องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 1120

เมื่อเหล่าแม่ทัพคนอื่นๆเห็นดังนั้นต่างก็ส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ และนั่งลง บรรยากาศข้างในเงียบสงบ ประหลาดอย่างยิ่ง

องค์ชายใหญ่รำคาญใจอย่างมาก เขาพาฮูมู่หลู่ออกไปแล้วก็ออกคำสั่งว่า

“ให้คนของเจ้าจับตาดูพวกเขาเอาไว้ให้ดี อย่าปล่อยให้หนีไป!”

“พ่ะย่ะค่ะ”

ฮูมู่หลู่รีบพยักหน้าแล้วตอบรับ แต่กลับไม่ได้ลงมือในทันที เขาลังเลแล้วถามขึ้นว่า

“องค์ชายใหญ่วางใจ และจะปล่อยพวกมันไปในวันพรุ่งนี้จริงรึพ่ะย่ะค่ะ......”

องค์ชายใหญ่เหลือบมองเขาแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “แล้วเจ้าคิดว่าข้าควรจะทำอย่างไร จะให้สังหารพวกมันไปงั้นรึ?”

เมื่อฮูมู่หลู่ได้ยินดังนั้นก็รีบคุกเข่าลงแล้วพูดว่า

“กระหม่อมมิได้หมายความเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ แต่องค์ชายลองไตร่ตรองอีกครั้งเถิด หากพวกมันจากไปแล้ว ไม่มีอะไรรับประกันได้เลยว่าพวกมันจะนำเรื่องนี้ไปเปิดเผย ถึงตอนนั้นหากเกิดส่งผลกระทบด้านลบต่อพระองค์ ก็คงจะควบคุมสถานการณ์ได้ยากพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อองค์ชายใหญ่ได้ยินแล้วก็ขมวดคิ้ว ดูท่าจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ ด้วยบารมีของคนเหล่านี้ หากออกไปแล้วเปิดเผยเรื่องนี้ไปทั่ว คงจะรับมือได้ยากจริงๆ แต่ปัญหาในตอนนี้คือ จะปล่อยก็ไม่ได้ จะฆ่าก็ไม่ได้ แล้วจะทำอย่างไรดี?

ในขณะที่องค์ชายใหญ่ลังเลอยู่ ฮูมู่หลู่ก็พูดขึ้นอย่างระมัดระวังว่า

“องค์ชายใหญ่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมีข้อเสนอพ่ะย่ะค่ะ”

องค์ชายใหญ่เหลือบมองเขาแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “พูด!”

ฮูมู่หลู่ก้มศีรษะแล้วพูดว่า “องค์ชายใหญ่ควบคุมคนในครอบครัวของพวกมัน ถึงตอนนั้นจะปบ่อยพวกมันไปก็ไม่เป็นไร หากพวกมันกล้าทำอะไรก็สังหารครอบครัวของพวกมันเสีย เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่มีผู้ใดบังอาจต่อต้านพระองค์แล้ว เป็นวิธีที่ดีไม่ใช่รึพ่ะย่ะค่ะ?”

“เจ้าพูดถูก แต่พวกมันจะยอมงั้นรึ......”

องค์ชายใหญ่พูดขึ้น แล้วจู่ๆเขาก็นึกอะไรขึ้นได้ เขากลอกตาแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมพูดว่า

“นี่เป็นวิธีที่ดีจริงๆ ข้าเองก็ไม่ต้องควบคุมครอบครัวของพวกมันนานมาก สามารถบอกกับพวกมันได้ว่า เพียงแค่พวกมันอยู่อย่างสงบสามปี ข้าก็จะส่งครอบครัวคืนให้พวกมัน”

อย่างไรหลังจากสามปี ชนเผ่าหนี่ว์เจินก็อยู่ภายใต้การควบคุมของเขาอย่างสมบูรณ์แล้ว ต่อให้พวกมันจะอยากทำอะไรก็ไม่มีใครยอมติดตามพวกมันแล้ว

องค์ชายใหญ่ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าตนเองฉลาดอย่างยิ่ง เขาแสดงสีหน้าที่ดีใจออกมา

ส่วนฮูมู่หลู่ก็ยิ้มแล้วพูดสมทบว่า “จริงด้วย องค์ชายใหญ่ช่างมีปรีชาญาณยิ่งนัก กระหม่อมนับถืออย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ!”

องค์ชายใหญ่พยักหน้า แววตาเป็นประกาย ต่อไปก็ถึงคราวของท่านพ่อและน้องสามแล้ว จนถึงตอนนี้องค์ชายใหญ่ก็ไร้ความกลัวไปหมดแล้ว กลับรู้สึกดีใจและตัวสั่นเพราะความตื่นเต้นด้วยซ้ำ

เขามองไปยังส่วนลึกของพระราชวังด้วยแววตาที่เร่าร้อน จากนั้นก็โบกมือแล้วพูดว่า “สังหารซะ!”

โครม! เมื่อองค์ชายใหญ่ออกคำสั่งแล้ว เหล่านักรบหลายพันคนของทุ่งหญ้าก็ปิดหน้าแล้วพุ่งเข้าในราขสำนัก เพียงพริบตาเสียงฆ่าก็ดังลั่นฟ้า ทำเอาทุกคนตกใจตื่นกันหมด

“ศัตรูบุก มีศัตรูบุกเข้ามาในพระราชวัง”

ผู้ที่ตื่นจากความฝันตะโกนขึ้น จากนั้นก็ถูกฟันล้มลงกับพื้น เลือดสาดกระจายนองเต็มพื้นไปหมด

ในขณะเดียวกัน ฮูมู่หลู่ก็ได้นำคนที่เหลือมุ่งหน้าไปยังเต็นท์ของท่านผู้นำ ในระหว่างทางมีคนถูกสังหารไปมากมาย แน่นอนว่าทำให้ทหารเฝ้าระวังแตกตื่นด้วย แต่เนื่องด้วยจำนวนคนของพวกเขามีน้อย เพราะคนส่วนใหญ่ถูกดึงไปก่อนแล้ว ดังนั้นจึงถูกต้อนจนขบวนแตก

ส่วนองค์ชายใหญ่ เขาพาคนมุ่งหน้าไปยังเต็นท์ขององค์ชายสามด้วยตนเอง

องค์ชายสามคือศัตรูตัวฉกาจของเขา เพราะเขาเชื่อว่าอีกฝ่ายคือผู้สืบทอดที่ท่านพ่อหมายตาเอาไว้ ปล่อยไว้จะเป็นอันตราย เขากลัวที่จะมอบหมายหน้าที่นี้ให้ผู้อื่น หากอีกฝ่ายหนีไปได้ก็คงแย่

ดังนั้นเขาจึงนำขบวนด้วยตนเอง คิดจะสังหารองค์ชายสามในเต็นท์เสีย

บัดนี้ภายในเต็นท์ยังคงมีแสงเทียนส่องสว่างภายในห้องอยู่ องค์ชายสามได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวด้านนอก และได้ชักดาบออกไปจากเต็นท์ก่อนแล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์