาได้อยู่ด้วยกันอีก
เย่ฉ่าวเฉินทนการโจมตีของตาคู่นี้ไม่ไหว เลยจำต้องปลอบโยนเจ้าตัวน้อย "ผิงอัน แม่ไม่สบาย พ่อพาแม่มาหาหมอ รอให้ร่างกายแข็งแรงแล้วเธอก็กลับบ้านได้"
ผิงอันเด็กอย่างนี้ฟังเข้าใจซะที่ไหนว่าอะไรคือ"ไม่สบาย" ยังคงใช้สายตาที่โกรธเคืองมองไปยังเขา
เย่ฉ่าวเฉินจนใจ มองห้องที่มีพื้นที่กว้าง กล่าวประนีประนอมว่า "เอาล่ะ ไม่ต้องใช้สายตาแบบนี้มองฉัน พ่อบ้านหวังคุณจัดเสื้อผ้าให้เขาสักสองสามชุด แล้วพาเขาเข้ามาเถอะ"
"คุณชาย นี่....ในโรงพยาบาลจะสะดวกเหรอ? "
"ไม่มีปัญหา สิ่งแวดล้อมในนี้ไม่เลว ห้องผู้ป่วยเป็นห้องชุดใหญ่ ไม่เป็นไร" ส่วนสำคัญคือเขามาแล้ว ยังสามารถแก้กลุ้มให้เวยเวยได้ คนคนเดียวนอนอยู่บนเตียงตลอดก็เบื่อหน่ายมาก
"รับทราบคุณชาย"
"เออใช่ ตอนมาเอาอาหารเย็นมาด้วยนะ ฉันยังไม่ได้ทานข้าว"
"โอเค"
การติดต่อทางโทรศัพท์จบลง เย่ฉ่าวเฉินก็ลูบๆ ที่จมูกมู่เวยเวย "ทีนี้สบายใจแล้วใช่ไหม? อีกเดี๋ยวลูกก็มาแล้ว"
มู่เวยเวยเข้าใจคำพูดนี้ พยักหน้าซ้ำๆ ปรากฏรอยยิ้มสดใส
พักฟื้นในบ้านเป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือน ฉินหม่าทำโจ๊กซุปบำรุงร่างกายทุกวัน มู่เวยเวยก็ไม่เข้าใจการควบคุม หนึ่งเดือนต่อมา เอวแขนขาที่เล็กๆ ก็สมบูรณ์ขึ้นอย่างมาก คางที่เมื่อก่อนเคยแหลมก็กลมกลึงขึ้นมา มองไปแล้วก็ดูนุ่มนิ่ม ทำให้คนอยากเคล้าคลึงเป็นพิเศษ
ลมหายใจอันหอมหวานของมู่เวยเวยยังคงอยู่ที่ปลายจมูกของเขา ทำให้หัวใจของเขาพองขึ้นในทันที มองริมฝีปากที่แดงระเรื่อของเธอ เย่ฉ่าวเฉินจูบลงไปอย่างยากที่จะควบคุมได้
เดิมทีก็เพียงแค่จิบเบาๆ เล็กน้อยแก้กระหาย แต่เย่ฉ่าวเฉินประเมินความหนักแน่นของตนเองมากเกินไป หลายเดือนที่ไม่ได้ใกล้ชิดกายเธอ การปะทะนี้ เย่ฉ่าวเฉินไหนเลยจะระงับได้ไหว เข้าโจมตีอย่างรวดเร็ว
มู่เวยเวยไม่รู้ว่านี่คือเขาหมายความว่าอะไร แต่ความรู้สึกนี้วิเศษมาก.....
สมองของเย่ฉ่าวเฉินก็ระเบิดเสียงหนึ่งขึ้น......
เมื่อขณะที่ไฟกำลังจะเผาผลาญเหตุผล เย่ฉ่าวเฉินก็ถอนตัวจากเขตอันตรายอย่างรวดเร็ว "เวยเวย รีบหายขึ้นมาเร็วๆ ฉัน....ฉันต้องการ....ต้องการคุณ....."
สายตามู่เวยเวยสับสน
เย่ฉ่าวเฉิน......อย่างดุเดือดจากนั้นก็แตะริมฝีปากมันวาวของเธอเบาๆ "ฉันจะไปอาบน้ำ ไม่ดื้อนะ"
สายตามู่เวยเวยมองส่งเขาจนเดินถึงห้องน้ำ อาบน้ำ? ทำไมต้องอาบน้ำ? เธอไม่เข้าใจ
ไม่รู้ว่าเขาต้องการทำอะไรบางอย่าง......
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงกว่า เย่ฉ่าวเฉินนั่งข้างเตียงกำลังตัดเล็บให้มู่เวยเวย ประตูห้องผู้ป่วยถูกเปิดออกโดยไม่มีเสียงเคาะ เขารู้ว่าผิงอันมาแล้ว เพราะไม่มีใครกล้าเข้ามาโดยไม่เคาะประตู เขาเป็นกรณีพิเศษ
เป็นไปตามคาด เสียงฝีเท้าก็ค่อยๆ เข้ามาใกล้ เสียงเจ้าตัวน้อยก็ดังขึ้นมา "แม่ แม่"
มู่เวยเวยเงยหน้าด้วยความดีใจ หลังจากเห็นใบหน้าเล็กๆ น่ารักหน้านั้นก็ยิ้ม "ลูก"
ผิงอันบิดตัวหลุดออกจากพ่อบ้านหวังลงมา ก็วิ่งโยกเยกเข้ามา แต่เตียงผู้ป่วยสูงเกินไปเขาไม่ถึงระดับ จึงจำต้องยื่นมือทั้งคู่ไปยังเย่ฉ่าวเฉิน พูดอย่างทะนงตัวมากว่า "อุ้มๆ"
เย่ฉ่าวเฉินนำที่ตัดเล็บในมือวางบนโต๊ะ ก้มลงไปอุ้มเขาขึ้นมา "ไอ๋หยา ขอความช่วยเหลือคนยังขอด้วยความมั่นใจขนาดนี้ คุณเป็นคนแรกอย่างแน่นอน"
พ่อบ้านหวังยืนอยู่ข้างหลังและยิ้มอย่างเงียบๆ ดูเหมือนว่ายังมีอีกหนึ่งคนในโลกนี้ที่สามารถรักษาคุณชายได้
"คุณชายครับ นี่คืออาหารเย็น ตอนนี้ยังร้อนคุณทานก่อนเถอะ"
"ไม่เป็นไร คุณวางไว้ตรงนั้นก่อน ตอนนี้ฉันยังไม่ค่อยหิวเท่าไร"
ผิงอันปีนไปบนเตียงผู้ป่วยขนาดใหญ่ ถีบรองเท้าน้อยๆ หล่นไปอย่างรวดเร็ว ทันทีเขาก็ค้นพบความจริงอย่างหนึ่ง "แม่ คุณหายแล้ว"
"ยัง แม่ยังไม่หายดี" เย่ฉ่าวเฉินอธิบายอยู่ด้านข้าง
ใครจะรู้ว่าผิงอันชี้ไปที่ดวงตาของมู่เวยเวยแล้วพูดว่า "ตา ตา"
ทันทีเย่ฉ่าวเฉิน "คุณพูดว่าตาเหรอ โอเค ฉันเห็นคุณแล้ว"
ผิงอันตบๆ ฝ่ามือที่อิ่มเอิบอย่างมีความสุข
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...