“เจ้าขยับมาช่วยข้าหน่อยได้ไหม” ซูหว่านถือเสื้อผ้าที่ไม่รู้ว่าควรใส่ไว้ข้างในหรือข้างนอก พลางมองอีกฝ่ายอย่างงุนงง
นางไม่ได้โง่หรอกนะ แต่ชุดกระโปรงหรูฉินอะไรนี่ซับซ้อนวุ่นวายมาก ข้างหน้าข้างหลังทับกันตั้งหลายชั้นจนนางเริ่มสับสน
เมื่อเห็นดังนั้น แม่นมเฒ่าจำต้องเข้าไปช่วยนางอย่างไม่เต็มใจนัก พลางคิดในใจว่าคนที่ทำอะไรไม่เป็นและไม่เข้าใจอะไรสักอย่างแบบนี้ จะไปใช้ชีวิตในชนบทได้อย่างไร
ซูหว่านกำแหวนที่ทะลุมิติมาด้วยไว้แน่นไม่ให้คนอื่นสังเกตเห็น หลังจากแต่งตัวเสร็จ นางก็เดินตรงดิ่งออกจากประตูไป
ของสิ่งนี้เป็นของนาง ไม่ใช่ของจวนกู้ นางต้องเอาไปด้วย
แม่นมเฒ่าเดินตามหลังมา เห็นว่านางไม่ได้หยิบฉวยอะไรไปเลย ในใจรู้สึกฉงน นี่นางรู้สถานการณ์ของตัวเองแล้วหรือ?
ทันทีที่ออกจากห้อง ซูหว่านก็อาศัยความทรงจำเดินตรงไปที่ประตูใหญ่
นางชนเข้ากับบ่าวรับใช้คนหนึ่ง เมื่อเห็นว่าเป็นซูหว่าน เขาจึงเอ่ยขึ้นว่า “บุตรชายคนโตตระกูลซูมารับเจ้าแล้ว”
เมื่อได้ยินดังนั้น ซูหว่านก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที สีหน้าเบิกบาน ทันทีที่ได้ยินว่าเป็นพี่ใหญ่ตระกูลซูเป็นคนมารับ นางก็ตื่นเต้นมาก เพราะในนิยายบรรยายไว้ว่าพี่ชายคนโตเป็นสุภาพบุรุษที่สุภาพอ่อนโยนดุจหยกอันล้ำค่า แล้วยังมีความสามารถล้นเหลือ
บ่าวรับใช้นำทางซูหว่านออกจากจวน ระหว่างทาง ซูหว่านสังเกตเห็นว่าบ่าวไพร่ในจวนดูเหมือนจะยุ่งมาก ต่างพากันเดินเข้าเดินออกขนย้ายสิ่งของ ใต้ระเบียงยังมีเด็กสาวคนหนึ่งในชุดกระโปรงสีชมพูยืนอยู่ อายุอานามดูน่าจะไล่เลี่ยกับนาง
เด็กสาวคนนั้นก็กำลังทอดสายตามองมาทางนี้เช่นกัน ฮูหยินกู้กำลังลูบใบหน้านางด้วยความเอ็นดู จึงไม่ทันได้สังเกตเห็น แต่ซูหว่านกลับรู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องมองมา
เนื่องจากระยะห่างและเป็นเวลากลางวัน นางจึงมองเห็นรูปลักษณ์ของอีกฝ่ายไม่ชัดเจน แต่นั่นก็ไม่ได้ขัดขวางการคาดเดาของนางเลยว่าอีกฝ่ายคือใคร
หากเดาไม่ผิด เด็กสาวคนนั้นจะต้องเป็นกู้เย่ว์ที่สลับตัวกับนาง
ยามนี้วงล้อแห่งโชคชะตาเริ่มหมุน กู้เย่ว์กลับคืนสู่จวนกู้ เริ่มต้นชีวิตที่สวยงาม ในขณะที่ซูหว่านปลดเครื่องประดับออกจากเรือนผมทั้งหมด สวมเพียงเสื้อผ้าธรรมดาออกจากประตูบ้านตระกูลกู้ สะบัดแขนเดินอาดๆ จากไปโดยไม่ได้นำเมฆาแม้เพียงเสี้ยว** (**สื่อถึงการจากลาอย่างหมดจด ไม่ทิ้งความผูกพันหรือความเศร้าใดๆ ไว้)
ที่หน้าประตูใหญ่จวนสกุลกู้ มีชายหนุ่มอายุราวๆ ยี่สิบปียืนอยู่ เขาสวมชุดของสำนักศึกษาในตัวอำเภอ เสื้อคลุมสีเทาอมเขียวที่ซักจนสีซีด ซ้ำยังมีรอยปะชุนอยู่หลายแห่ง แต่เขาก็ยังทำใจโยนทิ้งไม่ลง
รูปร่างของเขาดูผอมบางมาก แต่แผ่นหลังกลับตั้งตรง ความสูงประมาณหนึ่งเมตรแปดสิบ เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู เขาก็หันมาเผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลา ความคิดแวบแรกในใจของซูหว่านก็คือ ‘สุภาพบุรุษอ่อนโยนดั่งหยก ท่วงท่าสง่างามดุจดอกกล้วยไม้’
ซูหว่านเดินไปหาชายหนุ่มที่ประตูทีละก้าว ชายหนุ่มก็มองมาที่นางเช่นกัน
นี่คือบุตรชายคนโตของตระกูลซู ซูจิ่ง พี่ชายในอนาคตของนาง ในนิยายบอกว่าพี่ใหญ่ซูจิ่งสอบบัณฑิตขั้นสูงได้อันดับสามเป็นทั่นฮวา ภายหลังยังได้เข้ารับราชการในตำแหน่งขุนนางขั้นสาม
ซูหว่านส่งยิ้มให้เขา เผยให้เห็นลักยิ้มเล็กๆ น่ารักคู่หนึ่ง ผิวพรรณของนางขาวผ่อง ใบหน้างดงามปานภาพวาด แววตาแฝงเงาของมารดาเมื่อครั้งวัยเยาว์ คล้ายคลึงกับตนอยู่หลายส่วน
พันธุกรรมของตระกูลซูดีมาก บุตรสาวแท้ๆ จึงไม่ได้ด้อยไปเลยสักนิด ซูหว่านเป็นเด็กสาวหน้าตาสะสวย ยิ่งได้รับการชุบเลี้ยงมาเป็นอย่างดีในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ลำพังแค่รูปลักษณ์ภายนอกก็แตกต่างจากเด็กสาวในชนบทอย่างเห็นได้ชัด
“พี่ใหญ่!” ซูหว่านเรียกเขาพร้อมรอยยิ้ม จากนั้นก็ยกกระโปรงเดินเข้าไปหาเขา ราวกับผีเสื้อน้อยแสนสวย
ซูจิ่งอดไม่ได้ที่จะตะลึงงันอยู่ในใจ เพราะเสียงของนางสดใสราวกับเสียงขับขานของนกกางเขน
“อื้อ…” ซูซูจิ่งตอบรับอย่างขัดเขิน
“ฮูหยินบอกให้จัดคนไปส่งพวกเจ้า!” บ่าวรับใช้ตะโกนจากด้านหลัง เวลาป่านนี้แล้ว หากเดินกลับ กว่าจะถึงชนบท ฟ้าก็คงมืดค่ำพอดี
“ไม่ต้องหรอก ข้ากับพี่ใหญ่เดินกลับกันเองได้ ฝากขอบคุณฮูหยินกู้แทนข้าด้วย!” ซูหว่านปฏิเสธอย่างสุภาพ
ในเมื่อพี่ใหญ่มารับแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องรบกวนนางอีก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม