2 : ข้าบอกให้เจ้าตื่น หลี่เมิ่งเหยา !
พอบุตรสาวหลับไปแล้ว นางถึงได้มานั่งคอตกคิดถึงอนาคตของตัวเอง ไม่รู้ว่าเรือนร้างที่เมืองฉางเป็นอย่างไรบ้าง เหมือนเคยรู้มาว่า เป็นเรือนเอาไว้สำหรับพักค้างคืน ระหว่างการเดินทางไปดูแลการค้า
ซึ่งเมื่อก่อนตระกูลหลี่เคยมีร้านค้าอยู่ที่นั่น พอหลี่หงซวนได้รับตำแหน่งเจ้าเมืองถัง คนตระกูลหลี่ก็ขายกิจการที่เมืองฉางทิ้งไป เหลือไว้เพียงเรือนแห่งเดียว
ระหว่างทางหลี่เมิ่งเหยาตัวร้อนขึ้นมาจริง ๆ ผู้เป็นมารดารีบเช็ดตัวให้นาง และป้อนยาที่ต้มเอาไว้ก่อนหน้าตามไปด้วย ไข้ถึงลดลงในเวลาต่อมา ต้องใช้เวลาเดินทางสองวัน คืนนี้เลยต้องเข้าพักในโรงเตี๊ยมไปก่อน
ตื่นเช้ามาหลี่เมิ่งเหยามีอาการดีขึ้น นางไม่ปวดศีรษะเหมือนเมื่อวานที่ผ่านมา ทำให้สามารถออกเดินทางต่อได้ในทันที
รถม้ามาถึงประตูเมืองฉาง เป็นเวลายามเซิน(15.00-16.59)แล้ว จากนั้นรถม้าก็มาจอดอยู่หน้าเรือนร้างในตรอกหนิงอัน
“เชิญอนุเฉากับคุณหนูเข้าเรือนเถอะขอรับ ข้าต้องขอตัวกลับก่อน”
คนขับรถม้าขนสัมภาระของทั้งคู่ลงจากรถม้า จากนั้นก็รีบจากไปในทันที ไม่มีคำสั่งใดจากตระกูลหลี่ หรือว่าสามีของเฉาซูหลิ่งแม้แต่คำเดียว
“ท่านแม่มีกุญแจหรือไม่”
“มีสิ พ่อบ้านในจวนให้ข้ามาแล้ว” นางรีบหยิบกุญแจที่อยู่ในอกเสื้อออกมา แต่ไม่ว่าจะพยายามไขเท่าไรก็ไม่ได้ผล
“ให้กุญแจข้ามาผิดอันหรืออย่างไร ทำไมไขไม่ได้ เจ้ากุญแจบ้านี่” นางโมโหจนปาลูกกุญแจลงพื้น
“ตรอกหนิงอันอันใดกัน นี่มันตรอกผีสิงชัด ๆ เงียบวังเวงปานนี้ เรือนข้าง ๆ มีคนอยู่หรือไม่ก็ไม่รู้”
หลี่เมิ่งเหยากลอกตาใส่มารดา ก่อนเดินเข้าไปดูแม่กุญแจใกล้ ๆ แล้วถอนหายใจออกมาเบา ๆ
“สนิมขึ้นแบบนี้จะไขได้อย่างไร” นางจับแม่กุญแจแล้วคิดในใจเล่น ๆ ว่า เปิดสิ ทันใดนั้นข้อมือของนางก็ร้อน แล้วแม่กุญแจก็ถอดสลักออกได้เอง
“เหยาเอ๋อร์เจ้าเปิดได้”
“เอ่อ มันคงเก่าแล้ว ถูกข้าเขย่านิดเดียวก็หลุดออกจากกัน ท่านแม่เข้าเรือนกันเถอะ”
หลี่เมิ่งเหยาเก็บความดีใจนี้เอาไว้ ต้องมีบางอย่างเกี่ยวกับกำไลบนข้อมือของนาง ต้องหาเวลาศึกษามันดูเสียแล้ว
สภาพของเรือนไม่ได้เลวร้ายมากนัก เพียงแต่มีฝุ่นจับหนาเกินไป ต้นไม้รกร้างเต็มไปหมด แต่ภายในยังดูดีพอใช้อยู่อาศัยได้
“ข้าจะอยู่ได้อย่างไร มีแต่ฝุ่นเต็มไปหมด” เฉาซูหลิ่งเห็นความหนาของฝุ่นก็ปวดใจขึ้นมา
“ก่อนหน้าท่านแม่เป็นลูกเศรษฐีหรือ”
“ใช่ที่ไหนกัน ขาโตมาในชนบทต่างหาก”
“อ้อ เช่นนั้นคงปัดกวาดเช็ดถูเป็น”
“ไม่เป็น !”
หลี่เมิ่งเหยาตกใจหลังได้ยิน นางหันไปทางมารดาแล้วจ้องนางนิ่ง ๆ “เหตุใดถึงทำไม่เป็น”
เฉาซูหลิ่งปัดมือเบา ๆ ยืดอกขึ้นสูง “เพราะข้าหน้าตางดงาม ท่านพ่อจึงไม่ให้ข้าทำงานบ้าน ให้ข้ารักษาเนื้อรักษาตัว รอวันออกเรือนเป็นพอ”
หลี่เมิ่งเหยาได้ยินแล้ว เหมือนโลกใบนี้น่าขันยิ่งนัก ท่านตาท่านยายเลี้ยงมารดาของนางมาแบบผิด ๆ
“พวกเขาคงไม่คิด ว่าวันหนึ่งท่านแม่จะตกอับ”
เฉาซูหลิ่งตกตะลึง “เจ้ายังเป็นลูกข้าอยู่หรือไม่ เหตุใดคำพูดคำจาแปลกประหลาดยิ่งนัก”
“ข้าไม่ใช่ลูกของท่านแม่ได้หรือไม่ แม่ที่เกิดในชนบทแต่ไม่เคยทำงานหนักแบบท่านนี่ ระหว่างทางข้าป่วยหนักแทบตาย พอมาถึงบ้าน ได้แต่ยืนอยู่ตรงนี้ตั้งนานสองนาน ท่านเอาแต่บ่นไม่ยอมลงมือทำความสะอาดเสียที หรือว่าต้องให้ข้าที่เพิ่งฟื้นไข้ ลงมือทำเอง”
นางเหลือบตามองมารดาอย่างเอือมระอา
เฉาซูหลิ่งถูกบุตรสาวถากถางเข้าให้ พลันรู้ตัวว่านางมัวแต่เสียเวลาอยู่ตรงนี้จริง ๆ
“เอาล่ะ ๆ เจ้าไปนั่งรออยู่ใต้ต้นไม้ก่อนก็แล้วกัน ข้าจะไปทำความสะอาดก่อนสักหนึ่งห้อง คืนนี้เจ้ากับข้านอนห้องเดียวกันไปก่อน ข้าไม่มีเรี่ยวแรงทำความสะอาด สองห้องพร้อมกันหรอกนะ” นางเอ่ยแล้วเดินอิดออดเข้าไปในเรือน
หลี่เมิ่งเหยาเดินไปทรุดตัวลงนั่ง บนก้อนหินจำลองใต้ต้นไม้ ไม่รู้ป่านนี้คุณปู่ของเธอจะเป็นห่วงแค่ไหน ในชีวิตที่ผ่านมายี่สิบห้าปี เธอมีแค่ปู่เพียงคนเดียว
บิดามารดาล้วนตายจากไปหมดแล้ว เพราะเกิดอุบัติเหตุตั้งแต่เธอยังเด็ก จู่ ๆ เธอทะลุมิติที่นี่ ท่านต้องเป็นห่วงอย่างแน่นอน คิดแล้วก็แน่นิ่งไปครู่หนึ่ง
หากไม่ตายวิญญาณจะออกจากร่าง มาที่นี่ได้อย่างไร
นางยกฝ่ามือคู่น้อยขึ้นมองดู ยืดขาไปด้านหน้าเพื่อคาดเดาความสูงของตัวเอง หลี่เมิ่งเหยามีอายุเพียงสิบสองปี ร่างกายผอมแห้งความสูงไม่มากนัก ไม่สามารถใช้ร่างกายนี้ทำงานหนักได้ ต้องบำรุงด้วยอาหาร ให้ถูกหลักอนามัยเสียก่อน
เดิมทีเธอเป็นเพียงเจ้าของร้านดอกไม้ร้านเล็ก ๆ เท่านั้น มาอยู่ในยุคโบราณเช่นนี้ จะสามารถทำอะไรได้บ้าง คิดแล้วชวนปวดหัวยิ่งนัก เธอนั่งเอนหลังพิงกับต้นไม้แล้วเผลอหลับไป
หลี่เมิ่งเหยาจงตื่น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง