วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ นิยาย บท 292

ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาในค่ายทหาร ต้วนอีเหยาก็รับป้ายหยกนี้ไว้ ไปไหนก็พกไปด้วยตลอด คิดไม่ถึงว่าเวลาผ่านไป 20 ปี โดยไม่รู้สึกว่าพกมันไว้เลย

เมื่อเปิดตู้เสื้อผ้า ข้างในเต็มไปด้วยเครื่องแบบทหาร มีแค่ข้างในสุดที่มีชุดรำรองสองชุด ยังคงเป็นเสื้อเชิ้ตสีดำกับเสื้อแจ็คเก็ตสีเทาอ่อน ต้วนอีเหยาก้มหน้าลงคิดอยู่ชั่ยครู่ แล้วหยีบกระเป๋าเดินทางพร้อมกับใส่เสื้อลายพรางเข้าไปไม่กี่ตัว กับเสื้อรำรองที่เธอต้องสวมพรุ่งนี้

ไม่เป็นไรหรอก เธอไปเยี่ยมเด็กซุกซน ไม่ใช่ไปสู่ขอซักหน่อย แต่งตัวแบบนี้ก็ถือว่าไว้หน้าเขาแล้ว

รุ่งเช้าของวันที่สอง เสียงนาฬิกาดังขึ้นปลุกเธอตื่น เมื่อเก็บข้าวของเสร็จ เธอถือกระเป๋าเดินทางออกมา ก็เห็นรถจอดอยู่ด้านนอกรอแล้ว

คนขับรถเสี่ยวลิ่วถอดแว่นพร้อมกับทักทายเธอด้วยความไม่พอใจว่า " เจ้านาย คิดจะสวมแบบนี้ไปจริงๆหรอ "

ต้วนอีเหยาก้มหน้าสำรวจตัวเอง เสื้อเชิ้ตสีดำ เสื้อคุมสีเทาอ่อน กางเกงขาม้าลายทหาร รองเท้าบูทคู่หนึ่ง เอวบางๆที่มีเข็มขัดรัดไว้ ดูแล้วแมนมาก ไม่มีความเป็นกุลสตรีเลย

" ฉันแต่งแบบนี้ ไม่โอเครหรอ" ต้วนอีเหยาถามด้วยความสงสัย และในคำพูดยังมีความกดดันด้วย

"ทั้งหล่อ และเท่ระเบิด ดูก็รู้ว่าสุดยอด" เสี่ยวลิ่วตอบพร้อมกับเสียงหัวเราะ

ต้วนอีเหยาโยนกระเป๋าเดินทางเขาไปในรถทหาร ประตูยังไม่ทันเปิดก็โดดเข้าไปแล้ว ตบไหล่ของเสี่ยวลิ่วแล้วบอกว่า "ออกเดินทางได้ ไปที่สนามบิน"

"รับทราบ "เสี่ยวลิ่วตอบพร้อมทำความเคารพแบบทหาร จากนั้น "ฮง"เริ่มเดินทาง

ตามทางที่ออกจากค่าย จะเห็นทหารที่กำลังฝึกอยู่ เห็นเหงื่อที่ไหลออกมาอาบบนกล้ามเนื้อที่แข็งแรง เต็มไปด้วยความเป็นชายฉกรรจ์ แต่ว่าต้วนอีเหยาเห็นภาพแบบนี้ 20กว่าปีแล้ว รู้สึกเบื่อต้้งนานแล้ว

" หัวหน้า เล่นสนุกไหมครับ"ขณะที่ขับผ่านสนามฝึกแห่งหนึ่ง รองผู้บังคับบังชา ทักทายในระหว่างที่กำลังออกกำลังกาย

ต้วนอีเหยายิ้มอย่างจืดชืดพร้อมพูดว่า “พวกคุณน่ะ อย่าอู้งาน ถ้าฉันกลับมาเห็นว่ากำลังลดลงล่ะก็....”

“หัวหน้าไม่ต้องเป็นห่วงหรอ มีแต่จะเข็มแข็งขึ้น ไม่มีอ่อนแอลง” รองผู้บังคับบัญชาตอบขณะที่ร่างกายเต็มไปด้วยเหงื่อ

"รู้ก็ดี ไปล่ะ" ต้วนอีเหยาโบกมือให้พวกเขา

"หัวหน้า ครั้งนี้ท่านจะพาพี่เขยกลับมาด้วยไหม" ทหารนายหนึ่งถามด้วยรอยยิ้มที่เฮฮา

“เจ้าทึ่ม นายหญิงเป็นคนที่หาง่ายอย่างนั้นหรือ” รองผู้บังคับบัญชาตบที่คอของทหารคนหนึ่ง “นายหญิงเราจะแต่งงาน ก็ต้องแต่งงานกับระดับนายพลนั่นแหละ”

“ วิดพื้น เพิ่มอีก 100 ครั้ง” ต้วนอีเหยาพูดด้วยน้ำเสียงที่จืดชืด

“ รับทราบ”เสียงดังขึ้นในสนามฝึก

เวลาผ่านไปชั่วโมงกว่า รถก็มาถึงที่สนามบิน เสี่ยวลิ่วยื่นหัวออกมาถามว่า “หัวหน้า ท่านจะไปที่ไหนนะ”

“เมือง A”

“ท่านจะไปเมืองA ทำอะไรล่ะ”เสี่ยวลิ่วถามด้วยความงง

“ ไปหาคนสนิท ที่ไม่ได้เจอกันหลายปีแล้ว”

ในตาของเสี่ยวลิ่วเผยให้เห็นถึงความตื่นเต้น “หัวหน้า อย่าบอกนะว่าจะไปหารักแรกพบของท่าน”

ต้วนอีเหยาใช้บัตรเจ้าหน้าที่ตีลงไปที่หัวเขาที่หนึ่ง” รักแรกพบอะไรเล่า รีบกลับไปเถอะ”

“อ้อ ”เสี่ยวลิ่วเปลี่ยนสีหน้าทันที “หัวหน้า ระวังตัวด้วย”

“รู้แล้วล่ะ ไปเถอะ”

เมื่อรถทหารออกไปแล้ว ต้วนอีเหยาหยิบแว่นกันแดดขึ้นมาสวม เดินเข้าไปในสนามบิน

เพราะว่ามีบัตรเจ้าหน้าที่ ต้วนอีเหยาขึ้นเครื่องอย่างสบายใจ

จริงๆแล้ว ถ้าเขาอยากได้ข้อมูลของเย่จิงเหยียนเพียงแค่โทรศัพท์ก็ได้แล้ว แต่ว่าต้วนอีเหยาอยากรู้จริงๆว่า เด็กซุกซนคนนี้ยังรักษาสัญญาที่เคยให้ไว้ไหม จึงอยากพยายามจับตามองด้วยตนเอง

เธอตัดสินใจว่า เมื่อถึงเมืองA ค่อยถามคนที่เจอ ดูซิว่าจะมีคนรู้จักต้วนอีเหยาไหม ถ้าหากหาไม่เจอจริงๆแล้วค่อยโทรศัพท์หาคนอื่นก็ยังได้

เมืองA

จากการผ่านการฝึกฝนมา 2 ปี เย่จิงเหยียนรับตำแหน่งประธานบริษัทเย่ฮวางอินเตอร์เนชั่นแนล

งานนั้น1 เดือนก่อนก็ได้จัดการเรียบร้อยแล้ว ด้วยเหตุนี้เพิ่งจะปิดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น เย่ฉ่าวเฉินพร้อม ภรรยามู่เวยเวย รีบวิ่งไปยังสนาม ในที่สุดก็ได้ใช้เวลาด้วยกันสองต่อสอง

ต้วนอีเหยาลงจากเครื่องแล้วตรงไปยังทางออก เผอิญเห็นขโมยคนหนึ่งกำลังลวงมือเข้าไปในกระเป๋าของคนคนหนึ่ง ด้วยว่าเธอเป็นคนที่ยึดความถูกต้อง เธอจึงเดินเข้าไปแล้วดึงมือของขโมยนั้นออกมา พูดอย่างเย็นชาว่า “ทำอะไรน่ะ”

ขโมยถูกหยิกจึงร้อง “ โอ้ยเจ็บ โอ้ยเจ็บ”ออกมา เวลานั้นเจ้าของกระเป๋าถึงรู้สึกตัว บังเอิญจริงๆ คนนั้นก็คือมู่เวยเวย เนื่องจากเย่ฉ่าวเฉินไปเปลี่ยนบัตรที่นั่ง เธอเลยยืนรออยู่ที่นั่นคนเดียว

“ตรวจดูซิของเธอหายไปหรือเปล่า” ต้วนอีเหยาเตือนเธอ

มู่เวยเวยรีบเช็คกระเป๋าของเธอ “ไม่มีอะไรหาย ขอบคุณแม่นางมาก”

“ปล่อยมือปล่อยมือ” เธอจะหักมือฉันอยู่แล้ว โจรร้องด้วยใบหน้าที่ซีดจัง (พูดตลก ต้วนอีเหยาเป็นถึงอันดับ 1 ของ กองCจากการแข่งขันวัดพละกำลัง แม้ผู้ชายในกองทัพยังยอมแพ้ แน่นอนว่ากำลังมือของเธอมีมากกว่าที่คิด)

ต้วนอีเหยาไม่อยากสร้างเรื่อง เมื่อเห็นตำรวจกองบินเดินเข้ามา จึงปล่อยมือหัวขโมย สิ่งที่คิดไม่ถึงคือขโมยกลับคิดจะวิ่งหนี ต้วนอีเหยายืดขาออกไป “โครม”หัวขโมยหกล้มลงบนพื้นทันที

“เกิดอะไรขึ้น”เย่ฉ่าวเฉินถาม หลังจากที่เปลี่ยนบัตรที่นั่นเสร็จแล้ว กลับมาเห็นเหตุการณ์แบบนี้

มู่เวยเวยอธิบายว่า “เขาจะขโมยกระเป๋าของฉัน โชคดีที่ได้แม่นางคนนี้จับได้”

เย่ฉ่าวเฉินหันไปมองต้วนอีเหยา คิดในใจว่า แม่นางคนนี้เต็มด้วยรังสีสังหาร ร่างกายสง่า ดูก็รู้ว่าเป็นทหารที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี

“ขอบคุณแม่นาง” เย่ฉ่าวเฉินพูด

ต้วนอีเหยาผยักหน้าเบาๆ ขณะนั้นตำรวจมาพอดี มู่เวยเวยจึงเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกรอบ ตำรวจ 2 นายแสดงออกมาเหมือนกัน “ เข้าใจละ เข้าใจล่ะ พวกคุณไปได้แล้ว”

จากนั้นก็หันไปหาต้วนอีเหยา “แม่นาง ขอบคุณที่ยื่นมือเข้ามาช่วย”

“ไม่เป็นไร แล้วฉันไปได้หรือยัง”

ตำรวจยิ้มแล้วพูดว่า “ ยังครับ ตามระเบียบเราจะต้องจดบันทึกไว้”

ต้วนอีเหยาเริ่มรู้สึกรำคาญ จึงล้วงเข้าไปในกระเป๋าหยิบบัตรนายทหารออกมา ตำรวจเปิดดูแป๊บนึง รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งสดใสกว่าเดิม

“ไม่ต้องบันทึกแล้วล่ะ เชิญท่านไปได้”

“อืม” ต้วนอีเหยาถือกระเป๋าเดินทางขึ้นมาแล้วเดินออกไปข้างนอก

เย่ฉ่าวเฉินหันกลับไปมองเธออีกหลายครั้ง เพื่อพิสูจน์การคาดเดาของเขา

“คุณดูอะไรน่ะ” มู่เวยเวยก็หันกลับไปดู เห็นแต่ผู้คนไปไปมามา

เย่ฉ่าวเฉินเอามือกอดลงบนไหล่เธอ ยิ้มพูดว่า “แม่นางเมื่อกี้ เป็นทหาร”

มู่เวยเวยถามด้วยความแปลกใจ “คุณรู้ได้ยังไง”

“ ดูออกน่ะ กลิ่นไอบนตัวนางไม่เหมือนคนทั่วไป เป็นกลิ่นไอที่มีในทหาร”

“ใช่หรอ ทำไมฉันดูไม่ออกล่ะ”

“เธอดูไม่ออกก็ไม่แปลกหรอก….”

เมื่อเข้าไปใจกลางเมืองของเมือง A ต้วนอีเหยาไปในที่ที่เธอเคยไปบ่อยก่อน แล้วก็ไปเยี่ยมศูนย์เด็กกำพร้า จากนั้นในช่วงบ่ายเธอเข้าไปร้านอาหารแห่งหนึ่ง

“กุ้งมังกรน้อยกับปลาต้มน้ำ เอารสเผ็ด”

“ได้”

ในระหว่างที่รออาหาร ต้วนอีเหยาดูโทรทัศน์ที่อยู่ใจกลางของร้านอาหารอย่างตั้งใจ ในนั้นกำลังถ่ายทอดข่าวเกี่่ยวกับเมืองA

“ ข่าวใหม่วันนี้ เย่ฮวางอินเตอร์เนชั่นแนลกรุ๊ปเย่ฉ่าวเฉินวันนี้ลาออกจากกิจการ ลูกชายของท่านเย่จิงเหยียนรับช่วงต่อกิจการของเว่ฮวางทั้งหมด ตามที่ได้ยินมาปีนี้ เย่จิงเหยียนมีอายุ 25ปี …. ”

ต้วนอีเหยาถึงกับตะลึง “เย่จิงเหยียน” “เป็นคนเดียวกับที่ตนเองรู้จักหรือเปล่า”

เขาเป็นถึงทายากของเย่ฮวางอินเตอร์เนชั่นแนลกรุ๊ปเลยหรือ ถึงจะไม่รู้ว่าเย่ฮวางอินเตอร์เนชั่นแนลกรุ๊ปใหญ่แค่ไหน แต่สามารถออกข่าวได้ อยู่ในเมืองA น่าจะไม่ธรรมดา

ต้วนอีเหยาจองหน้าจอทีวี อยากรู้ว่าเย่จิงเหยียนมีรูปร่างหน้าตายังไง แต่ว่าในข่าวมีแต่โลโก้ของบริษัท แม้ว่าจะมีรูปของเขา มันก็เป็นแค่รูปถ่าย

จะว่าไปแล้ว แค่รูปภาพรูปนี้ก็เพียงพอแล้ว บนโลกใบนี้ไม่น่าจะมีคนที่มีตาพิเศษ และชื่อเย่จิงเหยียนแน่นอน

ต้วนอีเหยารู้สึกว่าตนเองโชคดีจริงๆ เพิ่งจะมาถึงก็ได้ข่าวคราวของเขาแล้ว

ประธาน ฮึงฮึง ชื่อนี้ฟังแล้วก็น่าสนใจดี

เมื่อพนักงานเสิร์ฟอาหารมาถึง ต้วนอีเหยาจึงถามนางว่า “สวัสดี ขอถามหน่อย จากนี่ถึงเย่ฮวางอินเตอร์เนชั่นแนลกรุ๊ปไกลไหม”

“ เย่ฮวางอินเตอร์เนชั่นแนลกรุ๊ปหรือ ไม่ไกลเท่าไหร่ ถ้าคุณนั่งรถแท็กซี่ 20-30 นาทีก็ถึง อยู่ใจกลางเมือง ตึกที่สูงที่สุดและดูหรูหราที่สุดนั่นแหละคือเย่ฮวาง” พนักงานพูดอย่างสนิทสนม

“ขอบคุณ”

พนักงานดูชุดที่เธอสวม ข้างเก้าอี้เธอมีกระเป๋าเดินใบนึง จึงถามว่า “แม่นาง จะไปสมัครงานหรือ”

ต้วนอีเหยายิ้ม“ไม่ใช่ฉันจะไปหาคน”

“ออ ฉันคิดว่าเธอมาหางานทำซะอีก ได้ยินมาว่า เงื่อนไขการรับพนักงานของเย่ฮวางอินเตอร์เนชั่นแนลกรุ๊ปมีความเคร่งครัดมาก”หน้างานสังเกตสีหน้าของเธอที่ไม่อยากจะสนทนาด้วย ยิ้มหัวเราะเบาๆมีกี่คำแล้วเดินจากไป

เวลานั้นเป็นฤดูใบไม้ผลิ ดอกโบตั๋นบนถนนของเมืองA อยู่เป็นกลุ่มเป็นกลุ่มดูแล้วสวยงาม กลิ่นหอมของดอกไม้ฟุ้งกระจายทั่วบนท้องฟ้า

20 กว่าปีแล้วที่ไม่ได้กลับมา เมืองAเปลี่ยนไปมาก มีหลายที่ที่เธอจำไม่ได้แล้วต้วนอีเหยาไม่ได้ต่อรถไป เธอเลือกที่จะเดิน เพราะเธออยากจะสัมผัสบรรยากาศของเมืองนี้

เดินไปเดินไป ปรากฏว่า 4 โมงกว่า ต้วนอีเหยาถึงจะมาถึงตึกของเย่ฮวางอินเตอร์เนชั่นแนลกรุ๊ป เป็นอย่างที่พนักงานพูดไว้จริงๆ ตึกนี้เป็นตึกที่สูงที่สุดในบริเวณนั้น เป็นที่น่าอิจฉาของผู้คนจริงๆ

เธอลากกระเป๋าเดินทางเดินเข้าไป แต่ยังไม่ทันเข้าประตู ก็ถูกยามขวางไว้

“ ขอโทษนะ คุณผู้หญิง คุณไม่ใช่พนักงานที่นี่ ไม่สามารถเข้าไปโดยพละการได้”ยามพูดด้วยความสุภาพ

ต้วนอีเหยายืดตัวตรง พูดยังกลางๆว่า “ฉันมาหาคน”

“ ขอถามหน่อย ท่านต้องการหาใคร”

“ฉันมาหาเย่จิงเหยียน ”

ยามอึ้งไปสักพัก ดูเธออย่างละเอียด การแต่งตัวของเธอธรรมดา และยังลากกระเป๋าเดินทาง ดูแล้วน่าหัวเราะจริงๆ “ คุณผู้หญิง ขอถามหน่อยมีใบนัดไหม”

“ จะพบเขายังต้องมีใบนัดหรือ”ต้วนอีเหยาแสดงออกถึงความไม่รู้ เพราะเธอห่างไกลจากการใช้ชีวิตธรรมดามานานแล้ว

“จำเป็นแน่นอน ประธารเย่เป็นประธานของบริษัท งานที่ต้องทำในแต่ละวันมีมาก ถ้าไม่มีนัด ฉันจะไม่ปล่อยคุณเข้าไปเด็ดขาด”

ต้วนอีเหยาก็ไม่ได้ทำให้เขาลำบากใจ “ รบกวนคุณช่วยเข้าไปบอกเขาที มีคนแซ่ต้วนมาหา เป็นเพื่อนเก่าของเขา”

ยามลังเลสักพัก ก็กลัวว่าจะทำให้พระโกรธ ได้แต่พูดว่า “ รบกวนท่านรอสักครู่”

เมื่อมาถึงหน้าห้อง ยามบอกให้พนักงานหน้าห้องว่า “ มีผู้หญิงคนหนึ่งมาหาประธานเย่ บอกว่าเป็นเพื่อนเก่า แซ่ต้วน เธอช่วยบอกให้กับเลขาหน่อย”

หน้างานหน้าห้องเช็ดปาก แล้วมองออกไปทางปากประตูเห็นร่างที่สูงสง่า ก็พูดอย่างไม่เกรงใจว่า “แม้กระทั่งแมวแมวหมาหมาก็จะมาพบประธาน ประธานเย่ยุ่งจะตายอยู่แล้ว อีกอย่าง ฉันว่านางมาพึ่งประธานเย่แน่”

ยามยิ้มอย่างเขินเขินว่า “ ยังไงเธอก็โทรหาเลขาที อาจจะเป็นเพื่อนเก่าจริงๆก็ได้”

“ ไม่ต้องโทรหรอ ประธานเย่หลังประชุมเสร็จ ก็ลงไปยังสาขาอื่นเพื่อเซ็นสัญญาแล้ว ไม่อยู่”

“โอเคร ฉันเข้าใจแล้ว ”

เมื่อกลับมาถึงหน้าประตู ยามพูดด้วยอาการขอโทษว่า “ คุณผู้หญิงท่านประธานแย่ของเรา ไปเซ็นสัญญายังบริษัทลูกแล้ว ไม่ได้อยู่ ห้องทำงาน”

ต้วนอีเหยาปวดคิ้ว “ แล้วเขาจะกลับมาเมื่อไหร่”

“ เรื่องนี้ให้คำตอบยาก ถ้าหากว่าดึกจริงๆ อาจจะรวดกลับบ้านไม่เข้ามาบริษัทแล้ว”

“ เพื่อนเก่า” เย่ชูวเสวียขมวดคิ้ว เพื่อนของพี่ชายส่วนใหญ่แล้วเธอจะรู้จัก แต่ผู้หญิงคนนี้เธอก็ไม่เคยเห็น

เดินได้ไม่กี่ก้าว มีความคิดแวบหนึ่งเข้ามาในหัวของเย่ชูวเสวีย หันกลับมาถามยามว่า “ นางบอกไว้ไหมว่าชื่ออะไร”

“ ไม่ได้บอก แต่ว่ารู้สึกว่าจะเคยบอกว่าแซ่...” ยามพยายามที่จะนึก ในที่สุด “ ใช่ๆ เมื่อวานนางบอกว่านางแซ่ต้วน”

“แซ่ต้วน” เย่ชูวเสวียพึมพลำชื่อนี้อยู่สักพัก จู่ๆก็คิดขึ้นมาได้ พี่ชายมักจะพูดอยู่บ่อยๆเกี่ยวกับผู้หญิงคนหนึ่งรู้สึกว่าจะแซ่ต้วนเหมือนกัน

“นายแน่ใจนะ”

ยามเห็นสีหน้าของเย่ชูวเสวียเปลี่ยนไป ก็เกิดอาการตื่นเต้น “ น่าจะ... น่าจะใช่”

เย่ชูวเสวียรีบเงยหน้าขึ้นมามองหาาร่องรอยของผู้หญิงคนนั้น แต่ว่าใครจะไปรู้ นางได้หายไปท่ามกลางกลุ่มคนตั้งนานแล้ว

ในขณะที่ยามกลับพนักงานต้อนรับกำลังตกใจอยู่นั้น เย่ชูวเสวียรีบวิ่งไปยังลิฟท์ จนมาถึงห้องทำงานของประธานบริษัท พลักประตูเสียงดัง

“ปึง”

“ พี่ขา---”

ในห้องมีผู้อวุโสของบริษัทหลายท่าน เย่ชูวเสวียได้แต่ยิ้มให้พวกเขา เธอทำอะไรไม่ถูก

ผู้อวุโสของบริษัทหลายท่านก็รู้สึกชื่นชอบ คุณหนูที่ไร้เดียนสาของตระกูลเย่นี้ จึงยิ้มตอบกับเธอ

“ เอกสารพวกนี้ไว้นี่ก่อนแล้วกัน ให้ฉันดูแล้วค่อยว่ากันอีกที”

“ รับทราบ ท่านประธานเย่”

แต่ละคนออกไปอย่างรีบเร่ง เย่จีงเหยียนดูน้องไม่รู้จะทำยังไงดี “บอกกี่ครั้งแล้ว เวลาอยู่ที่บริษัทให้ค่อยๆเดิน ทำไมยังวิ่งมาอย่างนี้อีก”

เย่ชูวเสวียไม่อยากจะทนกับคำพูดของเขา เลยถามตรงๆว่า “พี่ ผู้หญิงที่อยู่ที่ศูนย์เด็กกำพร้าชื่ออะไรนะ”

“ต้วนอีเหยา ทำไมหรอ”เย่จิงเหยียนหยิบเอกสารบนโต๊ะขึ้นมา

“ แซ่ต้วนจริงๆด้วย ”

“ หรือว่าอาจจะไม่จริง”

เย่ชูวเสวียเดินมาข้างหน้า แล้วปัดเอกสารบนมือเขาออกเอา จับมือเขาวิ่งไปด้วยพูดไปด้วย “รีบหน่อย รีบหน่อย โรงเมื่อกี้ ยามบอกว่ามีผู้หญิงแซ่ต้วนมาหาพี่ แต่เขาไม่มีนัด เลยไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าพบ”

“ เธอพูดอะไรนะ ” เย่จิงเหยียนตกใจเมื่อได้ยินข่าวนี้ ในหัวเต็มไปด้วยความว่างเปล่า 20 กว่าปีนี้ ครั้ง กว่าปีนี้ ครั้งนี้เป็นครั้งที่ได้ข่าวของต้วนอีเหยา

“เข้าไปในลิฟท์ค่อยพูดก็ได้”

“ น้อง เมื่อกี้ว่าอะไรนะ”

ทั้งคู่เดินเข้าไปในลิฟท์อย่างรวดเร็ว เย่ชูวเสวียจึงพูดว่า “เมื่อกี้ฉันอยู่ด้านล่าง เห็นยามคุยกับผู้หญิงคนนึง หลังจากนางจากไปแล้ว ฉันเข้าไปถามยามว่า เขาเป็นใคร...”

เย่ชูวเสวียพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่หน้าประตูบริษัท ใจของเย่จิงเหยียนเต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ เมื่อนางพูดจบ ในตาของเขาเต็มด้วยความตกใจ

“ ต้องเป็นต้องเป็นนางแน่ๆ นางมาหาฉันแน่นอน”เย่จิงเหยียนจับแขนของน้องสาวด้วยความตื่นเต้น

เย่ชูวเสวียพูดตัดพ้อว่า “แต่ว่านางไปแล้วนะ”

“ ไม่เป็นไร ฉันจะให้คนไปหาข่าวของนางทุกโรงแรมในเมืองA” ขนาดที่พูดอยู่ก็หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรให้คนไปจัดการเรื่องนี้

เมื่อลิฟต์ลงมาถึงชั้นล่างสุด คนที่สามารถติดต่อได้ก็ติดต่อหมดแล้ว เมื่อยามเห็นเห็นเจ้านายลงมา ก็รู้สึกว่าตนเองแย่แน่ หรือว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นเพื่อนเก่าของเจ้านายจริงๆ

“ประธานเย่”

“นางบอกว่านางแซ่ต้วนหรือ”เย่จิงเหยียนถาม

ฝ่ามือของยามเต็มไปด้วยเหงื่อ “ใช่ครับท่าน”

เย่จิงเหยียนทั้งดีใจและกังวล “ มาเมื่อไหร่ แล้วนางพูดอะไรอีก”

“ มาเมื่อวานตอนบ่าย...”

“เมื่อวานตอนบ่าย” เย่จิงเหยียนพูดด้วยอาการตกใจ “แล้วทำไมไม่มีใครมาบอกฉันล่ะ”

ยามทำอะไรไม่ถูก รู้ว่าตนเองได้ก่อปัญหาแล้ว “ ฉันบอกให้เลขาโทรหาท่าน แต่เลขาบอกว่า ท่านไปยังสาขาอื่น ดังนั้น...”

“ เจ้าโง่”เย่จีงเหยียน พูดด้วยอารมณ์โมโห เย่ชูวเสวียที่ยืนอยู่ข้างๆก็ตกใจ ตั้งแต่จำความได้ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่นางเห็นพี่ชายโมโหขนาดนี้

ยามก้มหน้าลงไม่กล้าพูดอะไรอีก

เย่จิงเหยียนหายใจเข้าลึกๆเพื่อสงบสติอารมณ์ แล้วถาม “นางพูดอะไรบ้าง บอกฉันตั้งแต่ต้นจนจบ”

ยามตกใจจนวิญญาณแทบออกจากร่าง อยู่ในสถานการณ์แบบนี้มีหรือจะคิดได้ว่าเมื่อวานตอนบ่ายนางพูดอะไรบ้าง

ยามคิดอยู่ตั้งนาน ในที่สุดก็พูดออกมา “ผู้หญิงคนนั้น ... นางบอกว่านางเป็นเพื่อนเก่าของท่าน มาหาท่าน จากนั้น…จากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย”

“นางพูดแค่นั้นจริงหรือ” เย่จิงเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น

“ ไม่ไม่มีแล้วจริงๆ เพราะว่านางบอกว่านางไม่มีนัด ฉันบอกนางให้โทรหาท่าน นางบอก... นางบอกว่าถ้านางมีเบอร์โทรของท่าน นางก็คงไม่ต้องพูดไร้สาระกับฉ้นตั้งนาน...”

ใจของเย่จิงเหยียนแทบแตกสลาย ทำไมเขาถึงสะเพร่าแบบนี้ ตั้งแต่แรกเขาก็ควรจะให้คนใช้เหล่านี้รู้จักชื่อของต้วยอีเหยาแล้ว

เขากำมือแน่น ในใจรู้สึกเจ็บปวด “แล้วนางเอาอะไรมาด้วยกลับ”

“เมื่อวานนางลากกระเป๋าเดินทางมาด้วย แต่ว่าเมื่อกี้นางมาตัวเปล่า”

“กระเป๋าเดินทาง” หรือว่าเมื่อวานนางเพิ่งจะมาถึงเมืองA เธอมาหาเขายังอย่างตั้งใจ แต่กลับถูกขวางไว้หน้าประตู ตามนิสัยของนางแล้วต้องโมโหอย่างแน่นอน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ