องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 1146

เพียงแค่หว่านเมล็ดพันธุ์ไปก็จะได้ผลเก็บเกี่ยวมากมาย และสถานที่เช่นนี้ ในเก้าแคว้นมีน้อยอย่างยิ่ง สถานที่ส่วนใหญ่ล้วนแต่ดูดี แต่ไม่เหมาะกับการปลูก แม้ว่าในชาติก่อนจะไม่ได้เป็นปัญหาอะไร เพราะในตอนนั้นวิทยาศาสตร์ก้าวหน้า ใช้เมล็ดข้าวพันธุ์ผสม สามารถปลูกได้ทุกที่

แต่ในตอนนี้ หากเขาอยากจะสร้างพวกเมล็ดข้าวพันธุ์ผสมขึ้นมา ต่อให้ใช้เวลาหลายสิบปีก็ไม่แน่ว่าจะทำได้ และในระยะเวลาที่ยาวนานเช่นนี้ จะมีคนหิวตายไปอีกเท่าไร

นี่คือสาเหตุที่ฉินเหยียนทำสีหน้าเคร่งเครียด เพราะมันยากมากที่จะพัฒนาการเกษตรกรรมของเก้าแคว้นในระยะอันสั้น และเสบียงอาหารในตอนนี้ก็แทบจะไม่เพียงพอต่อความต้องการแล้ว หากไม่รีบควบคุมให้ได้ เกรงว่าอีกไม่นานคงหมดสิ้น

จางฝูเห็นว่าเขาดูมีอะไรจึงได้ประสานมือคารวะแล้วพูดว่า “ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมีข้อเสนอสองประการพ่ะย่ะค่ะ”

“หือ? ไหนลองว่ามา” ฉินเหยียนเงยหน้ามองเขา

จางฝูเม้มริมฝีปากแล้วครุ่นคิด จากนั้นก็ค่อยๆพูดว่า

“ประการแรก กระหม่อมคิดว่าในเมื่อเสบียงอาหารในตอนนี้ไม่เพียงพอ แล้วเหตุใดจึงไม่ทำการซื้อจากประเทศเพื่อนบ้านเล่าพ่ะย่ะค่ะ?”

เมื่อได้ยินดังนั้นฉินเหยียนก็ขมวดคิ้วแล้วจ้องจางฝูอย่างสงสัย

“จางฝู เจ้ารู้รึไม่ว่าการซื้อเสบียงจากประเทศเพื่อนบ้านต้องใช้ทรัพยากรมากมายเพียงใด? พวกเขาไม่ใครโง่ การที่เราต้องการซื้อในจำนวนมหาศาลเช่นนี้ ใช่ว่าเพียงแค่ที่เดียวจะขายให้เราได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นเสบียงอีกด้วย”

“อีกอย่างต่อให้พวกเขาจะยอมขายให้ และเราก็ยังหาประเทศเพื่อนบ้านที่ยอมขายให้เราได้มากกว่าสิบแห่ง แต่พวกเขาก็จะต้องเสนอเงื่อนไขที่เข้มงวดอย่างยิ่งแน่นอน อีกอย่างการขนส่งเองก็เป็นปัญหาสำคัญ......”

ฉินเหยียนพูดแล้วก็ส่ายหน้าพูดว่า “จะตีเหล็กได้ต้องแข็งแกร่ง จะให้เรื่องเสบียงอาหารตกอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้อื่นไม่ได้ สิ่งที่เราต้องทำคิดการแก้ปัญหานี้ด้วยตนเอง”

อีกอย่างต่อให้อยากจะหาก็ไม่ง่ายอยู่ดี ทุกคนล้วนใช้ชีวิตกันอย่างประหยัด ไม่เช่นนั้นก็คงจะไม่มีเหตุการณ์ที่การจะอิ่มท้องรึไม่ขึ้นอยู่กับว่าปล้นชิงมาได้มากเพียงใดอย่างในอดีตแล้ว นั่นแปลว่าตัวพวกเขาเองก็ไม่ได้มีเสบียงที่มากพอเท่าไรนักหรอก

จางฝูตระหนักแล้วพูดสมทบว่า “ท่านอ๋องช่างมีปรีชาญาณยิ่งนัก!”

“แล้วข้อเสนอประการที่สองของเจ้าเล่า?” ฉินเหยียนถามกลับ

จางฝูเรียบเรียงคำพูดแล้วพูดขึ้นว่า “ท่านอ๋องยังจำรัฐบรรณาการ อาณาจักรพัลแฮได้รึไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

“อาณาจักรพัลแฮรึ?”

ฉินเหยียนเลิกคิ้ว เขาต้องจำได้อยู่แล้ว อาณาจักรพัลแฮเมื่อก่อนเป็นรัฐบรรณาการของอาณาจักรเยี่ยน เช่นเดียวกับชนเผ่าหนี่ว์เจิน พึ่งพาตนเอง บัดนี้เมื่อไม่มีอาณาจักรเยี่ยนแล้ว อีกฝ่ายก็กลายเป็นรัฐบรรณาการของอาณาจักรฉินไป เพียงแต่ว่าทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้หารือกันอย่างเป็นทางการ หรือก็คือเรื่องยังไม่ลงเอย

จางฝูได้ยินดังนั้นก็รีบรายงานว่า “ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ บัดนี้โรงงานเหล็กเริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว ข้าราชการจากสภาบริหารราชการแผ่นดินและกรมโยธาธิการกำลังทำการปรับปรุงอุปกรณ์และเทคโนโลยีกันอย่างหนัก คาดว่าอีกไม่นานก็จะสามารถผลิตเหล็กได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“แต่ว่า......” เขาหยุดชะงัก

ฉินเหยียนถามขึ้นว่า “มีอะไรรึ?”

“ท่านอ๋องอย่าลืมว่าบัดนี้สิ่งที่เราขาดแคลนมากที่สุดก็คือแร่นะพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินเหยียนอึ้งไป “แร่ในเมืองถูเหอไม่เพียงพองั้นรึ?”

จางฝูยิ้มอย่างขมขื่น “ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ ที่เยี่ยนเป่ยมีถึงสี่เมืองพ่ะย่ะค่ะ หนึ่งเมืองจะมีแร่สักเท่าไรกันเชียว อีกอย่างแร่ในมเองถูเหอส่วนใหญ่ก็เป็นถ่านหินทั้งนั้นพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินเหยียนเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เช่นนี้ข้าก็ต้องตระกูลขุนนางที่เหลือทั้งหมดก่อนที่จะไปจากที่นี่สินะ?”

ที่จริงผ่านมาตั้งมากมายขนาดนี้ เขาก็แค่จัดการกับตระกูลจางที่ควบคุมเมืองถูเหอเอาไว้ รวมถึงตระกูลเล็กๆที่อยู่ภายใต้ตระกูลจางก็เท่านั้น แต่ทั่วทั้งเยี่ยนเป่ยมีตระกูลมากมาย อีกทั้งยังยากที่จะจัดการด้วย ใช่ว่าจะจัดการได้ภายในไม่กี่วัน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์