องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 1151

เมื่อพูดจบแล้วจู่ๆก็โบกมือขึ้น ทหารของเขาได้ยกสมบัติสองหีบมา จากนั้นเขาก็พูดว่า

“นี่คือสิ่งที่เขาสั่งสมมา พวกเจ้านำไปแบ่งกันก็คงจะเพียงพอต่อการดำรงชีวิตแล้ว”

“ขอบพระคุณท่านอูเอ๋อร์ขอรับ”

เมื่ออูเอ๋อร์เฮ้อหนีพูดจบแล้ว คนที่อยู่รอบๆต่างก็โค้งคำนับขอบคุณอูเอ๋อร์เฮ้อหนี

อูเอ๋อร์เฮ้อหนีส่ายหน้าแล้วพูดว่า “คนกันเองทั้งนั้น ไม่ต้องเกรงใจหรอก”

ทันใดนั้นเขาก็หันไปพูดกับทหารว่า “พาทุกคนไปแบ่งเงินเถิด”

ไม่นาน เมื่ออูเอ๋อร์เฮ้อหนีออกคำสั่งแล้วทุกคนก็นำตั๋วเงินไปแลกเงินกัน เมื่อทุกคนจากไปหมดแล้วอูเอ๋อร์เฮ้อหนีก็ยืนพิงกำแพงแล้วมองไปยังท้องฟ้าที่มืดสนิท

เมืองนี้ถูกเพลิงไหม้ไปครึ่งเมือง บัดนี้ดูเย็นยะเยือกและเงียบอย่างมาก อารมณ์ของเขาเองก็ค่อยๆมืดมนตามสภาพแวดล้อม เขารู้สึกรำคาญใจ

แม่ทัพหลักแห่งชนเผ่าหนี่ว์เจินในอดีตมีความรุ่งโรจน์มากเพียงใด พวกเขาทั้งแปดสามารถต่อสู้ฝ่าฟันสร้างจุดยืนให้ตนเองได้ในทุ่งหญ้าแห่งนี้! ต่อให้ศัตรูจะมาโจมตีหลายครั้งก็ไม่ล้มลง แต่บัดนี้......

อูเอ๋อร์เฮ้อหนียิ้มอย่างขมขื่นแล้วส่ายหน้า

......

เวลามาถึงวันถัดมา

หลี่ชางปรากฏตัวบนลานเจ้อหลี่มู่เหมิง วันนี้เขาจะเคลื่อนทัพด้วยทหารห้าพันนายอีกครั้ง เป้าหมายมีเพียงอย่างเดียว คือจัดการอ้ายซินเจวี๋ยหลัวหย่งอี้ ครั้งที่แล้วมันหนีไปได้ ครั้งนี้จะล้มเหลวอีกไม่ได้!

เขาจะสังหารเจ้าสารเลวนั่น เพียงแค่อ้ายซินเจวี๋ยหลัวหย่งอี้ตายไป ชนเผ่าหนี่ว์เจินก็จะถูกยึดมาเป็นของอาณาจักรฉิน!

ในขณะที่หลี่ชางยืนอยู่บนที่สูงแล้วกล่าวอยู่นั้น จู่ๆก็มีทหารวิ่งมาแล้วรายงานเสียงเบาว่า

“ท่านแม่ทัพขอรับ เจ้าอ้ายซินเจวี๋ยหลัวหงจื้อบอกว่าจะเคลื่อนทัพไปด้วยขอรับ”

“หือ? บาดแผลของเขาดีขึ้นแล้วรึ?” หลี่ชางถามขึ้นอย่างประหลาดใจ

ทหารนายนั้นรีบพูดว่า “ดูท่าจะยังขอรับ แต่เขาบอกว่าไม่ว่าอย่างไรก็จะขอสังหารอ้ายซินเจวี๋ยหลัวหย่งอี้นั่นให้ได้ ดังนั้นจึงจะออกทัพไปด้วยให้ได้ขอรับ”

“อย่างงั้นรึ......” หลี่ชางขมวดคิ้วครุ่นคิด จากนั้นก็โบกมือแล้วพูดว่า “เช่นนั้นเจ้าก็ไปเตรียมการ ให้เขาตามมาด้วย”

ที่จริงเป็นเช่นนี้ก็ดี บัดนี้เขาขาดคนที่คอยบัญชาการทหารม้าทุ่งหญ้าด้วย หากเขาคอยตามมาด้วย เจ้าอูเอ๋อร์เฮ้อหนีก็ต้องตามมาด้วยแน่นอน จะได้ช่วยเขาบัญชาการทหารด้วยเสียเลย เพราะอย่างไรก็เป็นชนเผ่าเดียวกัน

......

“ท่านแม่ทัพขอรับ เราได้ระดมคนพร้อมแล้ว สามารถเคลื่อนทัพได้ทุกเมื่อขอรับ!”

หลี่ชางกำลังตรวจสอบสิ่งจำเป็นอยู่ภายในเต็นท์ ผู้ช่วยโจวเข้ามาแล้วรายงานต่อเขา

หลี่ชางพยักหน้าเบาๆแล้วพูดว่า “ดีมาก เช่นนั้นก็ออกทัพเถิด จำเอาไว้ว่านี่คือเร่งกรีธาทัพ พยายามไปให้ถึงเมืองเปียงยางให้เร็วที่สุด ทำให้ชนเผ่าหนี่ว์เจินสงบลง”

“ข้าลองไตร่ตรองดูแล้ว” คนคนนั้นพูดด้วยสีหน้าสีสับสนว่า “ข้าคิดว่าเราจะไร้ยางอายมากเพียงนั้นไม่ได้ พวกเจ้าอย่าลืมไปล่ะ คนอาณาจักรฉินไม่ได้ทำอะไรครอบครัวของพวกเราเลย ไม้เพียงแต่จะคืนอิสระให้เท่านั้น แถมยังให้เสบียงอาหารกับพวกเขาด้วย นี่คือบุญคุณเชียวนะ! แล้วพวกเราจะฉวยโอกาสไปจู่โจมพวกเขาได้อย่างไร?”

เมื่อคนอื่นๆได้ยินดังนั้นก็แสดงสีหน้าลังเลขึ้นมา

แต่ว่าก็มีคนที่คิดต่าง แล้วตอบโต้ว่า “ใครจะรู้ว่าคนอาณาจักรฉินคิดอะไรกันอยู่เล่า? บางทีอาจจงใจทำเช่นนี้เพื่อหลอกล่อให้เราติดกับก็ได้”

“คือ......”

“เป็นไปไม่ค่อยได้นัก หากเป็นเช่นนั้นพวกเขาจะเหลือเมืองว่างเปล่าไว้ทำไมงั้นรึ?” แม่ทัพอีกคนตอบโต้กลับ

จริงด้วย ประโยคนี้ทำเอาทุกคนอึ้งไป แต่ว่าคนที่คิดต่างก็ยังไม่ยอม เขากัดฟันแล้วพูดว่า

“หากเราไม่ยอมสู้กันสักตั้งแล้วจะช่วยครอบครัวออกมาได้อย่างไร? ต่อให้เราจะยอมรับบุญคุณครั้งนี้ของคนอาณาจักรฉินไป แต่เราจะทิ้งครอบครัวไม่ได้”

คำพูดของเขาทำให้ทุกคนเงียบอีกครั้ง

ก็จริง หากพวกเขาไม่ทำเช่นนั้นก็ต้องคอยดูครอบครัวของตนเองอยู่ในเมืองต่อไป แต่กลับไม่อาจได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันเสียที

“หากทำตามที่ข้าว่าเรารีบไปเข้าพวกกับคนอาณาจักรฉิน ก็จะไม่วุ่นวายเพียงนี้แล้ว”

แม่ทัพที่เสนอให้เข้าพวกกับอาณาจักรฉินไม่กี่วันก่อนหัวเราะอย่างเย็นชาแล้วพูดขึ้นว่า

“หากพวกเจ้าเชื่อที่ข้าพูดเร็วกว่านี้ เราก็ไม่ต้องเป็นเช่นนี้”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์