บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง นิยาย บท 7

7 : พี่หญิงใหญ่บ้านข้าง ๆ เรามีคนกลับมาอยู่แล้วนะ

ยามนำโอสถล้ำค่าไปขายที่หอโอสถ นางจะสวมหมวกตาข่ายปิดหน้าตาเอาไว้ และตั้งกฎกับเถ้าแก่ของหอโอสถไว้ ห้ามถามไถ่ถึงตัวตนของนางเด็ดขาด มิเช่นนั้นนางจะยุติการซื้อขายนี้ลง

ตอนแรกเถ้าแก่หอโอสถไม่เชื่อนาง เกรงว่าจะเป็นพวกมาตุ้มตุ๋นหลอกลวง แต่พอได้เห็นยาที่นางนำออกมาให้ดู เขาถึงกับหัวใจแทบหยุดเต้น

“นี่มันยาอะไร เหตุใดถึงมีกลิ่นหอมสดชื่นเช่นนี้ สีสันก็สวยงามเหมือนลูกกวาดก็ไม่ปาน”

จางฉวนเปิดหอโอสถแห่งนี้มาร่วมสามสิบปี นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบเจอ เม็ดยาที่กลิ่นหอมละมุนกลมกล่อมเช่นนี้ รีบเก็บใส่ขวดกระเบื้องเคลือบตามเดิม

“นี่เรียกว่ายาลู่เฟิน”

เพราะสีเหมือนหยก รสชาติหอมหวานสดชื่น นางเลยเลือกใช้ชื่อนี้ ในเรือนโลกันตร์ไม่มีชื่อยา เขียนไว้เพียงสรรพคุณเท่านั้น นางจึงต้องลำบากคิดค้นชื่อให้พวกมัน

“ยาเม็ดนี้เอาไว้ยื้อลมหายใจสุดท้ายของคนป่วย หากใครหมดลมไปไม่เกินสองเฟิน(สองนาที) เมื่อป้อนยาเม็ดนี้เข้าไป จะทำให้กลับมาหายใจได้อีกครั้ง ยานี้ทำมาจากสมุนไพรล้ำค่า ราคาของมันจึงค่อนข้างแพง”

หลี่เมิ่งเหยาไม่รู้จะเสนอราคาเท่าใด นางรอให้อีกฝ่ายเป็นคนเอ่ย เพราะเขาอยู่ในแวดวงโอสถ ย่อมรู้ถึงราคาของมันเป็นอย่างดี

“ข้ายังไม่รู้ว่าสรรพคุณของมัน จะดีเช่นเจ้าเอ่ยมาหรือไม่” จางฉวนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

“เช่นนั้นเอาไปใช้ดูก่อนหนึ่งเม็ด เดือนหน้าข้าจะมาใหม่” นางไม่สนใจสายตาสุดแสนเสียดายของอีกฝ่าย

“แม่นางหยุดก่อน”

“ท่านมีอันใดอีก”

“หากยานี่ได้ผล ข้าจะติดต่อแม่นางได้ที่ไหน ขอรู้ชื่อแซ่และที่อยู่ได้หรือไม่ ท่านเรียกข้าว่าเถ้าแก่จางเหมือนผู้อื่นเถอะ”

“เถ้าแก่จางท่านลืมกฎของข้าไปแล้วรึ ห้ามอยากรู้อยากเห็นตัวตนของข้า อีกหนึ่งเดือนข้าจะกลับมาที่นี่อีก เอาตามนี้แหละ”

นางมั่นใจในโอสถของตัวเอง แม้ยังไม่เคยได้ลองใช้จริงจังสักครั้งก็เถอะ

หลี่เมิ่งเหยาเดินออกจากหอโอสถประจำเมืองฉางไป นางตรงไปตรวจตรา ดูกิจการให้เช่าเรือนค้าขาย คนงานทั่วไปไม่รู้จักนาง จึงต้องยื่นป้ายเจ้าของกิจการให้ดู ไม่ช้าผู้ดูแลร้านของแต่ละแห่งก็ออกมาต้อนรับนาง พร้อมกับรายงานสถานการณ์ปัจจุบัน ให้นางรับรู้

เมื่อเสร็จธุระหมดแล้ว นางจึงตรงกลับเรือนไป หลี่เมิ่งเหยายามนี้ใบหน้างดงาม ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ราวตุ๊กตาผิวกระเบื้องเคลือบ นางเดินเข้าไปภายในเรือน มองหาน้องชายตัวน้อยของตนเป็นอันดับแรก

“พี่หญิงใหญ่กลับมาแล้ว” หลี่ชงหยวนในวัยสี่ขวบ ใช้ขาสั้นป้อมวิ่งมาหาพี่สาวของตน

“เสี่ยวหยวนเดี๋ยวหกล้ม !”

ไม่ทันแล้วเจ้าตัวน้อยพุ่งตัว ราวลูกธนูเข้าใส่นาง ทำให้นางต้องเอื้อมแขนออกไป โอบรัดตัวเขาเอาไว้แน่น ๆ

“พี่หญิงใหญ่เหตุใดไม่พาข้าไปด้วยเล่า”

เจ้าของใบหน้ากลมอวบทำแก้มพองใส่พี่สาว

“ข้าไปทำธุระ เจ้าไปด้วยก็ไม่สนุกหรอก เอาไว้วันหลังข้าจะพาไปเที่ยวเล่นข้างนอกดีหรือไม่”

“เย้ ๆ แต่พี่ใหญ่ห้ามผิดคำพูดเชียวนะ ไม่เช่นนั้นข้าจะโกรธท่านจริง ๆ ด้วย”

“ได้ ๆ”

เดิมทีนางต้องการเลี้ยงดูน้องชายอย่างเข้มงวด แต่ไหนเลยจะรู้ว่า เพียงแค่เขาเอ่ยออดอ้อนนิดเดียว หัวใจของนางก็อ่อนยวบลงไปกองอยู่บนพื้น

เจ้าเด็กหน้าเหม็นนี่ น่ารักน่าชังเกินไปแล้ว นางฟัดแก้มซาลาเปาสองก้อนของเขาอย่างมันเขี้ยว

“พี่หญิงใหญ่ ! ท่านแม่สอนว่าบุรุษกับสตรีห้ามถูกเนื้อต้องตัวกัน แต่ท่านชอบหอมแก้มข้าตลอดเลย ใครที่ไหนจะนับถือข้าเป็นบุรุษกันเล่า”

“นี่มันคำพูดของเด็กสี่ขวบหรือไง ไม่อยากให้ข้าหอมรึ นี่แนะ ฟอด ! ฟอด !”

เสี่ยวหยวนหัวเราะจนหน้าแดงก่ำ แม้ปากจะเอ่ยเช่นนั้น แต่ในใจเขารู้สึกมีความสุขทุกครั้ง ที่ถูกพี่สาวหอมแก้ม เขากอดคอนางเอาไว้แน่น ๆ แล้วกระซิบตรงหูนางเบา ๆ

“พี่หญิงใหญ่บ้านข้าง ๆ เรา มีคนกลับมาอยู่แล้วนะ”

“หืม หลังไหน”

“หลังนั้น” เด็กน้อยชี้นิ้วไปเรือนหลังที่อยู่ฝั่งขวามือ

หลี่เมิ่งหยวนหวนระลึกถึงใบหน้า ของคุณชายสามผู้นั้น ผ่านมาห้าปีแล้วนางจำใบหน้าของคนผู้นั้น ไม่ค่อยได้เหมือนกัน

“เสี่ยวหยวนเจ้ารู้ได้อย่างไร” ตัวเขาเล็กเพียงนี้ไม่สามารถมองเห็นคน ที่อยู่ในเรือนด้านข้างได้อย่างแน่นอน

เสี่ยวหยวนยิ้มแก้เขินเล็กน้อย “เอ่อ คือว่า”

ท่าทางเช่นนี้ ไม่พ้นทำความผิดมาอย่างแน่นอน “เจ้ามุดทางหมาลอดอีกแล้วใช่ไหม”

“ขะข้าไม่ได้ตั้งใจ”

เสียงเขาแผ่วเบาเพราะกลัวถูกทำโทษ

“พอดีลูกบอลของข้าลอยข้ามกำแพงไป ข้าก็แค่ไปเก็บกลับคืนมาเท่านั้นเอง” เอ่ยแล้วหลบสายตาพี่สาวไปทางอื่น

“เสี่ยวหยวนเล่ามาให้หมด”

บทที่ 7 1

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง