องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 1147

ดังนั้นหลายวันมานี้ดูเหมือนเขาจะว่าง แต่ที่จริงแล้วมีเรื่องมากมายที่รอให้เขาสะสาง

จางฝูพยักหน้าแล้วพูดว่า “แน่นอนอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ ไม่เช่นนั้นไม่เพียงแค่โรงงานเหล็กที่จะไม่สำเร็จ ที่สำคัญที่สุดคือเมื่อท่านอ๋องเสด็จไปแล้ว ตระกูลพวกนั้นจะต้องออกมาสร้างความวุ่นวายอีกเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อได้ยินดังนั้นฉินเหยียนก็ถอนหายใจแล้วเบาๆแล้วพูดอย่างจนปัญญาว่า

“เฮ้อ ชะตาข้าลำบากตรากตรำเสียจริง แม้แต่เวลาว่างสักหน่อยก็ไม่มี”

“เหอะ ท่านอ๋องตรีสเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ” จางฝูหัวเราะเบาๆแล้วพูดอย่างเคารพว่า “นั่นหมายความว่าท่านอ๋องใส่ใจทุกคน ไม่เช่นนั้นก็คงไม่วิ่งเข้าหาท่านทุกเรื่องพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินเหยียนกลอกตามองบนใส่เข้า จากนั้นก็เปลี่ยนเรื่องถามเขาอย่างจริงจังว่า

“จริงสิ เจ้าคิดว่าควรจะจัดการกับพวกตระกูลที่เหลืออย่างไรดี?”

จางฝูถูกถามจนงุนงง เขาเกาศีรษะแล้วตอบกลับอย่างไม่ค่อยมั่นใจว่า

“กระหม่อมคิดว่าพวกตระกูลเหล่านี้ล้วนควบคุมดินแดนและชาวเมืองมากมายเอาไว้ ต่างก็เป็นเนื้อร้าย ควรจะจัดการพวกเขาเช่นเดียวกับตระกูลจางโดยเร็วที่สุดพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อได้ยินดังนั้นฉินเหยียนก็ถอนหายใจเบาๆ เป็นเช่นนั้นจริงๆ แม้ว่าจางฝูจะโดดเด่นในด้านความสามารถในการปกครองเมือง แต่เขาก็ไม่เชี่ยวชาญด้านการสร้างสมดุลและการใช้ประโยชน์จากผู้คนเสียเลย

คนประเภทนี้หากอยู่ในพื้นที่จะเป็นผู้ที่โดดเด่นอย่างยิ่ง เขาสามารถปกครองได้อย่างมีระเบียบ ถึงขั้นที่สามารถสร้างความเจริญรุ่งเรืองได้

แต่หากอยู่ในพระราชสำนัก เป็นขุนนางในพระราชสำนัก ยกตัวอย่างเช่นตำแหน่งอัครเสนาบดี เช่นนั้นเขาก็จะทำให้พระราชสำนักเกิดความวุ่นวาย เพราะเขาไม่อาจสร้างสมดุลอำนาจได้

แต่ฉินเหยียนก็ไม่ได้ผิดหวังอะไรมากนัก เพราะไม่มีใครที่สมบูรณ์แบบ เขาเองก็คิดจะชี้แนะอีกฝ่าย เขาส่ายหน้าแล้วพูดว่า

“หากสังหารเสียหมดก็โหดเหี้ยมเกินไป อีกอย่างเพียงแค่เมืองถูเหอก็ใช้กำลังของเราไปมากมายแล้ว ถึงตอนนั้นเราจะใช้กำลังจากที่ใดอีก ไปรับช่วงต่ออีกสามเมืองจากศูนย์งั้นรึ?”

จางฝูครุ่นคิดแล้วรู้สึกมีเหตุผล จึงได้พยักหน้า “แล้วท่านอ๋องจะทำเช่นไรรึพ่ะย่ะค่ะ?”

ฉินเหยียนยิ้มแล้วพูดเสียงเรียบว่า “แน่นอนว่าจะต้องดึงเป็นพวกเป็นหลัก และแน่นอนว่าจะปล่อยให้พวกมันควบคุมทั้งดินแดนและชาวเมืองต่อไม่ได้”

จางฝูขมวดคิ้ว “แต่ว่าเช่นนี้จะจะกระทบถึงผลประโยชน์ของอีกฝ่ายเต็มๆนะพ่ะย่ะค่ะ หากเจรจาได้ไม่ลงตัวเล่า? ยิ่งไปกว่านั้นกระหม่อมคิดว่าพวกมันไม่มีทางเจรจาเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ”

“ประการที่สองคือการให้ผลประโยชน์กับพวกตระกูลขุนนาง ตัวอย่างเช่นเราจะไม่ยึดเหมือง แต่เราจะเหมาเอาไว้ในนามของอาณาจักรฉิน แร่ที่พวกเขาขุดมาได้ ในอนาคตจะถูกส่งไปหลากหลายที่ด้วยเส้นทางรถไฟของอาณาจักรฉิน ให้พวกเขาได้กำไรมากยิ่งขึ้น”

“นอกจากนี้เราจะทำการสร้างโรงงานเหล็ก โรงงานไม้ขึ้นใหม่ที่นี่ในทันที สามารถมอบให้ส่วนแบ่งบางส่วนแก่พวกเขาได้ ”นอกจากนี้เรายังต้องการอุปกรณ์ทำความร้อนใต้พื้นด้วย และการทำความร้อนใต้พื้น กิจการถ่านหินจำนวนมากอีก เรื่องพวกนี้เราล้วนปฏิบัติเอง ไม่เพียงแต่จะเสียกำลังคนมากมายเท่านั้น แต่ยังเสียแรงมากอีกด้วย”

“เรื่องเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องให้อาณาจักรฉินเป็นผู้ลงมือ สามารถมอบให้เป็นหน้าที่ของพวกเขาได้ทั้งหมด เพียงแค่พวกเขาทำได้ดีก็ให้พวกเขาทำ ให้พวกเขาได้กำไรมากหน่อย เช่นนั้นก็ไม่มีปัญหา”

“เจ้าคิดว่า การที่พวกเขาได้เปลี่ยนจากตระกูลใหญ่ที่ทุกคนเกลียดชัง กลายเป็นผู้ผลิตสินค้าให้แก่อาณาจักรฉินของเรา การเปลี่ยนแปลงของฐานะที่ใหญ่หลวงนี้ พวกเขาจะปฏิเสธรึไม่?”

จางฝูยิ่งฟังดวงตาก็ยิ่งเป็นประกาย เขารีบประสานมือคารวะแล้วชื่นชมอย่างตื่นเต้นว่า

“ท่านอ๋องช่างมีปรีชาญาณยิ่งนัก! วิธีนี้ช่างยอดเยี่ยมจริงๆพ่ะย่ะค่ะ!”

ฉินเหยียนยิ้มไม่พูดอะไร แต่ทันใดนั้นฉินเหยียนก็หัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า

“แต่ว่าสิ่งที่เป็นปัญหาเบื้องหน้าสำหรับเขาในตอนนี้ คือการมีคนไกล่เกลี่ยในเรื่องนี้ หากอาณาจักรฉินส่งคนไปโดยตรง เหล่าตระกูลขุนนางอาจไม่ไว้หน้าก็ได้”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์