ฮูมู่หลู่จ้องเขม่งแล้วูดว่า
“ตาบอดกันหรือไร ท่านผู้นำอยู่ที่นี่แล้ว พวกเจ้ายังไม่รีบมาเปิดประตูให้อีก!”
“ท่านผู้นำ?” ทหารยามด้านบนอึ้งไป เขาเพ่งมองตรงไปแต่กลับไม่เห็นท่านผู้นำแม้แต่คนเดียว
เขาตอบกลับเสียงเย็น
“เจ้าแหกตาเราอย่างนั้นหรือ? ไหนท่านผู้นำ? ท่านผู้นำอยู่ที่ไหนกัน?”
“พูดไร้สาระ!”
ฮูมู่หลู่ด่ากราดทันที “รีบเปิดประตู มิฉะนั้นวันนี้เราจะได้เห็นดีกัน!”
“เจ้าคิดว่าข้าโง่หรือไร? คิดว่าพวกข้าไม่เคยเห็นท่านผู้นำมาก่อนหรือ?” ทหารยามตอบกลับด้วยความโมโห
“เจ้าพวกโง่!”
ฮูมู่หลู่โกรธจัด เขาเตรียมจะลงมือ แต่อ้ายซินเจวี๋ยหลัวหย่งอี้กลับหยุดเขาเอาไว้ก่อน
อ้ายซินเจวี๋ยหลัวหย่งอี้ออกมายืนด้านหน้า เขาขมวดคิ้วแล้วพูดว่า
“ท่านพ่อข้าไปสู่สุขคติเมื่อไม่กี่วันก่อน ข้าในฐานะที่เป็นองค์ชายใหญ่ได้สืบทอดตำแหน่งท่านผู้นำต่อ การที่พวกเจ้าไม่เปิดประตูเมืองเช่นนี้ หรือว่าคิดกบฎกันแน่?”
“อะไรนะ?”
ทหารยามบนกำแพงเมืองทุกคนต่างอึ้งไป มองหน้ากันด้วยความไม่เชื่อ
อ้ายซินเจวี๋ยหลัวหย่งอี้พูดออกมาอย่างเย็นชา จากนั้นหยิบเขี้ยวหมาป่าออกมา แล้วเชิดหน้าอย่างภูมิใจ
“เห็นหรือไม่ นี่คือสัญลักษณ์ที่แสดงถึงสถานะของข้า หากเจ้ายังไม่เปิดประตูเมือง ถือว่าพวกเจ้าเป็นกบฎ!”
“อึก”
ทุกคนอ้าปากค้าง สายตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“เรื่องจริงหรือ?”
มีคนอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายและถามด้วยเสียงต่ำ
หัวหน้าทหารป้องกันเมืองกัดฟันแล้วพูดว่า
“เรื่องนี้พวกเราไม่สามารถตัดสินใจได้ พวกเจ้ารอที่นี่ก่อน ข้าจะไปแจ้งท่านเจ้าเมืองให้ทราบ”
หลังจากพูดจบเขาก็รีบเดินไป ไม่นานหัวหน้าที่อยู่ค่ายในเมืองได้รับรายงานที่เกิดขึ้น
“ว่าอย่างไรนะ? อ้ายซินเจวี๋ยหลัวหย่งอี้ขึ้นเป็นท่านผู้นำแทนอย่างนั้นหรือ?”
ท่านเจ้าเมืองที่นั่งอยู่บนเก้าอี้พูดออกมาด้วยความไม่เชื่อ
“หากพูดเช่นนี้ นั่นหมายความว่าไร้ซึ่งราชสำนักแล้วหรือ?”
หัวหน้าทหารป้องกันเมืองพูดด้วยสีหน้าขมขื่น
“ท่านเจ้าเมือง เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่ค่อยแน่ใจขอรับ”
ท่านเจ้าเมืองสูดหายใจเข้าลึกๆ หลังจากนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า
“เขามาด้วยเจตนาไม่ดี หากเขามาแล้ว เขาอาจจะพาพวกอาณาจักรฉินเข้ามาด้วย ตอนนี้พวกเราจะยับยั้งเขาได้อย่างไร?”
“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม อ้ายซินเจวี๋ยหลัวหย่งอี้ก็เป็นลูกชายของท่านผู้นำคนก่อน ตอนนี้เขาได้เสียชีวิตไปแล้ว เขาได้รับการแต่งตั้งให้สืบทอดตำแหน่งจากพ่อ เช่นนั้นเราควรเคารพเขาในฐานะท่านผู้นำคนใหม่”
ข้อเสนอของเราได้รับการเห็นด้วยจากขุนนางคนอื่นในทันที
“ใช่ ไม่ว่าจะพูดอย่างไร พวกเราเป็นชนเผ่านวี่ห์เจินจนถึงทุกวันนี้ได้ก็เพราะท่านผู้นำ”
“ใช่ หากไม่ได้เป็นเพราะท่านผู้นำ พวกเราจะมีชีวิตที่ดีเช่นนี้หรือ?”
“พวกเราไม่สามารถลืมบุญคุณเขาได้!”
เมื่อท่านเจ้าเมืองเห็นท่าทีของทุกคนแล้ว เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่หลังจากที่คิดอยู่นาน เขาก็พยักหน้าแล้วพูดว่า
“ในเมื่อทุกท่านพูดเช่นนี้ เช่นนั้นพวกเราให้เขาเข้ามาเถิด ไม่ว่ากรณีใด เขาก็เป็นลูกชายของท่านผู้นำคนเก่า ได้รับการสืบทอดตำแหน่งจากผู้เป็นพ่อ ถือว่าเป็นเรื่องปกติ!”
“ท่านเจ้าเมืองฉลาดมาก พวกเราขอชื่นชมพ่ะย่ะค่ะ!” ทุกคนโค้งคำนับและพูดเยินยอ
จากนั้นทุกคนแยกย้ายไปเตรียมตัวต้อนรับอ้ายซินเจวี๋ยหลัวหย่งอี้
ฮูมู่หลู่รับบทเป็นสุนัขรับใช้ เมื่อรู้ว่าเจ้านายของเขาไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป เขารีบวิ่งไปที่ประตูเมืองตะโกนออกไปว่า
พวกเจ้าบังอาจมาก เหตุใดถึงยังไม่เปิดประตูให้พวกข้าอีก!”
“เจ้าปล่อยให้ท่านผู้นำรอนานเช่นนี้ พวกเจ้าคิดจะกบฎจริงๆ หรือ?”
ทหารป้องกันเมืองตกใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น
หัวหน้าทหารป้องกันเมืองรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก การหารือภายในยังไม่ได้ข้อสรุปด้วยซ้ำ หลังจากที่เขาลังเลครู่หนึ่ง เขาก็รีบพูดออกมาว่า
“ทุกท่านได้โปรดรอก่อน ท่านเจ้าเมืองกำลังหารือกับขุนนางภายในเพื่อวางแผนต้อนรับพวกท่าน หากได้ข้อสรุปแล้ว พวกเราจะเปิดประตูเมืองให้ทันที”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...