องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 1129

ฮูมู่หลู่พยายามเกลี้ยกล่อมว่า “ท่านผู้นำไตร่ตรองดูนะพ่ะย่ะค่ะ แม้ว่าชนเผ่าหนี่ว์เจินจะแข็งแกร่ง สามารถไปยังดินแดนหลายแห่งได้ และพระองค์ยังมีชาวเมืองอีกมากมาย แต่หากถึงที่นั่นแล้ว อย่างไรก็ต้องมีผู้ที่สนับสนุนพระองค์เป็นท่านผู้นำใช่รึไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

“กระหม่อมยินดีที่จะอยู่และต่อสู้เพื่อพระองค์จนตาย เพื่อปกป้องเกียรติของตนเอง แต่เมื่อนึกถึงว่าท่านผู้นำจะไม่มีผู้ใดที่สามารถคอยปรนนิบัติได้แล้ว กระหม่อมก็อดเป็นห่วง ไม่กล้าจะไปตายแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อฟังฮูมู่หลู่พูดดังนั้นแล้ว อ้ายซินเจวี๋ยหลัวหย่งอี้ก็ตาเป็นประกายขึ้นมาทันที

เป็นความจริงที่เขาสามารถไปได้หลายที่ แต่หากเขาไปอย่างทุลักทุเลเพียงนี้ เช่นนั้นก็จะดูไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง แต่หากมีคนคอยสนับสนุนตนเองต่อไป ต่อให้จะออกจากพระราชวังไปแล้ว ไม่ว่าจะไปที่ใดในชนเผ่าหนี่ว์เจิน เขาก็จะยังเป็นท่านผู้นำเช่นเดิม

เมื่อคิดดังนั้นแล้วอ้ายซินเจวี๋ยหลัวหย่งอี้พยักหน้าแล้วพูดว่า “เช่นนั้นก็ได้ เจ้าคอยติดตามข้าแล้วกัน”

ฮูมู่หลู่ได้ยินดังนั้นก็โล่งอก จากนั้นก็พูดอย่างดีใจว่า “ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะท่านผู้นำ”

“ไปเถิด รีบออกจากที่นี่ ไม่เช่นนั้นหากคนอาณาจักรฉินโจมตีเข้ามาแล้วก็ไม่ทันแล้วล่ะ” อ้ายซินเจวี๋ยหลัวหย่งอี้เร่งขึ้น

เขาอยากจะหนีออกจากที่นี่อย่างยิ่ง อยากจะออกห่างจากคนอาณาจักรฉินให้ไกล

ฮูมู่หลู่เห็นดังนั้นก็โล่งอก เขารีบกระโดดขึ้นหลังม้า ในขณะเดียวกันก็มีโบกมือกับกองทัพหนึ่งร้อยคนที่อยู่ด้านหลังว่า “ตามมา!”

จากนั้นพวกเขาร้อยกว่าคนก็รีบขี่ม้าแล้วหนีไปโดยที่ไม่สนใจคำด่าทอของคนทุ่งหญ้าในเมืองเลย

......

ผู้นำหนีไปแล้ว หลี่ชางที่อยู่ด้านนี้ไม่รู้เรื่องอะไรเลย

เขาอยู่ในเต็นท์ค่ายทหารแล้วคอยชี้แนะการโจมตีเมือง แต่มันไม่ราบรื่นเลย เขาโจมตีอยู่หลายครั้งแต่ความคืบหน้าไม่เป็นที่น่าพอใจอย่างมาก

ผู้ช่วยโจวกลับมาในเต็นท์ด้วยเลือดที่อาบท่วมใบหน้า เขาถูหน้าที่เปื้อนเลือดแล้วพูดอย่างจนปัญญาว่า

“เจ้าพวกคนทุ่งหญ้าเหลือทนจริงๆ ให้ข้าไปนำทัพพวกเขาไปโจมตีเมืองเนี่ยยากเย็นเสียจริง หากพวกเขามีความองอาจห้าวหาญอย่างคนของเราสักครึ่ง เราคงยึดประตูเมืองมาได้นานแล้ว”

เมื่อหลี่ชางได้ยืนดังนั้นก็ขมวดคิ้วพูดว่า “ในเมืองนั้นมีผู้เฝ้าระวังอยู่เพียงไม่มาก อีกทั้งขบวนก็ยุ่งเหยิงมากเพียงนี้ เจ้ายังยึดมาไม่ได้งั้นรึ?”

“โธ่ เจ้าพวกที่ให้ข้ามาล้วนเป็นพวกเสเพล ข้าจะทำอย่างไรได้เล่า”

ผู้ช่วยโจวถอนหายใจแล้วพูดอย่างจนปัญญาว่า “ข้าพุ่งนำทัพไปด้านหน้าไปสังหารศัตรูด้วยตนเองแล้ว แต่ก็ยังฝ่าเข้าไปไม่ได้”

“หยุดหาข้ออ้างได้แล้ว!” หลี่ชางด่าทออย่างไม่สบอารมณ์ จากนั้นเขาก็ชี้ไปยังแผนผังจำลองว่า

เมื่อผู้ช่วยโจวไปแล้วหลี่ชางก็มองแผนผังจำลองแล้วครุ่นคิดต่อ เขามองภูมิประเทศของเจ้อหลี่มู่เหมิงแล้วรู้สึกกลัวเล็กน้อย อูเอ๋อร์เฮ้อหนีพูดถูก ตามหลักแล้วคนจำนวนเพียงเท่านี้ หากคิดจะโจมตีเจ้อหลี่มู่เหมิง ก็เหมือนมารนหาที่ตายจริงๆ

หากไม่ใช่ว่าพวกเขาเกิดแตกหักกันเอง แม่ทัพหลักทั้งแปดที่เหลืออีกเจ็ดคนถูกขับไล่ออกจากเจ้อหลี่มู่เหมิง อีกทั้งยังขาดแคลนเสบียงด้วยละก็ด้วยจำนวนคนเพียงน้อยนิดของพวกเขา ไม่มีทางยึดเจ้อหลี่มู่เหมิงได้เลย

เมื่อคิดเช่นนั้นแล้วหลี่ชางก็ถูใบหน้า โชคดีที่เขาดวงแข็งและเกิดความบังเอิญที่พวกเขาแตกหักกันเอง

......

เมืองถูเหอ

ช่วงระยะนี้ครึกครื้นอย่างยิ่ง ผู้คนจากเก้าแคว้นได้เดินทางเข้ามาที่นี่ ส่วนสาเหตุก็เพราะที่นี่มีการจัดการแข่งขันการเตะลูกหนังเป็นครั้งแรกขึ้น ในการแข่งการเตะลูกหนังนี้ไม่ใช่แค่ชื่อเท่านั้น

ผู้คนที่ชื่นชอบการเตะลูกหนังต่างก็อยากจะเข้าร่วมการแข่งขัน ไม้เพียงเท่านี้ เหล่าตระกูลอื่นๆเองก็ได้พาทีมของตนเองมาที่นี่ด้วย

พวกเขาไม่ได้มาเพียงเพื่อความสนุก อยากจะหาเรื่องสนุกๆทำ สาเหตุหลักเพราะรางวัลมากพอ อีกทั้งตอนนี้ในทุกที่ทั่วเก้าแคว้นก็มีการแพร่หลายการออกกำลังอย่างกว้างขวาง

หากทีมเตะลูกหนังที่ตนเองได้อันดับดีๆกลับไป เช่นนั้นไม่เพียงแค่จะได้หน้าได้ตาเท่านั้น แต่จะทำให้หมู่บ้านมีชื่อเสียงเพราะเรื่องนี้ไปทั่วทั้งเก้าแคว้นเลยก็ได้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์