" หยุดมองได้แล้ว คนที่อยู่ด้านในอยู่สูงกว่าเธอมาก " ผู้จัดการมองแวบเดียวก็รู้ถึงความคิดของสาวน้อย เขาเลยพูดอย่างประชดประชัน
สาวน้อยหน้าแดงและถามผู้จัดการออกไปอย่างกล้าหาญว่า " ผู้จัดการ คนข้างในพวกเขาเป็นใครกันหรอ? "
ผู้จัดการกำลังเดินแล้วตอบไปว่า " คนที่ดวงตาสีฟ้าและสีม่วงคนนั้น จะเป็นประธานบริษัทเย่ฮวางกรุ๊ปคนต่อไป พ่อของเขาคือเย่ฉ่าวเฉินที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก เขาชื่อ เย่จิงเหยียน ช่วงสองสามปีมานี้ได้ยินข่าวมาว่าเย่ฉ่าวเฉินออกจากตำแหน่งแล้วให้เย่จิงเหยียนรับช่วงต่ออย่างเป็นทางการในการบริหารเย่ฮวางกรุ๊ป
สาวน้อยยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น " ผู้จัดการ เย่จิงเหยียนดูแล้วยังอายุน้อยมาก เขาจะบริหารองค์กรขนาดใหญ่อย่างบริษัทเย่ฮวางกรุ๊ปได้หรอ? "
"เธออย่าดูถูกเขาเชียวนะ ได้ยินมาว่าตั้งแต่สมัยเรียนเขาก่อตั้งบริษัทไปหลายแห่งมาก และเขายังเป็นนักเรียนแนวหน้าของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดอีกด้วย ตอนนี้เขากลับมาช่วยงานเย่ฉ่าวเฉิน แม้แต่ท่านประธานใหญ่ของเรายังชื่นชมเขาเลย " น้ำเสียงของผู้จัดการมีความรู้สึกที่เคารพแฝงอยู่
ดวงตาสีดำเข้มของสาวเปล่งประกายแล้วถามต่อว่า " แล้วอีกสามคนที่เหลือละ? สาวสวยคนนั้นเป็นใคร? "
" หญิงสาวคนนั้นหน้าตาสวยขนาดนั้น และยังมีดวงตาสีม่วงอีก น่าจะเป็นคนที่ครองตำแหน่งสาวงามระดับต้นๆของเมืองAอย่างเย่ชูวเสวีย และก็เป็นน้องสาวของเย่จิงเหยียนด้วย "
" ว้าว ที่แท้เธอตือเย่ชูวเสวียนี่เอง เธอช่างคู่ควรกับตำแหน่งมากจริงๆ หน้าตาเธอสวยมาก "
ผู้จัดการก็พยักหน้า " สวยมากจริงๆ สวยกว่าสาวงามในละครพวกนั้นอีก "
" ผู้จัดการ แล้วฝาแฝดสองคนนั้นละเป็นใครกัน? "
" อ้อ นั่นเป็นคุณชายทั้งสองของตระกูลมู่ เป็นลูกพี่ลูกน้องกับเย่จิงเหยียน เบื้องหลังของครอบครัวทั้งสองคนแข็งแกร่งกว่าเย่จิงเหยียนอยู่มาก คิดไม่ถึงเลยว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะดีขนาดนี้ ก็คิดว่าพวกคนรวยเขาจะ......"
คำพูดต่อจากนี้ของผู้จัดการ สาวน้อยคนนั้นไม่ได้ฟังเลย เธอเอาแต่จดจ่ออยู่กับเรื่องเน่จิงเหยียน ที่แท้......เขาชื่อเย่จิงเหยียน
ไม่คิดเลยว่าเวลาผ่านมาหลายปีแล้ว เธอจะเจอเขาที่นี่ หรือว่านี่จะเป็นโชคชะตาฟ้าลิขิต?
พวกเขาทั้งสี่คนคุยกันอย่างสนุกสนานจนเวลาล่วงเลยมาถึงห้าทุ่มกว่า พวกเขาเมาแล้วต่างคนต่างช่วยกันพยุงตัวออกมา ผู้จัดการดูเหมือนว่าตั้งใจรอพวกเขาออกมาอยู่แล้ว ทันที่ที่พวกเขาออกมาเขาก็รีบเข้าไปทักทาย " ประธานเย่ ต้องการให้ผมส่งคุณกลับบ้านไหม? "
" ไม่ต้อง " เยาจิงเหยียนเป็นคนที่มีสติที่สุดในกลุ่ม " มีรถที่บ้านมารับ "
" อ้อ ดีมากเลย "
พี่น้องตระกูลมู่ช่วยพยุงตัวเย่ชูวเสวียไว้ แล้วกระซิบว่า " เจ้าหลิน นายแพ้แล้ว นายดื่ม "
" ยัยหรูอี้ เดี๋ยวกลับไปก็รู้ว่าใครแน่กว่ากัน" เซียวอวี้หลินพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
" หึ ก็ลองดูว่าใครจะคอแข็งกว่ากัน "
ออกจากร้านคาราโอเกะ มีลมกระโชกพัดมาอย่างแรง ทำให้สมองของเย่จิงเหยียนปลอดโปร่งขึ้นมาก จางเห่อเปิดประตูรถแล้วพยุงพวกเขาขึ้นรถ " โอ้โห ทำไมถึงดื่มหนักกันขนาดนี้ "
" ก็ความสุขของพี่น้องไง " เย่จิงเหยียนตอนนี้เหมือนแมวเลย
จางเห่อถอนหายใจ " กลับบ้านไประวังโดนคุณชายตำนินะ "
เย่จิงเหยียนที่นั่งอยู่ในตำแหน่งข้างคนขับกำลังคาดเข็มขัดนิรภัยและพูดว่า " ไม่หรอก พวกเราต่างก็บรรลุนิติภาวะแล้ว พ่อไม่ว่าอะไรหรอก คุณลุงจาง วันนี้เจ้าพวกนี้จะนอนที่บ้านเรา ไม่ต้องไปส่งพวกเขากลับบ้านนะ ถึงยังไงคุณลุงคุณป้าก็ไม่อยู่บ้าน "
" ได้ "
ในรถมีแต่กลิ่นไอเหล้า เย่จิงเหยียนลดกระจกรถลงเพื่อให้ลมพัดเข้ามา ข้างนอกมีไฟสว่างไสว จู่ๆเขาก็นึกถึงผู้หญิงที่ทั้งเย็นชาและหยิ่งผยองที่เคนย่าในคืนนั้นอย่างไม่มีเหตุผล และเธอถามด้วยว่าเขาเป็นใคร
ผ่านมาปีกว่าแล้ว เขาแทบจะลืมไปแล้วว่าหน้าตาเธอเป็นยังไง แต่ว่าภาพของเธอยังตราตึงอยู่ในใจของเธอเสมอ
" เอี๊ยด------ " รถเบรกกะทันหัน ตัวของเย่จิงเหยียนพุ่งไปข้างหน้า โชคดีที่เขาคาดเข็มขัดนิรภัยเลยทำให้ตัวเขากลับมานั่งอย่างมั่นคงในตำแหน่งเดิมได้
แต่ว่าสามคนข้างหลังโชคร้ายจริงๆ ไม่รู้ว่าหัวของใครกระแทกกับกระจกรถ
" โอ้ เจ็บมากเลย " ที่แท้ก็คือมู่ยู่วฉี
เย่จิงเหยียนกำลังจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น? มีผู้หญิงคนหนึ่งล้มอยู่หน้ารถ
จางเห่อแสยะยิ้ม " แม่งเอ้ย ดึกขนาดนี้แล้วยังมีคนออกมาเล่นมุกนี้เพื่อเรียกค่าเสียหายอยู่อีกหรอวะ จริงๆแล้วฉันไม่ได้ชนเธอด้วยซ้ำ "
กังลังจะลงรถเพื่อเจรจากับเธอ ก็มีผู้ชายร่างกำยำกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้ามา มือของพวกเขาถือไม้หน้าสามและเล็งไปที่ตัวเธอ
เฮ้? นี่มันอะไรกัน? ไม่ใช่กลอุบายเรียกค่าเสียหายหรอ? "
" หยุดนะ! " จางเห่อตะโกนออกมา แล้วพุ่งตัวไปข้างหน้าเพื่อหยุดการกระทำที่โหดร้ายของพวกเขา
พวกผู้ชายกำยำพวกนั้นหยุดการกระทำนั้น แล้วชี้หน้าจากเห่อและพูดอย่างอวดดีว่า " ลุง มันไม่ใช่เรื่องของลุง อย่าเสือก "
จางเห่อกางมือออก " ฉันไม่ได้อยากเสือก แต่ว่า พวกนายขวางทางฉัน "
" แม่งเอ้ย มึงอ้อมไม่เป็นหรอ? ทำไม รถหรูแล้วยังไง"
" พวกนายลากตัวเธอไปตีที่อื่นสิ ถ้าอย่างนั้นเราทั้งคู่ก็จะไม่มีใครเสียเวลา " จางเห่อพูดอย่างเย็นชา เรื่องไม่ยุติธรรมในโลกใบนี้มันเยอะมาก เขาจัดการทั้งหมดไม่ได้หรอก โดยเฉพาะผู้หญิงแบบนี้ โดนผู้คนนับสิบรุมตี เบื้องหลังต้องไม่บริสุทธิ์แน่
พอหญิงสาวได้ยิน เธอร้องไห้และคลานมาทางจางเห่อ " คุณลุง ขอร้องช่วยฉันด้วย ถ้าคุณไม่ช่วยฉัน คืนนี้ฉันต้องโดนพวกเขาตีตายแน่ๆ "
จางเห่อถอยไปข้างหลังหนึ่งก้าว สีหน้าเย็นชา " สาวน้อย ฉันช่วยเธอไม่ได้หรอก "
" คุณลุง คุณจะมองคนตายไปต่อหน้าต่อตาโดยไม่ช่วยไม่ได้นะ ขอร้อง ถือสะว่าสงสารฉันก็ได้ ฉันยังเป็นนักเรียนอยู่เลย เพราะว่าพ่อฉันติดหนี้พวกเขา แต่พวกเขากลับมาทวงกับฉัน ฉันจะไปเอาเงินมาจากไหนคืนพวกเขา? " หญิงสาวร้องไห้อย่างน่าสงสาร ทำให้ทั้งสี่คนในรถตื่นตัว
เย่ชูวเสวียออกมาจากรถตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เธอจับขอบประตูรถไว้แล้วอีกมือก็ชี้ไปที่ผู้ชายฉกรรจ์กลุ่มนั้น " การกระทำใครการกระทำมัน พ่อเธอติดหนี้พวกนายก็ไม่ทวงกับพ่อเธอ รังแกผู้หญิงมีอะไรน่าภูมิใจ? "
หญิงสาวที่ล้มนอนอยู่ที่พื้นพอเห็นว่าเริ่มมีความหวังก็คลานเข้ามาที่เท้าของเย่ชูวเสวีย เธอร้องไห้ฟูมฟายและพูดว่า " พี่สาว ช่วยฉันด้วย "
จางเห่อเดินเข้าไปกระซิบข้างหูเย่ชูวเสวียว่า " หรูอี้ เรื่องนี้เราไม่รู้แน่ชัด "
เย่ชูวเสวียดื่มมา สมองเลยมึนๆงงๆ เธอมีความยุติธรรมที่ท่วมท้น เธอเลยพูดว่า " คุณลุงเห่อ เธอเป็นนักเรียน ฉันก็เป็นนักเรียน แล้วยังเป็นผู้หญิงเหมือนกันด้วย เราต้องช่วยเหลือกันและกัน ลุงดูสิตัวเธอเต็มไปด้วยเลือด "
ชายฉกรรจ์พวกนั้นพอเห็นความงามของเย่ชูวเสวีย แววตาก็เป็นแระกาย เธอมีชื่อเสียงมากในเมือง A ถึงแม้ว่าคนพวกนี้จะไม่รู้จักหน้าตาของเธอ แต่ดงตาสีม่วงนั้นของเธอเป็นเอกลักษณ์ของเธอ
หนึ่งในนั้นพูดขึ้นว่า " ที่แท้ก็คุณหนูแห่งตระกูลเย่ เป็นโอกาสที่หายากมากจริงๆ แต่ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างพวกเรากับเธอ คุณหนูเย่โปรดอย่าเข้ามายุ่ง "
" แล้วถ้าฉันจะพาตัวผู้หญิงคนนี้ไปด้วยละ? " เยาชูวเสวียเงยหน้าขึ้นแล้วพูด
" ง่ายมาก ถ้าคุณหนูเย่ช่วยเธอปลดหนี้ ก็พาตัวเธอไปได้เลย "
" ติดหนี้พวกนายเท่าไหร่? "
" สามล้าน " คนนั้นหัวเราะแล้วพูด
เย่ชูวเสวียขมวดคิ้ว " เยอะขนาดนั้นเลยหรอ? " เธอก็คิดว่าไม่กี่พัน
ฝ่ายตรงข้ามหัวเราะ " เงินสามล้านสำหรับตระกูลเย่แล้วขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก "
เย่ชูวเสวียพูดอย่างไม่ต้องคิด " เงินของตระกูลเย่ไม่ได้พัดมากับสายลมนะ ทั้งหมดเป็นความพยายามของพ่อ เงินสามล้านก็ต้องถือว่ามากอยู่แล้ว "
หญิงสาวรีบคุกเข่าลงขอร้อง " คุณหนูเย่ ขอร้องนะ ทั้งชีวิตนี้ถึงฉันจะต้องเป็นวัวเป็นควายฉันจะหาเงินสามล้านนี้มาคืนคุณให้ได้ "
เย่ชูวเสวียรู้สึกเรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำอะไรแน่ๆ เธอตบไปที่หลังคารถ " พี่ชาย? พี่ชาย ฉันไม่รู้จะเอายังไง พี่รีบออกมาสิ "
เย่จิงเหยียนถอนหายใจอย่างเหลืออด เขาเปิดประตูออกมาโบกหัวเธอไปหนึ่งที " จัดการไม่ได้ แต่หาเรื่องให้ตัวเองได้ "
เย่ชูวเสวียเงยหน้าขึ้นแล้วอ้อมเหมือนแมวน้อย " ถึงยังไงก็ยังมีพี่อยู่ไง "
ชายฉกรรจ์พวกนั้นพอเห็นเย่จิงเหยียน พวกเขาก็มองหน้ากันในแววตาของพวกเขาก็เป็นประกาย และพวกเขารอยยิ้มอย่างได้ใจ
หญิงสาวพอเห็นหน้าเย่จิงเหยียน ก็ตะโกนออกมาด้วยความตกใจ " พี่ชาย "
เย่จิงเหยียนขมวดคิ้ว เขาเกลียดผู้หญิงประเภทนี้มากที่ชอบเข้าหาเขา และออกตัวจะคุยกับเขาก่อน เขาเจอมาเยอะแล้ว
ถึงแม้ว่าเย่จิงเหยียนจะดื่มไปมาก แต่ว่าเขาก็ยังมีสติอยู่ เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา " เงินสามล้านฉันไม่ให้พวกนายหรอก พวกนายมีสองทางเลือก หนึ่งออกไปตั้งแต่ตอนนี้ สอง ฉันจะแจ้งความรอให้ตำรวจมาเอาตัวพวกนายออกไป "
" คุณชายเย่ แบบนี้ช่างไร้เหตุผลจริงๆ " ฝ่ายตรงข้ามพูดอย่างไม่พอใจ
เย่จิงเหยียนไม่อยากเสียเวลา เขาหยิบโทรศัพท์แล้วโทรหาตำรวจทันที " ฮัลโหล? สถานีตำรวจใช่ไหม? ฉันจะแจ้งความ......"
ยังไม่ทันได้พูดจบ ฝ่ายตรงข้ามก็กระวนกระวาย ใช้ไม้ในมือชี้หน้าของผู้หญิงบนพื้น " วันนี้ถือว่าเธอโชคดี แต่เธอหนีไม่พ้นหรอก ฉันจะรอดูว่าพรุ่งนี้เธอจะโชคดีแบบนี้ไหม พวกเรากลับ "
ภายในสิบวินาที ชายฉกรรจ์พวกนั้นก็หายเข้าไปในกลีบเมฆ เย่จิงเหยียนก็วางสาย
เย่ชูวเสวียเริ่มได้สติขึ้นมาบ้าง " พี่ชาย พี่แจ้งความจริงๆหรอ? "
เย่จิงเหยียนเหลือบไปมองเธอแวบหนึ่ง เปิดประตูหลังรถแล้วผลักเธอเข้าไป จากนั้นก็ปิดประตู " เปล่า แค่ขู่พวกเขาเฉยๆ "
น้องสาวเกาะอยู่กับกระจกรถ ดวงตาสีม่วงนั้นส่องแสงประกายอย่างกับดาว " พี่ชาย ทำไมพี่ถึงได้ฉลาดแบบนี้ "
เย่จิงเหยียนแตะจมูกเธอเบาๆ และพูดอย่างอ่อนโยนว่า " โห ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้ยินเธอชมพี่ "
เย่ชูวเสวียชี้ไปทีหญิงสาวที่คุกเข่าอยู่ที่พื้น " แล้วจะเอายังไงกับเธอดี? "
" หรูอี้ พวกเราไม่ได้มีหน้าที่ช่วยคน " ความหมายก็คืออย่าไปสนใจ ทุกคนก็ต้องมีทางเดินของตัวเอง ตอนนี้เขาจัดการควบคุมได้ แต่จะจัดการและควบคุมทั้งโลกนี้ไม่ได้ ดังนั้น อยากจะหลุดพ้นจากคนกลุ่มนั้น เธอคงต้องช่วยเหลือตัวเอง
เย่ชูวเสวียครุ่นคิดครูหนึ่งแล้วพูดว่า " ถ้าอย่างนั้นเธอจะโดนตีจนตายนะ "
" ไม่หรอก ถ้าพวกเขายังต้องการเงินอยู่ เธอจะต้องมีชีวิตอยู่ ไม่อย่างนั้นใครจะเป็นคนคืนเงินพวกมันละ? "เย่จิงเหยียนอธิบาย
เย่ชูวเสวียหยุดคิดสักพัก เธอก็ตอบว่า " อ้อ "
" คุณลุงจาง เรากลับกันเถอะ " เย่จิงเหยียนเตรียมขึ้นรถโดยไม่มองหน้าหญิงสาวบนพื้นเลย แต่หญิงสาวคนนั้นกลับจับขากางเกงเขาไว้
" พี่ชาย พี่จำฉันไม่ได้หรอ? " หญิงสาวเบิกตากว้างและมองเขาอย่างคาดหวัง
เย่จิงเหยียนขมวดคิ้ว " ฉันไม่รู้จักเธอ " อยากจะสะบัดมือเธอออก แต่ว่ากลับไม่มีผลอะไรเลย
" พี่ชาย พี่ลืมไปแล้วหรอ? เราเคยเจอกันตอนเด็กครั้งหนึ่ง " หญิงสาวเตือนความจำเขา
เย่จิงเหยียนแสยะยิ้ม " คนที่ฉันเคยเจอตอนเด็กเยอะมาก ฉันต้องจำหน้าทุกคนให้ได้หรอ?"
" เปล่า ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น " หญิงสาวลุกขึ้นจากพื้น มองใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา แล้วพูดต่อว่า " ตอนเด็กฉันเก็บหุ่นยนต์ได้ตัวหนึ่ง ในตัวเลิกเรียนโดนคนกลุ่มหนึ่งพยายามแย่ง ตอนนี้ฉันไม่ยอมพวกเขาเลยตีฉัน แล้วคุณก็มาช่วยฉันไว้ แล้วคุณยังออกเงินห้าสิบหยวนเพื่อซื้อหุ่นยนต์ตัวนั้นด้วย แต่ว่าต่อมาฉัรก็รู้ว่าหุ่นยนต์ตัวนั้นราคาหลายหมื่นเลย แบบนั้นฉันก็ขาดทุนนะสิ คุณยังจำได้อยู่ไหม? "
คนนั้นขยับไปมา " เฮ้ย ดีขึ้นแล้ว หัวหน้า ฝีมือคุณนี่ดีกว่าหมอประจำค่ายอีก "
" ไม่ต้องชม ก็เรียนรู้มากจากพวกนายทุกคนนั้นแหละ " หญิงสางเอาเข็มขัดในมือคาดไว้ที่เอวของเธอ " ทำความสะอาดให้เรียบร้อย แล้วคืนนี้ก็ให้เข้าร่มงานเลี้ยงเฉลิมฉลอง ถ้าแม้ว่าเราจะเสียคนไปสองสามคน แต่ว่าฝ่ายตรงข้ามตายไปถึงห้าหกสิบคน ยังสมควรแก่การฉลองอยู่ เสี่ยวลิ่ว ไปแจ้งแผนกครัว คืนนี้ให้เพิ่มเมนู
" ได้เลย "
" ขอบคุณสำหรับความกรุณาของหัวหน้า "ผู้ชายทุกคนตะโกนพร้อมเพรียงกัน
หญิงสาวหันมาแล้วพูดอย่างจริงจังว่า " คืนนี้ อย่าดื่มมากเกินไป "
" ครับ! " ใบหน้าของทุกคนทีความดีใจเผยออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน ห้ามดื่มเยอะไม่ได้หมายความว่าดื่มไม่ได้
ภายใต้ต้นไม้ใต้แสงจันทร์ หญิงสาวเอาเบียร์ไว้หนึ่งขวดแล้วนั่งลงบนก้อนหินใหญ่ มองดวงจันทร์บนฟ้าแล้วดื่มเหล้าไปด้วย ข้างหูเธอก็เป็นเสียงฮือฮาในการดื่มเหล้าของเพื่อนร่วมงาน
เป็นเวลาครึ่งปีแล้วที่ฉันกลบมาจากต่างประเทศ เธออยู่ที่แอฟริกาเป็นเวลาสองปีเต็ม เธอมองดูประชาชนพวกนั้นที่ต้องใช้ชีวิตอย่างหวาดระแวง เธอพึ่งจะเข้าใจว่าในการเป็นทหารนั้นที่จะทำให้ประชาชนในประเทศของตัวเองใช้ชีวิตอย่างสันติแลัสงบสุขมันมีค่ามากขนาดไหน เพื่อเป้าหมายนี้ ถึงเธอจะต้องเสียสละทุกอย่างที่เธอมี เธอก็ไม่เสียดาย
เหล้าหมดไปแล้วครึ่งขวด เงาของคนที่คุ้นเคยเดินก็มาจากสถานที่ที่ไม่ไกล หน้าตาคมเข้ม สายตาเฉียบคมราวกับนกอินทรี แต่ว่าสีหน้าไม่ค่อยจะดีนัก ช่วยไม่ได้ ไม่ว่าวันนี้ใครเป็นผู้แพ้ก็ต้องไม่มีความสุขทั้งนั้นแหละ
" ทำไมเธอถึงมานั่งข้างนอก? " ชายหนุ่มนั่งลงข้างๆเธอ
หญิงสาวชี้ไปที่ดวงจันทร์บนฟ้า " ชมจันทร์ไง "
" เฮ้ แอบมาทีความสุขรึเปล่า " ชายนุ่มแย่งเหล้าจากมือเธอไป แล้วกระดกขวดเหล้าดื่ม
หญิงสาวหัวเราะแล้วพูดว่า " ทำไมฉันต้องแอบมามีความสุขด้วย? ทั้งๆฉันแสดงออกมาชัดเจนขนาดนี้ "
ได้ยินเสียงหัวเราดังมาจากด้านหลัง น่าจะเป็นเพราะว่าคนที่แพ้โดนทำโทษให้ดื่มเหล้า
ชายหนุ่มเช็ดปาก " แพ้ชนะเป็นเรื่องธรรมดาของทหาร ครั้งหน้าฉันต้องชนะเธอให้ได้ "
หญิงสาวลูบหลังเขาอย่างอย่างดีใจและพูดปลอบเขาว่า " ไม่ต้องเสียใจนะ แพ้ฉันไม่เสียศักดิ์ศรีหรอก "
" ใช่ ใครจะไม่รู้ถึงชื่อเสียงที่เก่งของเธอละ? เธอเป็นเหมือนดาบคมในกองทัพ C เอาไงเอากันและอยูยงคงกระพัน แม้กระทั้งผู้บังคับบัญชาตอนนี้ยังเคยพ่ายแพ้ให้กับเธอเลย เธอยอดเยี่ยมขนาดนี้ทำไมถึงเลือกมาอยู่กองเทพฮันเตอร์ละ? งานที่สบายกว่านี้มีเยอะแยะ
หญิงสาวมองไปที่แสงจันทร์อันสว่างไสว ใบหน้าที่นุ่มนวลแต่เต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว " ฉันหรอ เกิดมาก็ชอบทรมานตัวเอง ความเรียบเฉยไม่เหมาะกับฉัน และอีกอย่าง ฉันต้องการที่ดึงเอาสิ่งที่อยู่ยงคงกระพันออกมา แบบนี่ศัตรูได้ยินแล้วต้องเกรงกลัว แบบที่เพื่อนในทีมได้ยินก็จะสบายใจและไว้วางใจ นี่เป็นคำสาบานของฉันตั้งแต่ก้าวเข้ามาในค่ายทหารนี้ "
" ถ้าอย่างนั้นเธอก็ทำสำเร็จแล้ว ในทีมตอนนี้แค่เอ่ยถึงชื่อเธอก็ชิดซ้ายกันหมดแล้ว "
" ไม่ มันยังไม่พอ สิ่งที่เราต้องเรียนรู้ยังมีอีกมากมาย " หญิงสาวพูดอย่างแน่วแน่
ชายหนุ่มหันหน้ามามองเธอแวบหนึ่ง ผู้หญิงคนนี้......ช่างกล้าหาญจริงๆ ถึงแม้ว่าเธอจะหน้าตาสวยมาก แต่ว่าเขาไม่สามารถควบคุมเธอได้
" ช่างเถอะ อย่าพูดถึงเรื่องพวกนี้เลย ครั้งนี้เธอได้รับชัยชนะ และได้หยุดห้าวัน เธอเตรียมการจะไปไหน? " ชายหนุ่มถามขึ้นด้วยความสงสัย
หญิงสาวเอนไปข้างหลัง แล้วนั่งไขว้ขาจากนั้นก็พูดขึ้นอย่างเกียจคร้าน " ฉันจะไปไหนได้ ก็ต้องนอนอยู่ที่ห้องนั้นแหละ "
" เธอไม่กลับบ้านหน่อยหรอ? "
" ไม่กลับ ฉันพึ่งกลับไปเจอพ่อก่อนที่จะออกศึก ครั้งนี้เสียคนไปหลายคน กลับบ้านโดนศึกหนักแน่ "
ชายหนุ่มนึกภาพเธอที่หงุดหงิดออก เละแนะนำไปว่า " ถ้าอย่างนั้นก็ออกไปเดินเที่ยวข้างนอกสิ เธอเป็นผู้หญิงจะเอาแต่อยู่ในค่ายทหารตลอดเวลาได้ไง ออกไปเจอเพื่อนสักหน่อย ไปซื้อเสื้อผ้าสวยๆแล้วก็พวกเครื่องสำอาง "
หญิงสาวไม่เข้าใจ " ซื้อเสื้อผ้าสวยๆจะได้ใส่หรอ? "
" แต่ยังไงก็จะปล่อยให้วันหยุดห้าวันนี้ผ่านไปเฉยๆไม่ได้ ผู้คนอยากได้มันมากมายแต่ก็กลับไม่ได้ แล้วอีกเรื่อง เธอเอาแต่อยู่ในค่ายทหาร จะหาแฟนได้ยังไง? "
" แฟน? ฮ่าๆๆๆ......" หญิงสาวหัวเราะออกมาเสียงดัง " อยู่ในค่ายมาหลายปีจนฉันลืมไปแล้วว่าผู้หญิงต้องหาแฟนด้วย "
" ดังนั้น ก็ใช้เวลาวันหยุดนี้แบบหญิงสาวธรรมดาสะนะ เผื่อว่าจะเจอคนที่เหมาะสมไง ยังดีกว่าต้องอยู่ตัวคนเดียวแบบไม่มีใครเอาไปจนแก่ "
หญิงสาวต่อยเขาไปหนึ่งที " ฉันหน้าตาสวยขนาดนี้ทำไมจะไม่มีคนเอาละ? "
ชายหนุ่มหัวเราะ " ฮ่าๆ ใช่ๆๆ เธอเป็นเหมือนดอกไม้ในกองทัพ C ขอแค่เธออยากแต่งงาน ก็มีคนต่อคิวจนเป็นวงกลมรอบโลกแล้ว "
" เวิร์เกินไปแล้ว ครึ่งวงกลมรอบโลกก็พอ " หญิงสาวมองพระจันทร์ ก็นึกถึงคนหนึ่งที่เธอจำได้เป็นอย่างดี เธอเคยพูดไว้ว่า ถ้าเธอโตแล้วจะกลับไปหาเขา
ใช่สิ ทำไมไม่ใช้ช่วงวันหยุดนี้กลับไปหาเขาที่เมือง A ละ ไม่รู้ว่าเด็กผู้ชายที่คอยเดินตามหลังเธอจะโตมาหน้าตาเป็นยังไงบ้าง
พอคิดได้แบบนี้ หญิงสาวก็ลุกขึ้นปักฝุ่น แล้วเดินตรงไปที่ห้องพักของตัวเอง
" เธอจะไปไหน? " ชายหนุ่มถาม
" กลับไปนอน " หญิงสาวหันหลังและโบกมือลาชายคนนั้น
ชายคนนั้นมองตามเงาของเธอที่ค่อยๆหายไป จากนั้นก็ละสายตาจากเธอ นอนตอนนี้? เชื่อก็บ้าแล้ว
พอหลับถึงห้องพัก หญิงสาวก็เปิดลิ้นชักออก หากล่องเล็กๆออกจากในลิ้นชักนั้น เปิดออก ด้านในเป็นแผ่นหยกที่ร้อยเชือดสีแดงปักเป็นชื่อของคน เย่จิงเหยียน
และคนที่ครอบครองหยกนั่นไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคนที่กองทัพ C ชื่นชม เป็นเสมอนดาบคมในกองทัพ หัวหน้าของหัวหน้าอีกทีอย่าง ต้วนอีเหยา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...