องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 1013

เมื่อเวลาผ่านไป ตระกูลที่มีอิทธิพลเริ่มปรากฎตัวมากขึ้น สุดท้ายแล้วเขาควรดูตามสถานการณ์มากกว่าจัดการที่ต้นเหตุ

ดังนั้นกลยุทธ์ที่อาณาจักรฉู่นำมาใช้ในตอนแรกนั้นคือ ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ทุกคนอยู่อย่างสงบสุข ขอแค่ถ่านหินของพวกเขาขายในราคาถูกก็พอแล้ว

เช่นนั้นเงินที่ถูกเอาไปล่ะ? เมื่อถึงวลานั้นพวกเขายังต้องออกมาซื้อธัญพืชและผักอยู่ดี ในที่สุดเงินก็กลับมาในมืออาณาจักรเยี่ยน

ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สนใจอีกต่อไป

พวกเขาไม่สนใจ เช่นนั้นตระกูลที่มีอิทธิพลเริ่มแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ อีกอย่างในมือพวกเขามีคนอยู่แล้ว แค่พวกเขาเป็นกระบอกเสียงก็สามารถเรียกคนงานในเหมืองให้ออกมาลุกฮือได้

คนงานในเหมืองเหล่านั้นแข็งแกร่งมาก แต่ละคนมีอุปกรณ์ขุดเหมืองติดมือ หากต่อสู้กันจริงๆ แม้ว่าพวกเขาจะมีประสิทธิภาพในการต่อสู้ แม้ไม่ได้ดีเท่ากองทัพ แต่พวกเขาแข็งแกร่งกว่าโจรมากอยู่

แม้ว่าอาณาจักรเยี่ยนจะล่มสลาย พวกเขายังคงเมินเฉย คิดว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเขา แต่เมื่ออาณาจักรฉินส่งขุนนางมาจัดการพวกเขา ก็พบว่าพวกเขากลับต่อต้านเป็นอย่างมาก

ท้ายที่สุดแล้วฮ่องเต้ที่เคยนั่งบนบัลลังก์มาโดยตลอดจะอยากถูกคนอื่นควบคุมหรือ?

ดังนั้นปัญหาในอาณาจักรเยี่ยน พูดตามตรงคือร้ายแรงกว่าในอาณาจักรอู๋มาก อาณาจักรอู๋ก็แค่พวกนักธุรกิจที่คอยรวมกลุ่มกัน

ฉินเหยียนฟังรายงานของฉินอวี่แล้วครุ่นคิดและถามออกไปว่า

“พี่เจ็ด ข้าจำได้ว่าก่อนหน้านี้เจ้าเคยพูดกับข้าว่าคนของอาณาจักรฉินถูกส่งตัวไปที่นั่นเพื่อพัฒนาอาณาจักร แต่กลับถูกทำร้าย นี่เรื่องจริงหรือโกหก?”

“เป็นเรื่องจริงน่ะสิ”

ฉินอวี่ถอนหายใจ

“คนพวกนั้นใจร้ายมาก ไม่ฟังใครทั้งสิ้น ฟังแต่เจ้านายของพวกมัน แล้วเจ้านายของพวกมันน่ะหรือ? มีนิสัยก้าวร้าวมาก ข้าพูดกับเขาเรื่องหนึ่ง เขาตอบอีกเรื่องหนึ่ง พูดได้เลยว่าคุยกันคนละเรื่อง”

“ถ้าเจ้าพูดไปอีกสองสามประโยค คนพวกนั้นจะยิ่งโมโห จากนั้นตะโกนเรียกคนให้มาล้อมเราเอาไว้ หากไม่ระวังคนพวกนั้นจะเข้ามาหาเจ้าพร้อมจอมเสียม”

“อีกอย่างชื่อของอาณาจักรฉินไม่สามารถใช้ได้กับคนในเยี่ยนเป่ย พวกเขาไม่รู้จักเราเลยแม้แต่น้อย”

ฉินอวี่ถอนหายใจออกมาอย่างหมดหนทาง สีหน้าเขาเศร้าโศก เห็นได้ชัดว่าเขาเผชิญปัญหามากมายในช่วงเวลานี้

ฉินเหยียนขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย

“คนกลุ่มนี้ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้เพื่ออะไร?”

“นั่นไม่ใช่เรื่องปกติ คนที่ยังสามารถอาศัยอยู่ในเยี่ยนเป่ยได้ล้วนเป็นคนที่ถูกทางการเนรเทศออกมา พวกเขาไม่สนใจคนในราชวงศ์คงเป็นเพราะเกลียดเข้ากระดูกดำน่ะสิ”

ฉินอวี่เม้มปากพร้อมกับมีสีหน้าไม่สบอารมณ์

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง”

ฉินเหยียนครุ่นคิด หากเป็นแบบนี้เขาพอจะเข้าใจได้

พูดกันตามตรงที่คนกลุ่มนี้เป็นแบบนี้เพราะคนด้านนอกไม่เคยให้ความช่วยเหลือพวกเขาเลย แต่ตอนนี้กลับอยากเข้าไปแสวงหาผลประโยชน์ในพื้นที่พวกเขา

หากต้องการเปลี่ยนสถานการณ์ต้องให้พวกเขาสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น ให้พวกเขาตระหนักถึงรูปแบบการปกครองของอาณาจักรฉิน และคิดว่าตนเป็นคนของอาณาจักรฉิน เช่นนี้ปัญหาทั้งหมดก็จะหมดไป

ในเวลานี้ฉินอวี่แนะนำขึ้นมาอีกครั้ง

“พวกเรายังต้องให้ยามเฝ้าทุกๆ ชั่วโมง เมืองถูเหอเดิมทีนั้นเป็นอาณาเขตของพวกตระกูลมีอำนาจในเยี่ยนเป่ย ไม่อาจบอกแน่ชัดได้ว่าในเมืองนี้มีคนของพวกมันจำนวนกี่คน”

ฉินเหยียนโบกมือและขอให้หยางจิ่นซิ่วไปจัดการธุระให้

เห็นได้ชัดว่าสถานการณืในเยี่ยนเป่ย ฉินอวี่เองก็ไม่รู้แน่ชัด ดังนั้นในเวลานี้เขาจงใจแกล้งโง่เสียหน่อย

เมื่อเข้าไปในเมืองถูเหอ มีบ้านไม้อยู่สองข้างทาง ในเมืองมีบรรยากาศคึกคักและมีชีวิตชีวา มีแผงขายของและร้านค้าไม่กี่ร้านที่เปิดอยู่

ทั้งสองข้างทางยังมีคนแต่งตัวมอซออีกด้วย

คนพวกนี้น่าจะเป็นคนลี้ภัยในเยี่ยนเป่ยและทำงานเป็นคนงานในเหมือง

ฉินเหยียนและพรรคพวกกำลังวางแผนหาที่พัก วันพรุ่งนี้ตั้งใจจะไปหาเจ้าหน้าที่ แต่พลันเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นมาก่อน

“แย่แล้ว ไฟไหม้ จวนเจ้าเมืองไฟไหม้!”

“เอ๋? จวนเจ้าเมืองไฟไหม้? เป็นเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้นจริงๆ ไป พวกเราไปดูกันเถิด”

“ฮ่าๆ ไปๆๆ พวกอาณาจักรฉินสมควรถูกลงโทษ พระเจ้าได้ลงโทษพวกมันแล้ว!”

ประชาชนบางคนวิ่งไปดูด้วยความตื่นตระหนก บางคนวิ่งไปด้วยความสนใจ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์