“พวกเจ้ามาจากที่ใด ไปๆๆ พวกเราไม่มีเงินให้หรอก!”
“ช้าก่อน ดูเหมือนว่าพวกเขาเป็นกองทัพชาวทุ่งหญ้า”
ผู้นำชี้ไปที่ขอทานเหล่านั้นด้วยสีหน้าหวาดกลัว
เมื่อได้ยินดังนั้น ผู้นำคนอื่นต่างตกใจ จากนั้นพวกเขาค่อยๆ เพ่งมองและพบว่าคนที่แต่งตัวเหมือนขอทานเหล่านี้ เหมือนจะเป็นทหารชั้นยอดแห่งกองทัพชาวทุ่งหญ้าของพวกเขา
“พวกเขา พวกเขาตกอยู่ในสภาพนี้ได้อย่างไร?”
พวกผู้นำต่างรู้สึกเคร่งเครียด ความหนาวแล่นเข้ามาในใจ
ในเวลานี้มีเสียงตะโกนด้วยความโกรธมาจากด้านนอก
“ตาบอดหรือไร กล้าขัดขวางข้าหรือ!”
องค์ชายใหญ่ถือดาบอยู่ในมือ กระโดดลงมาจากหลังม้า จ้องไปที่พวกเขาแล้วพูดว่า
“อยากตายหรือไร? หลีกทางเดี๋ยวนี้!”
สถานการณ์เหมือนจะเกิดเรื่องบาดหมางขึ้น แต่โชคดีที่มีผู้นำสองสามคนเดินเข้ามาช่วยทันเวลา
“หลีกทางๆ ที่แท้ก็องค์ชายใหญ่นี่เอง ให้พวกเขาเข้าไปเดี๋ยวนี้”
ผู้นำไล่ทหารเฝ้าเมืองทันทีและทักทายด้วยความเคารพ
ตอนที่เขาเผชิญหน้า เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
เพราะในเวลานี้สภาพองค์ชายไม่สู้ดีนัก เสื้อขาดรุ่งริ่ง หน้าตามอมแมม ผมเผ้ายุ่งเหยิง
สภาพตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับขอทานเลย
“องค์ชาย เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับท่านหรือ?”
ผู้นำต่างมีสีหน้าตกตะลึง
องค์ชายมิได้เดินทางไปตอนใต้เพื่อปล้นสดมภ์หรอกหรือ? ทุกอย่างต้องเป็นไปอย่างราบรื่นสิ ตอนนี้ควรจะกลับมาพร้อมกับเสบียงเพื่อต้อนรับฤดูใบไม้ผลิแล้ว
เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ ทหารม้าชั้นยอดสองหมื่นนายของพวกเขาอยู่ที่ใดกัน?
“เฮอะ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้!”
องค์ชายใหญ่โบกมือพร้อมกับแสดงสีหน้าไม่พอใจ
“ไปหาอะไรมาให้กินเสีย ให้ข้าได้กินก่อน จะได้ค่อยๆ คุยกับพวกเจ้า”
เขาหิวมาก ต้องการอาหารตกถึงท้องทันที
สำหรับผลที่ตามมาหลังจากพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ เขาไม่ได้นึกถึงเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย เขาหิวมากจนท้องแทบจะติดกระดูกอยู่แล้ว
เขาต้องกินและนอนท่ามกลางหิมะมาตลอดทาง ตอนนี้หิวจนทนไม่ไหว
“จริงด้วยๆๆ!”
พวกผู้นำเตรียมอาหารมาให้และพาเขาไปพักผ่อนในเต็นท์
เต็นท์เป็นเต็นท์สักหลาด มีกองไฟก่อเอาไว้ เป็นเพราะแสงแดดสว่างไม่มาก ทำให้ภายในเต็นท์ดูมืดมาก
ทันใดนั้น ม่านเต็นท์ใหญ่พลันเปิดออก มีเครื่องในแกะและวัวเข้ามาวาง
องค์ชายใหญ่มองไปที่อาหาร เขาหิวมากจนท้องแทบจะติดกระดูกอยู่แล้ว แต่กลับไม่อยากอาหารเลย
เขาจ้องและถามไปว่า
...
หลังจากที่ผู้นำสองสามคนได้ออกมาจากเต็นท์ พวกเขามองหน้ากันโดยไม่รู้จะพูดอะไร
ผู้นำอายุน้อยสุดพูดออกมาอย่างขมขื่น
“พวกเจ้าเห็นแล้วใช่หรือไม่? นักรบที่เก่งกาจที่สุดในทุ่งหญ้าต่างสูญเสียกำลังใจในการต่อสู้จนหมด เหมือนกับนกอินทรีย์ที่สูญเสียปีก...”
“พวกเขาเจอเรื่องอะไรกันแน่ เหตุใดถึงได้เปลี่ยนไปเช่นนี้?”
ผู้นำหลายคนรู้สึกหนักใจ
สิ่งที่พวกเขากังวลมากคือตอนนี้คนของเขารอดชีวิตกลับมากี่คน
โชคดีที่ได้รับข้อมูลรวบรวมอย่างรวดเร็ว มีรายงานว่า
“หลังจากนับแล้ว เหลือกองกำลังหนึ่งพันเจ็ดร้อยสี่สิบสี่คนขอรับ”
ทุกคนตกใจเมื่อได้ยินจำนวนนี้
“เหลือเพียงหนึ่งพันเจ็ดร้อยคนหรือ?”
“สวรรค์ต้องการทำลายชนเผ่านวี่ห์เจินอย่างนั้นหรือ?”
การแสดงออกของผู้นำหลายคนต่างเศร้าโศกเสียใจ อาจเป็นไปได้ว่าการปล้นครั้งนี้สร้างความสูญเสียครั้งใหญ่อย่างแน่นอน
“ใต้เท้าทั้งหลาย ข้าคิดว่าไม่กลับมาเลยเสียจะดีกว่า รอดกลับมาหนึ่งพันเจ็ดร้อยคน นั่นหมายถึงอีกหนึ่งพันเจ็ดร้อยปากที่รออาหาร”
เมื่อผู้นำอายุน้อยบางคนได้ยินเช่นนั้นพลันโกรธทันที
“เจ้ากำลังพูดอะไรกัน? พวกเขาเป็นนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดในชนเผ่านวี่ห์เจินของเราเชียวนะ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...