องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 118

ไส้ศึกหญิงคุกเข่าต่อหน้าฉินเหยียน พูดอย่างเคารพว่า

“สิ่งที่บ่าวพูดในวันนี้เป็นความจริง บ่าวไม่กล้าหลอกลวงพระองค์เจ้าค่ะ แต่หากมีเรื่องหลอกลวงอันใด ได้โปรดอ๋องเหยียนทรงตัดสินใจ”

ฉินเหยียนรู้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าจ้าวจีเอ๋อร์ไม่ได้ยอมรับเขาอย่างจริงใจ แต่กลับกำลังลงมือเคลื่อนไหวอย่างลับๆ เนื่องจากนางต้องการให้มีความร่วมมือทั้งจากภายในและภายนอกเช่นเดียวกับที่เขาต้องการ เขาสั่งออกไปว่า

“ทำตามที่นางพูดเถอะ ข้ามีแผนของข้าแล้ว”

“นี่... ทำเช่นนั้นได้หรือเจ้าคะ?” ไส้ศึกหญิงสับสน

“เจ้าแค่ทำตามที่ข้าบอก”

“เจ้าค่ะ”

หลังจากที่ไส้ศึกหญิงได้ออกไปแล้ว จ้าวจือหย่าขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดว่า

“คิดไว้ไม่มีผิด แสร้งทำเป็นยอมรับและเชื่อฟัง แต่ลับหลังกลับขโมยไก่คลำสุนัข

ฉินเหยียนพูดอย่างเย็นชา

“หากนางยอมรับทั้งกายและใจ ข้าเองก็คงแปลกใจไม่น้อย”

จ้าวจือหย่าถามอย่างกังวล

“แต่ว่าองค์ชาย ในเมื่อพวกเรารู้แผนลับของจ้าวจีเอ๋อร์แล้ว เหตุใดถึงยังไม่สกัดกั้นการส่งข่าว แต่กลับให้ปล่อยข่าวไปยังอาณาจักรจ้าวอีก หากอาณาจักรจ้าวได้รับข่าวสาร ต้องให้ความร่วมมือทั้งภายในและภายนอกแน่นอน เช่นนั้นจะไม่ส่งผลเสียต่อเราหรือเจ้าคะ?”

ฉินเหยียนเอื้อมมือออกไปสัมผัสใบหน้าของจ้าวจือหย่า

“เจ้าไม่ต้องกังวล ทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของข้า”

...

เช้าวันรุ่งขึ้น กองทัพใหญ่ยังคงเดินทางต่อไป

วันนี้บนรถม้าของฉินเหยียน นอกจากจ้าวจือหย่าและหลิวเชียนเชียนแล้ว จ้าวจีเอ๋อร์เองก็อยู่ในนั้นด้วย

จ้าวจีเอ๋อร์ยังคงประจบประแจงต่อฉินเหยียนเช่นเคย ไม่ว่าจะรินชา รินน้ำ นวดไหล่ นวดขา ไม่ให้จ้าวจือหย่าและหลิวเชียนเชียนเข้าไปยุ่งเลยแม้แต่น้อย

สิ่งที่นางไม่รู้ก็คือ เมื่อวานนี้ไส้ศึกหญิงได้สารภาพแผนการทั้งหมดแล้ว ในเวลานี้การที่นางยังคงเสแสร้งแกล้งทำเป็นประจบประแจงฉินเหยียน ในสายตาจ้าวจือหย่าและหลิวเชียนเชียน นางยิ่งดูไร้สาระมากขึ้นไปอีก

พวกนางทั้งสองไม่ได้เปิดโปงแต่อย่างใด กลับเล่นละครตามฉินเหยียน

จ้าวจีเอ๋อร์นวดไหล่ฉินเหยียนและถามเบาๆ

“องค์ชาย สบายหรือไม่เจ้าคะ?”

ด้วยความเอาอกเอาใจนี้ คนที่ไม่รู้ความจริงอาจจะคิดว่านางยอมรับแล้วจริงๆ

ฉินเหยียนพูดอย่างให้ความร่วมมือ

“สบาย นวดให้ข้าอีก”

“เจ้าค่ะ”

หลังจากบีบไปสักพัก ฉินเหยียนจับมือที่เล็กและขาวราวกับหยกของจ้าวจีเอ๋อร์แล้วพูดว่า

จากนั้นทางก็ใช้พู่กันเขียนลงไปบนกระดาษ

คนในอาณาจักรฉินนั้นทั้งอวดดีทั้งหยาบคาย พวกเขากักขังข้าก่อน จากนั้นคิดจะทำสงครามโดยหวังว่าจะแย่งชิงอำนาจอาณาจักรจ้าว

ตอนนี้ข้าถูกบังคับให้เขียนจดหมายถึงครอบครัว ให้ข้ารายงานเสด็จพ่อสั่งอาณาจักรจ้าวให้ถอนทัพ

นอกจากนี้พวกเขายังพูดข่มขู่ว่าหากพวกเราล่าถอย เขาจะไว้ชีวิตทหารทั้งหมด แต่ถ้าพวกเราไม่ถอยทัพ กองทัพทหารที่แข็งแกร่งจำนวนห้าหมื่นคนของอาณาจักรฉินจะบุกเข้ามาที่เขตชายแดนของอาณาจักรจ้าวอย่างแน่นอน และจะไม่ไว้ชีวิตทหารอาณาจักรจ้าวแม้แต่คนเดียว แม้แต่ไก่และสุนัขก็ไม่เว้น!

ลูกสาวเช่นข้าเชื่อมั่นว่า กองทัพของเราอาจจะต้องถูกฆ่าแต่จะไม่ยอมอับอาย ตั้งแต่ก่อตั้งอาณาจักรจ้าวขึ้นมาไม่เคยได้รับความอัปยศอดสูเช่นนี้มาก่อน

เพื่อประโยชน์ของประเทศ เราจะไม่ถอยทัพ แม้หม่อมฉันจะต้องตายก็ไม่มีวันยอมแพ้

หลังจากที่จ้าวจีเอ๋อร์เขียนเสร็จ นางก็วางพู่กันลงข้างๆ นางเชื่อว่าหลังจากเสด็จพ่อได้อ่านจดหมายฉบับนี้จะต้องเข้าใจความตั้งใจนี้อย่างแน่นอน เพิ่มกองกำลังเข้ามาอีก ไม่ว่าอย่างไรต้องชนะอาณาจักรฉินเป็นแน่

ฉินเหยียนหยิบจดหมายที่จ้าวจีเอ๋อร์เขียนขึ้นอ่านตั้งแต่ต้นจนจบ

“เอาล่ะ! ข้ารู้ดีว่าทักษะการเขียนของเจ้านั้นไม่ธรรมดา จดหมายฉบับนี้เขียนได้ไม่เลวเลย ปิดผนึกได้!”

“อา? ใช้จดหมายฉบับนี้ส่งไปหรือ?”

จ้าวจีเอ๋อร์กระพริบตาปริบๆ ตอนแรกนางกังวลถึงเนื้อหาในจดหมายที่เขียนว่าให้อาณาจักรจ้าวส่งกองกำลังออกมาอย่างชัดเจน เมื่อฉินเหยียนอ่านแล้วจะไม่ให้ใช้จดหมายฉบับนี้ส่งไป แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเขาจะเห็นด้วย

ฉินเหยียนพยักหน้าและกล่าวอย่างชื่นชม

“จดหมายฉบับนี้เจ้าเขียนได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว หากเจ้าขอให้ทหารของเจ้ายอมแพ้ การเดินทางครั้งนี้ของข้าคงเปล่าประโยชน์ สงครามในครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเกิดขึ้น หากอาณาจักรจ้าวไม่ยอมรับ เช่นนั้นข้าจะจัดการพวกมันจนกว่าจะยอมแพ้!”

มุมปากของจ้าวจีเอ๋อร์กระตุก ไม่ดูความสามารถตัวเองเลยจริงๆ รอให้อาณาจักรฉินแพ้เสียก่อน ข้าจะโจมตีเจ้าเป็นคนแรก ข้าจะปล่อยให้รถม้าชนคนสารเลวเช่นเจ้าให้ตายไปเสีย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์