องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 1188

ในขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่ง

พวกจ้าวเหวินกำลังยืนอยู่บนชายหาดริมแม่น้ำ และมองไปยังเมืองที่อยู่ไม่ไกลด้วยสีหน้าที่สับสน ทันใดนั้นเขาก็เผยสีหน้าที่ดีใจออกทันที และหัวเราะเสียงดังพูดว่า

“ฮ่าๆ ในที่สุดเราก็มาถึงที่นี่จนได้”

จ้าวเหวินคือข้าราชการชั้นผู้น้อยคนหนึ่งในเมืองถูเหอ ต่อมาได้ถูกฉินเหยียนเลื่อนตำแหน่งให้เป็นผู้พิพากษาท้องถิ่น ในยามที่จางฝูดูแลทุกๆเรื่องในเมืองถูเหอ ก็เห็นว่าเขามีความสามารถที่โดดเด่น จึงได้สนับสนุนให้เขาเป็นผู้ดูแลเมือง และที่เขามาในคราวนี้ ก็เพราะได้รับบัญชาจากจางฝูและฉินเหยียน ให้มุ่งหน้ามาช่วยเหลือหลี่ชางในการโจมตีเมือง

เขาต้องการใช้ข้อถกเถียงในการปลุกปั่นสิ่งต่างๆ ภายในเมืองเปียงยาง หากทำให้เจ้าท่านผู้นำและเหล่าขุนนางในเมืองผิดใจกันได้ก็จะดีที่สุด การโจมตีเมืองเช่นนี้จะลดอุปสรรคไปได้มาก

ต้องยอมรับว่าหลี่ชางเป็นคนที่ฉินเหยียนชื่นชอบอย่างยิ่ง เมื่อรู้ว่าเขาทำเรื่องโง่เขลาอีกครั้ง สิ่งแรกที่ทำก็ยังเป็นการช่วยเหลือ ไม่ใช่การตำหนิ และการที่ส่งคนมาช่วยหลี่ชางในการโจมตีเมืองก็เป็นความเห็นของจางฝูเช่นกัน

แต่ว่าเมื่อพวกจ้าวเหวินได้มาถึงใกล้ๆเมืองเปียงยางแล้วก็ต้องอึ้งไปตามๆกัน

มีผู้ติดตามคนหนึ่งอึ้งไปแล้วพูดว่า “นี่ให้เรามาช่วยแม่ทัพหลี่โจมตีเมืองไม่ใช่รึ? แล้วคนโจมตีเมืองเล่า? เราคงไม่ได้มาช้าไปหรอกนะ?”

“หา? ไม่นะ ข้าได้คำนวณเวลามาตลอดทาง เราไม่เพียงแต่จะมาตรงเวลา แถมยังเร็วกว่าสองวันด้วย”

ทุกคนรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง

แต่จู่ๆจ้าวเหวินก็เหมือนจะสังเกตเห็นอะไร เขาเบิกตากว้างแล้วชี้ไปยังตรงกำแพงเมืองแล้วพูดว่า

“พวกเจ้าลองดูให้ดีสิ บนกำแพงเมืองนั่นเหมือนจะเสียบธงของอาณาจักรฉินไว้นะ!”

“ว่าอย่างไรนะ!”

ทุกคนประหลาดใจอย่างมากและพากันมองไปยังบนกำแพงเมือง และพบว่าบนกำแพงเมืองที่สูงนั้นมีธงที่เขียนว่าอาณาจักรฉินเสียบอยู่จริงๆ แถมยังมีทหารอาณาจักรฉินคอยยืนประจำการอยู่มากมายบนกำแพงเมืองด้วย

“ให้ตายเถิด! แม่ทัพหลี่ได้ยึดเมืองเปียงยางได้แล้วงั้นรึ?” ผู้ติดตามคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างตกตะลึง

คนอื่นๆเองก็เบิกตากว้าง สีหน้าตกตะลึงอย่างมาก

แม้แต่จ้าวเหวินก็พูดอย่างตกตะลึงว่า “แม่ทัพหลี่เป็นเทพเจ้าจริงๆ!”

คำชมนี้มาจากใจอย่างแท้จริง

“แม่ทัพหลี่สุดยอดจริงๆ มิน่าอ๋องเหยียนจึงไว้ใจแม่ทัพหลี่มากเพียงนี้ สมคำร่ำลือจริงๆ”

ผู้ติดตามคนหนึ่งพึมพำขึ้นด้วยสีหน้าที่เคารพบูชา

ส่วนผู้ติดตามคนอื่นๆเองก็รีบพูดยกยอว่า

“แน่นอนอยู่แล้ว สายตาของอ๋องเหยียนนั้นเฉียบขาดมาก จะมองคนผิดไปได้อย่างไรกัน”

“จริงด้วย......”

เมื่อทุกคนยกยอกันแล้วก็ได้มองไปยังเมืองเปียงยาง

จ้าวเหวินเองก็ไม่กล้าเสียเวลาต่อ เขาโบกมือแล้วพูดว่า “ไปกัน เข้าไปด้านใน”

แต่ว่า ดูเหมือนว่าหลายวันมานี้ฉินเหยียนจะหายตัวไป ไม่มีท่าทีจะพบพวกเขาเลย วันนี้จางฝูรู้สึกว่าถ่วงเวลาต่อไปไม่ได้แล้วจึงได้มาหาฉินเหยียน

“เข้าเฝ้าท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”

ภายในห้อง ฉินเหยียนวางเครื่องเขียนลง เมื่อเห็นว่าจางฝูมาก็ยิ้มแล้วพูดว่า

“ท่านจางงั้นรึ? รีบเข้ามาสิ”

จางฝูคำนับแล้วก็ได้มานั่งหน้าโต๊ะ

ฉินเหยียนสั่งให้คนยกน้ำชาร้อนๆมา จากนั้นก็ถามขึ้นว่า “คนตระกูลเหล่านั้นเป็นสุขรึไม่? คงไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่รึไม่?”

เรื่องของตระกูลจางก่อนหน้านี้ทำให้เขาจดจำได้เป็นอย่างดี ทำให้รู้สึกว่าพวกตระกูลขุนนางที่มีอำนาจในเยี่ยนเป่ยต่างก็ไร้มารยาทสิ้นดี สร้างปัญหามากมาย ดังนั้นฉินเหยียนจึงรู้สึกกังวลอยู่บ้าง

เมื่อจางฝูได้ยินดังนั้นก็หัวเราะแล้วพูดว่า

“สงบอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ แต่ละคนเชื่อฟังราวกับนักเรียนในห้องเรียน แม้แต่เรื่องทานอาหารก็ยังต้องให้กระหม่อมเอ่ยปากก่อนจึงจะกล้าทาน แถมแต่ละคนก็ยังไม่เคยเห็นอาหารที่สวยงามและรสเลิศเช่นนี้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ......”

“ฮ่าๆๆ น่าสนใจจริงๆ”

เมื่อได้ยินคำพูดของจางฝูแล้ว ฉินเหยียนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงดัง เห็นได้ชัดว่าเจ้าพวกตระกูลขุนนางเหล่านี้น่าขันอย่างยิ่ง

เมื่อจางฝูเห็นว่าฉินเหยียนอารมณ์ดีเช่นนี้จึงพูดต่อว่า “แน่นอนว่าพวกเขามีจุดที่ไม่พอใจด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์