“นั่นสิท่านแม่ทัพ ต่อให้ต้องตายเราก็ต้องทำให้พวกมันได้รับบาดเจ็บ!”
เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาต่างก็ขอให้บัญชา แต่แม่ทัพขบวนกลับเงียบไป ผ่านไปนานเขาก็เงยหน้าแล้วพูดอย่างหนักแน่นว่า
“หนีรึ? แล้วจะหนีไปที่ใดได้อีก เรายอมแพ้กันเถิด”
“หา?”
“ท่านแม่ทัพเสียสติไปแล้วรึ?”
“เรายอมตาย ไม่ยอมเป็นทาสขอรับ!”
“ใช่ขอรับท่าน เราจะไม่ยอมเป็นสุนัขรับใช้ของพวกมัน!”
เมื่อได้ยินคำพูดของแม่ทัพขบวนแล้ว เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาก็สีหน้าประหลาดใจ ไม่อาจยอมรับผลลัพธ์นี้ได้
“หึหึ......”
แม่ทัพขบวนส่ายหน้าแล้วยิ้มอย่างขมขื่น จากนั้นก็ถามกลับว่า
“แต่ว่าหากไม่ยอมแพ้ แล้วเราจะทำอย่างไรได้อีก?”
เมื่อพูดดังนั้นแล้วทุกคนก็เงียบลง
เมื่อแม่ทัพขบวนเห็นดังนั้นก็ถอนหายใจแล้วพูดว่า
“ในเมื่อสูญเสียการควบคุมสถานการณ์แล้วก็ปล่อยไปตามยถากรรมเถิด เรายอมแพ้กันเถิด หากยอมแพ้ บางทีอาจะมีข้าเพียงคนเดียวที่ต้องตาย แต่หากต่อต้านต่อไปเราจะตายกันหมด!”
“คือ......”
คนอื่นๆเองก็แสดงสีหน้าลังเล แต่ว่าคำพูดของแม่ทัพขบวนก็ถูกต้อง พวกเขาไม่อาจทำอะไรได้แล้ว อย่างไรในตอนนี้สถานการณ์ก็เห็นได้ชัดแล้วว่าพวกเขาพ่ายแพ้อย่างแน่นอน ต่อต้านต่อไปเกรงว่าจะต้องตายสถานเดียว
แต่ว่าหากให้แม่ทัพของพวกเขาไปตายเพื่อให้พวกเขารอด ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ไม่อยากยอมรับ แต่เมื่อมองกองเลือดที่อยู่รอบๆ และศพที่เกลื่อนอยู่เต็มไปหมด พวกเขาก็รู้ทันทีว่านี่คือทางเลือกเพียงทางเดียว
แม่ทัพขบวนมองทุกคนแล้วพูดอย่างจริงจังว่า
“ข้าต้องฝากครอบครัวของข้าด้วยแล้ว ข้าขอบคุณอย่างมากที่ในยามเช่นนี้พวกเจ้ายังยินดีที่จะติดตามข้า และต่อสู้กับข้ามาจนถึงตอนนี้ ข้าก็พึงพอใจมากแล้ว!”
เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้นแล้วก็แสดงสีหน้าโศกเศร้า น้ำตาไหลรินไม่หยุด แม่ทัพขบวนตบบ่าพวกเขาแล้วหันหน้ามองไปยังฮูมู่หลู่ที่กำลังไล่ล่ามาจากที่ไกลๆ
เขาตะโกนว่า “ฮูมู่หลู่ หากเข่นฆ่ากันต่อไปก็ไม่เป็นผลดีกับใครทั้งนั้น ข้ายินดีที่จะยอมแพ้ ข้าจะเป็นหรือตายก็ได้ แต่ช่วยปล่อยเหล่าสหายของข้าไปได้รึไม่!”
เมื่อฮูมู่หลู่เห็นดังนั้นก็ขมวดคิ้วเบาๆ แต่สุดท้ายก็พยักหน้าแล้วพูดว่า
“พวกเจ้ายอมแพ้ พวกข้าก็ไม่ไล่ล่าจนตายกันหมด เพียงแค่ยอมแพ้ ข้าก็รับรองว่าจะสังหารเพียงแม่ทัพเท่านั้น!”
บัดนี้เกิดเรื่องมากมายเพียงนี้ มีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและล้มตายมากมาย อีกอย่างเจ้าพวกคนที่ติดตามแม่ทัพบวนผู้นี้ก็ล้วนเป็นนักรบ ฮูมู่หลู่ก็ไม่อยากจะสังหารพวกเขา
“ขอบคุณ!”
เมื่อได้ยินดังนั้นแล้วแม่ทัพขบวนก็ยิ้มอย่างดีใจ จากนั้นก็หันหน้าไปตะโกนว่า
“เหล่าสหาย หยุดต่อสู้ได้แล้ว ฟังข้าซะ ยอมแพ้ให้หมด! การต่อสู้จบลงแล้ว!”
“ว่าอย่างไรนะ?”
ทันใดนั้นเหล่าทหารกบฏก็ได้ถูกคุมตัวไปยังลานประหาร
อ้ายซินเจวี๋ยหลัวหย่งอี้ยืนอยู่บนขั้นบันไดแล้วมองเหล่าทหารกบฏอย่างเหยียดหยาม แถมยังมีชาวเมืองที่นับไม่ถ้วนด้วย สุดท้ายก็มองไปยังแม่ทัพขบวนแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า
“ข้าคือท่านผู้นำ แต่เจ้ากลับบังอาจทรยศข้า ข้าสมควรต้องโทษเช่นไร?”
แม่ทัพขบวนสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดว่า “แพ้เป็นโจร ชนะเป็นกษัตริย์ บัดนี้เจ้าจะพูดอะไรก็ได้ แต่ว่า ข้าหวังว่าเจ้าจะปล่อยเหล่าสหายของข้าไป!”
เมื่อได้ยินดังนั้นแล้วอ้ายซินเจวี๋ยหลัวหย่งอี้ก็หรี่ตา ดวงตาประกายความโหดร้ายขึ้นว่า
“หือ? งั้นรึ?”
เขาค่อยๆเดินลงมาแล้วเดินมาใกล้แม่ทัพขบวน จากนั้นก็ยิ้มเบาๆแล้วพูดว่า
“เจ้าอยากให้ข้าปล่อยพวกผู้สมรู้ร่วมคิดของเจ้าไปรึ? ข้าไม่มีทางให้เป็นดังที่เจ้าปรารถนาอยู่แล้ว”
เมื่อพูดดังนั้นแล้ว อ้ายซินเจวี๋ยหลัวหย่งอี้ก็ประกาศเสียงดังต่อหน้าเหล่าชาวเมือง และต่อหน้าอีกฝ่ายที่ประหลาดใจว่า
“เจ้าพวกกบฏบังอาจก่อกบฏ มีความผิดมหันต์ ข้าขอประกาศว่าให้สังหารทุกคนให้หมด!”
เมื่อพูดดังนั้นแล้วทุกคนก็ตกตะลึงกันหมด แม่ทัพขบวนเบิกตากว้างแล้วจ้องอ้ายซินเจวี๋ยหลัวหย่งอี้อย่างเหลือเชื่อ เขาด่าทอเสียงดังว่า “ต่ำช้า! ไร้ยางอาย!”
แต่อ้ายซินเจวี๋ยหลัวหย่งอี้กลับไม่แยแสเขาแล้วเดินกลับไปยังบัลลังก์ จากนั้นก็พูดว่า
“เริ่มตั้งแต่โตไปเด็ก เริ่มจากเขาซะ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...