ทหารยามที่รับผิดชอบในการตรวจสอบคนโค้งคำนับด้วยความเคารพและถามออกไป
จางฝูส่ายหน้าและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าไม่เหนื่อย ข้ารอต้อนรับพวกเขาแล้วค่อยไป ลำบากพวกเจ้าหน่อยนะ ความปลอดภัยในเมืองถูเหอขึ้นอยู่กับพวกเจ้าแล้ว”
เขาพูดกับทหารยามทั้งสองอย่างเป็นกันเองราวกับเป็นเพื่อนเก่า ไม่ได้ถือตัวแต่อย่างใด
ทหารยามทั้งสองรู้สึกยินดี รีบเข้ามาพูดคุยกับจางฝูอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ได้พูดคุยกันสักพัก จู่ๆ ยามพลันชี้มาแต่ไกลแล้วถามว่า
“ใต้เท้าจาง ดูนั่นสิขอรับ คนที่ท่านกำลังรอดูเหมือนว่าจะมาถึงแล้ว!”
จางฝูหันกลับไปพลันเห็นรถม้าหลายคันขับเข้ามาอย่างช้าๆ
“ฮ่าๆ ในที่สุดก็มาถึงแล้ว” จางฝูพูดด้วยสีหน้ามี่ความสุขและรีบเดินไปทักทายพวกเขา
ขบวนรถกลุ่มนี้เป็นคนที่เขารออยู่จริงๆ คือตัวแทนจากทั้งสามตระกูล พวกเขามารวมตัวกันที่นี่เพื่อเจรจากับอาณาจักรฉิน
ผู้นำทั้งสามตระกูลเป็นผู้นำของแต่ละกลุ่ม
ผู้นำตระกูลหลิวคือหลิวอวี่หลินที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าตระกูล
นอกจากนี้ขบวนรถยังมีคนหนุ่มสาวจากสามตระกูลใหญ่ในกลุ่มด้วย ตงเป่ยเอฟโฟร์ มากันครบทุกคน
ในกลุ่ม จางจวินขี่ม้าเข้ามารวมกับกลุ่มของตระกูลหลิว และเดินเคียงข้างหลิวอวี่หลิน
แม้ว่าตอนนี้อีกฝ่ายจะเป็นผู้นำตระกูล แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าพวกเขาเป็นพี่น้องร่วมสาบานกันใช่หรือไม่?
“นี่ พี่ใหญ่ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นกำแพงสูงขนาดนี้!”
เจ้าสาม หยางคังมองไปที่กำแพงสูงตระหง่านของเมืองถูเหออดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา “เมืองถูเหอยิ่งใหญ่มากจริงๆ!”
แม้แต่หลิวอวี่หลินที่อ่านรายงานต่างๆ มาก่อนแล้วยังต้องรู้สึกประหลาดใจ
คนอื่นมองแค่ภายนอก สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจมากก็คือชาวอาณาจักรฉินสร้างกำแพงเมืองเล็กๆ ที่ผุพังให้ดูดีขนาดนี้ได้อย่างไร?
ความยากระดับนี้ ยังยากกว่าการสร้างเมืองใหม่ใช่หรือไม่?
“ฮ่าๆ ยังมีอีกหลายอย่างในเมืองนี้ที่พวกเจ้าต้องตะลึง เมื่อเข้าไปในเมืองพวกเจ้าจะรู้เอง”
จางจวินพูดด้วยรอยยิ้ม
ทุกคนต่างพากันพยักหน้า จากนั้นอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ประตูเมืองด้วยสายตาคาดหวัง
พวกเขาทั้งหมดต้องการรีบเข้าไปในเมืองเพื่อดูให้เห็นกับตาว่าทุกอย่างเจริญรุ่งเรืองมากแค่ไหน ในขณะเดียวกัน พวกเขาอยากเห็นว่าเมืองถูเหอที่อยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรฉินนั้นเป็นอย่างไร
ไม่นาน พวกเขาก็มาถึงหน้าประตูเมือง
จางฝูที่ยืนอยู่ข้างนอกประตูเมืองเดินเข้ามาทักทายพวกเขาด้วยตัวเอง
“ฮ่าๆ แขกผู้มีเกียรติทุกท่านในที่สุดก็มาถึงแล้ว”
จางฝูทักทายพวกเขาด้วยรอยยิ้มกว้าง
ผู้นำตระกูลทั้งสามไม่กล้ารีรอ พวกเขารีบลงจากรถและโค้งคำนับทำความเคารพ
กลุ่มคุณชายและคุณหนูแห่งตระกูลผู้มีอำนาจเห็นการเปลี่ยนแปลงในเมืองด้วยตาตัวเอง ทำให้พวกเขาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
มีเพียงหลิวอวี่หลินเท่านั้นที่ยังนิ่งเงียบ ดวงตาของเขาสั่นไหม
จางฝูเห็นท่าทีเช่นนั้นจึงถามออกไปว่า
“หัวหน้าตระกูลหลิวดูแลตระกูลหลิวให้ยิ่งใหญ่ตั้งแต่อายุยังน้อย ถือว่าเป็นวีรบุรุษจริงๆ”
เมื่อได้ยินคำชม หลิวอวี่หลินพูดอย่างถ่อมตัว “ใต้เท้าจางก็ชมเกินไปแล้ว เมื่อเทียบกับท่าน ข้าไม่ได้เก่งขนาดนั้นขอรับ”
จางฝูส่ายหน้าแล้วพูดว่า
“เจ้าอย่าดูถูกตัวเองเลย ในใต้หล้านี้ใครจะไม่รู้ว่าอ๋องเหยียนให้ความสำคัญกับความสามารถ ขอเพียงแค่มีความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นใครเจ้า ขอเพียงแค่เจ้าทำด้วยความมุ่งมั่น ในอนาคตย่อมประสบผลสำเร็จ ข้าเกรงว่าพวกคำเยินยอจะไร้ซึ่งความหมาย”
“ใต้เท้าจางพูดเล่นแล้ว กลยุทธ์เก็บเสบียงทั้งสามของท่านมีชื่อเสียงดังไปทั่ว ข้าชื่นชมท่านมากขอรับ” หลิวอวี่หลินยังคงพูดอย่างอ่อนโยนและให้เกียรติ
เขาพูดอย่างสุภาพและมีความนับถือในสีหน้าของเขา
ใจของจางฝูกระตุกทันที ทันใดนั้นเขาก็ถามว่า
“ข้าจำได้ว่าในตอนที่ข้าใช้วิธีนี้ดึงพ่อค้าขายธัญพืช ในตอนนั้นคนของตระกูลหลิวส่งมามากที่สุดใช่หรือไม่?”
ตระกูลหลิวอยู่ทางตอนเหนือ และมีหลิวอวี่หลินที่เป็นบุตรแห่งกิเลนเป็นคนดูแล เป็นไปไม่ได้ที่อีกฝ่ายจะไม่รู้แผนการของเขา
ในเมื่อเห็นแผนการของเขาแล้ว เหตุใดถึงส่งพ่อค้าธัญพืชมาจำนวนมาก?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...