ฮูมู่หลู่ด่ากราดในทันที
“ข้าคิดว่าท่านเจ้าเมืองของเจ้าคงไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้วล่ะสิ ท่านผู้นำอยู่ตรงนี้แล้ว ยังไม่เปิดประตูเมืองมัวแต่หารือไร้สาระอะไรกันอยู่?”
“เจ้า...”
หัวหน้าทหารป้องกันเมืองที่อยู่ด้านบนไม่พอใจฮูมู่หลู่ในทันที
แต่เมื่อเขากำลังจะตอบโกลับ ท่านเจ้าเมืองก็ปรากฎตัวพร้อมกับกลุ่มขุนนาง
“เปิดประตูเมือง ต้อนรับท่านผู้นำเข้าเมืองพ่ะย่ะค่ะ!”
ท่านเจ้าเมืองตะโกนออกมาทันที
“พ่ะย่ะค่ะ” ทหารป้องกันเมืองรีบเปิดประตูเมืองในทันที
หลังจากที่ประตูเมืองถูกเปิดออกแล้ว อ้ายซินเจวี๋ยหลัวหย่งอี้ก็เข้ามาในเมืองพร้อมกับทหารม้าชั้นยอด
หลังจากนั้นท่านเจ้าเมืองและกลุ่มขุนนางก็รีบวิ่งตรงไปข้างหน้าตะโกนต้อนรับทันที
“เข้าเฝ้าท่านผู้นำพ่ะย่ะค่ะ ขอทรงพระเจริญ!”
ขุนนางที่อยู่เหนือกำแพงเมืองก็ทำเช่นเดียวกัน โค้งคำนับทีละคน
เมื่ออ้ายซินเจวี๋ยหลัวหย่งอี้เห็นภาพนี้ เขาพลันรู้สึกหายเหนื่อย เขาเงยหน้าขึ้นและพูดออกมาว่า
“พวกเจ้าบังอาจมาก กล้าดีอย่างไรถึงปล่อยให้ข้ารอนานเช่นนี้”
“มิบังอาจพ่ะย่ะค่ะ...” ทุกคนต่างพากันปฏิเสธ
“ช่างเถิด ข้าในฐานะท่านผู้นำขอประกาศว่า นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เมืองเปียงยางจะกลายเป็นที่พำนักของชนเผ่านวี่ห์เจิน เป็นราชสำนักแห่งใหม่ หาโอกาสให้ชาวทุ่งหญ้าต่อไป”
อ้ายซินเจวี๋ยหลัวพูดอย่างเย่อหยิ่งราวกับว่าเขาเป็นฮ่องเต้ครองโลก
ทุกคนต่างตื่นตกใจ แต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา
พวกเขายังไม่ทันจะได้เอ่ยปากพูดอะไร ท่านเจ้าเมืองถามกลับอย่างระวัง
“ท่านผู้นำ หรือว่าท่านเสียเจ้อหลี่มู่เหมิงไปแล้วหรือ?”
ประโยคนี้ทำให้คนอื่นๆ ต่างพากันอดสงสัยไม่ได้
ต้องรู้ว่าเจ้อหลี่มู่เหมิงเป็นราชสำนักที่ใหญ่ที่สุดของชาวทุ่งหญ้า เป็นสถานที่ที่ได้รับการป้องกันอย่างแน่นหนามากที่สุด
นอกจากเจ้อหลี่มู่เหมิงแล้ว เมืองเปียงยางยังเป็นที่สุดท้ายที่เหลืออยู่ แม้แต่เมืองมังกรอย่างภูเขาหลางจูชู มีอาคารแค่ไม่กี่หลัง จึงเรียกว่าเมืองมังกร
หากเจ้อหลี่มู่เหมิงถูกทำลาย ไม่ต้องสงสัยเลยว่า หากมีการโจมตีเกิดขึ้นอีกครั้ง ชนเผ่านวี่ห์เจินอย่างพวกเขาไม่มีทางต่อสู้ได้แน่นอน กองทัพอ่อนกำลังลงอย่างมาก
ดังนั้นพวกเขาต้องคิดเรื่องนี้ให้ถี่ถ้วนก่อนที่จะออกนโยบายไป
อ้ายซินเจวี่ยหลัวหย่งอี้หันไปถามท่านเจ้าเมือง
“นี่คือปัญหาที่ผู้นำตัวน้อยอย่างเจ้าต้องพิจารณาด้วยหรือ?”
อ้ายซินเจวี๋ยหลัวหย่งอี้พูดด้วยสีหน้าเศร้า ทั้งหมดเป็นเรื่องโกหกที่เขาเตรียมเอาไว้แล้ว
แน่นอนว่าคำโกหกของอ้ายซินเจวี๋ยหลัวหย่งอี้ทำให้ทุกคนโกรธและไม่พอใจ
“องค์ชายสามช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก พวกเราต้องฆ่าเขาเพื่อล้างแค้นให้แก่ท่านผู้นำคนเก่า”
“ใช่ ฆ่าเขาเสีย”
“และพวกอาณาจักรฉินที่น่ารังเกียจเหล่านั้น พวกเขาสมควรตายด้วย!”
ทุกคนเริ่มตะโกนทันทีและต้องการรีบต่อสู้กับพวกอาณาจักรฉิน
เมื่อเห็นดังนั้น อ้ายซินเจวี๋ยหลัวหย่งอี้พลันแสดงรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา
“ข้าทราบดีว่าพวกเจ้าขุ่นเคืองใจ ก่อนที่ท่านพ่อจะเสียชีวิตเขาได้แต่งตั้งให้ข้าเป็นท่านผู้นำแห่งชาวทุ่งหญ้า ตราบใดที่พวกเจ้าช่วยเหลือข้าอย่างดี ข้าจะนำความเจริญรุ่งเรืองมาให้ชาวทุ่งหญ้าอย่างแน่นอน!”
“ขอเพียงแค่พวกเจ้าติดตามข้า ข้ารับรองว่าหลังจากนี้พวกเราจะแข็งแกร่งขึ้นอย่างแน่นอน”
เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้นพวกเขาพลันตื่นเต้นทันที “ข้าจะติดตามท่านผู้นำไปจนวันตายพ่ะย่ะค่ะ”
“ฮ่าๆๆ ดี ดีมาก!” อ้ายซินเจวี๋ยหลัวหย่งอี้ดีใจและหัวเราะเสียงดัง
ท่านเจ้าเมืองลดความระแวงลงแล้วพูดด้วยความเคารพทันที
“ท่านผู้นำ รีบเข้าไปในเมืองเถิดพ่ะย่ะค่ะ ข้างนอกลมแรง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...