องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 1115

จ้าวจือหย่าที่ยืนอยู่ข้างๆ เห็นว่าเขาโกรธมากจึงรีบโน้มน้าว

“ท่านอ๋อง อย่าเพิ่งโกรธเลยเพคะ หลี่ชางคงรู้เรื่องนี้อยู่แก่ใจเพคะ”

“ถ้าเจ้าเด็กคนนี้รู้เรื่อง เขาจะทำเรื่องร้ายแรงขนาดนี้หรือ?”

ฉินเหยียนพูดด้วยความโกรธ

“เอ่อ...” จ้าวจือหย่าพูดไม่ออก

ฉินเหยียนถอนหายใจและมองไปที่ฉินอวี่

“พี่เจ็ด พี่คิดเห็นว่าอย่างไร?”

ฉินอวี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า

“เจ้าคิดว่าพอจะเป็นไปได้หรือไม่ที่หลี่ชางเข้าใจผิด? หรือบางทีผู้ส่งสารอาจจะส่งสารผิด?”

หลังจากที่ฉินเหยียนได้ยินเช่นนั้น เขาเลิกคิ้วและถามออกไปว่า “เอ๋? ท่านพี่หมายความว่าอย่างไร?”

“ข้าคิดว่าเราควรถามผู้ส่งสาร เพราะเขาไปที่ภูเขาหลางจูชูด้วยตัวเอง บางทีเราไปถามเพื่อให้เข้าใจสถานการณ์ตอนนี้ดีกว่า”

“อืม!” ฉินเหยียนได้ยินดังนั้น เขาก็เห็นด้วย

“ทหาร ไปเรียกผู้ส่งสารมาให้ข้าเดี๋ยวนี้”

“พ่ะย่ะค่ะ”

ผ่านไปครู่หนึ่งก็พบกับผู้ส่งสาร

ฉินเหยียนถามเขาอย่างระมัดระวังเกี่ยวกับการที่เขาเดินทางไปยังภูเขาหลางจูชู

ผู้ส่งสารกลืนน้ำลาย เห็นได้ชัดว่าเขาประหม่าเล็กน้อย แต่เมื่อเขาพูดถึงเรื่องนี้ เขาก็ยืนยันหนักแน่น

“กระหม่อมไม่ได้แจ้งคำสั่งผิดแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ แจ้งให้เขาแสร้งทำเป็นโจมตีเจ้อหลี่มู่เหมิงและปกป้องภูเขาหลางจูชู”

“แปลกเกินไปแล้ว สถานการณ์ในค่ายของพวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง? พวกเขาต้องการขอความช่วยเหลืออะไรหรือเปล่า?”

ฉินเหยียนเข้าใจดีถึงหลักการที่ว่าคำสั่งอาจไม่ถูกปฏิบัติตามได้หากพิจารณาว่าไม่เหมาะสม

ดังนั้นเป็นเรื่องที่เข้าใจได้หากจะมีการเปลี่ยนแปลง หลี่ชางไม่ฟังคำสั่ง ก็ย่อมเป็นเรื่องที่เข้าใจได้

แต่สิ่งที่ผู้ส่งสารพูดกลับทำให้ฉินเหยียนสับสนมากขึ้น

ผู้ส่งสารพูดด้วยความกังวลใจ “ในค่ายทหารหลี่ชางมีจำนวนทหารอยู่ไม่มาก กองทหารส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่รวบรวมมาจากกองทัพทหารทุ่งหญ้า และพวกเขาค่อนข้างจะเกียจคร้าน...”

“ส่วนเรื่องขอความช่วยเหลือนั้น กระหม่อมไม่ทราบเรื่องนี้จริงๆพ่ะย่ะค่ะ...”

หลังจากได้ยินเช่นนั้น ฉินเหยียนพลันสับสน

“เด็กคนนี้เสียสติไปแล้วจริงๆ หรือ?”

ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่เขาเองก็ไม่รู้ว่าหลี่ชางเอาความกล้าขนาดนี้มาจากที่ใด บุกเข้าโจมตีเจ้อหลี่มู่เหมิง

อีกทั้งยังกล้านำทหารที่พ่ายแพ้ไปด้วย แบบนี้ไม่เรียกว่ารนหาที่ตายหรือ?

ทหารที่มีประสบการณ์ที่เพิ่งได้มา มีความสามารถเพียงแค่นี้หรือ?

ฉินเหยียนรู้สึกกังวลเล็กน้อย เขามองไปที่ฉินอวี่และพูดอย่างเป็นกังวล

แม้แต่รองแม่ทัพโจวที่เป็นคนมองโลกในแง่ดีมาตลอดยังบ่นไม่หยุด

“ท่านแม่ทัพ คนพวกนี้ไม่สมควรจะเป็นทหาร ข้าสงสัยมากว่าใครกันที่กระจายข่าวว่าพวกชาวทุ่งหญ้าเป็นกลุ่มคนที่ดุร้าย”

ในสายตาของเขา ชาวทุ่งหญ้ากลุ่มนี้เป็นภาระ และไร้ซึ่งวินัย ไม่ต่างอะไรกับชาวเร่ร่อนเลย

อย่างไรก็ตามกลุ่มที่ดูไร้ความสามารถนี้กลับสามารถกวาดล้างที่ราบภาคกลางเป็นเวลากว่าพันปี

รองแม่ทัพโจวส่ายหน้า และดูถูกกลุ่มราชวงศ์ที่มีพรมแดนติดกับชาวทุ่งหญ้า

แต่หลี่ชางกลับเข้าใจพวกเขา เขามองไปที่คนกลุ่มนั้นแล้วส่ายหน้า

“ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่มีจิตวิญญาณของนักสู้ แต่พวกเราไม่ได้ปลุกใจให้เขาอยากต่อสู้”

รองแม่ทัพโจวสะดุ้ง แล้วถามอย่างสงสัย “ท่านแม่ทัพหมายความว่าอย่างไรหรือ?”

“หมายความว่าพวกเขายอมจำนนต่อเราแล้ว แต่พวกเราใช้พวกเขาไม่ถูกที่ถูกทาง”

หลี่ชางถอนหายใจ

ไม่มีทางอื่นแล้ว เพราะอุปสรรคทางด้านภาษา ทุกคำสั่งที่เขาสั่งออกไปต้องได้รับการแปลอีกครั้ง

โดยปกติพวกเขาใช้เวลากว่าครึ่งวันในการทำความเข้าใจว่าต้องเตรียมการอะไรบ้าง

ยิ่งไปกว่านั้น แม้อีกฝ่ายพยายามพูดอะไรบางอย่าง แต่สิ่งที่อีกฝ่ายเอาแต่พึมพำๆ ออกมา ฝั่งอาณาจักรฉินอย่างพวกเขากลับไม่เข้าใจ

หลี่ชางคิดว่าเขาควรจะทำอย่างไร เพื่อหาคนที่สามารถนำกองทัพทหารต่อสู้ได้อีกครั้ง และเป็นคนที่รู้ภาษาชนเผ่านวี่ห์เจินและภาษากลางเพื่อช่วยเขานำกองทัพทหาร

คนที่มีความสามารถเช่นนี้หาได้ยากมาก เขาประเมินลูกน้องของเขาไปรอบหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังไม่เจอ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์