องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 1217

อีกด้านหนึ่ง

ภายในจวนเจ้าเมือง เพราะวันพรุ่งนี้คือวันขึ้นปีใหม่แล้ว วันนี้จวนเจ้าเมืองจึงครึกครื้นอย่างมาก มีโคมไฟสีแดงแขวนไว้ทั่ว และมีการแปะคำขวัญเอาไว้ เป็นสิริมงคลอย่างมาก

ฉินเหยียนเองก็เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศที่สนุกสนาน เพื่อเพิ่มความสนุกสนาน พวกจางฝูเองก็ได้ถูกลากมาด้วย นอกจากนั้นเหล่าขุนนางที่มีฝีมือก็ได้ถูกเรียกมาเข้าร่วมเทศกาลด้วยกัน

ส่วนเหล่าผู้หญิงและเด็กก็มีจ้าวจือหย่าคอยจัดการดูแล เหล่าตระกูลอื่นๆก็ได้สนุกสนานกับฉินอวี่ ส่วนฉินเหยียนก็ได้พาพวกจางฝูชมหิมะ ดอกบ๊วย ดื่มสุราและพูดคุยกัน

ฉินเหยียนมองไปยังจางฝูแล้วยิ้มถามขึ้นว่า “ได้ยินมาว่าท่านจางได้รับลูกบุญธรรมมา เป็นเจ้าหนูจางจวิ้นนั่นงั้นรึ?”

จางฝูได้ยินดังนั้นสีหน้าก็ทำอะไรไม่ค่อยถูก เดิมทีเขาจะบอกเรื่องนี้นานแล้ว แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้บอก เพราะตัวตนของจางจวิ้นนั้นอ่อนไหวเกินไป แต่เมื่ออ๋องเหยียนพูดขึ้นแล้ว เขาจึงต้องฝืนพูดกลับว่า

“เป็นเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะอ๋องเหยียน”

“ฮ่าๆๆ เช่นนี้ก็ดี เดิมทีก็เป็นหลานชายของเจ้าอยู่แล้ว รับเลี้ยงมาก็เป็นเรื่องปกติ”

ฉินเหยียนหัวเราะเสียงดัง เขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับเรื่องนี้ แม้ว่าตัวตนของจางจวิ้นจะอ่อนไหว แต่อย่างไรเขาก็ได้สร้างประโยชน์ให้กับอาณาจักรฉินไว้ หากปล่อยวางความแค้นในอดีตไป ก็เป็นเรื่องที่ดี

“ขอบพระทัยในความเมตตาพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง” จางฝูได้ยินดังนั้นก็ยิ่งรู้สึกเกรงใจ

ฉินเหยียนยิ้มแล้วถามขึ้นว่า “แล้วเหตุใดเจ้าหนูนั่นจึงไม่ได้มากับเจ้าด้วยเล่า?”

จางฝูอธิบายว่า “เมื่อวานเขาได้ออกเดินทางไปยังอาณาจักรพัลแฮแล้วพ่ะย่ะค่ะ......”

เมื่อเขาพูดเรื่องนี้แล้วฉินเหยียนจึงจะนึกเรื่องราวที่ได้พูดคุยกับหลิวอวี่หลินไม่กี่วันก่อนขึ้นมาได้ และพยักหน้า เมื่อนึกถึงหลิวอวี่หลินแล้ว ก็รู้สึกสนอกสนใจขึ้นมา เขาถามขึ้นว่า

“แล้วหลิวอวี่หลินเล่า? เขาเองก็ตามไปยังอาณาจักรพัลแฮแล้วรึ?”

“กระหม่อมจำได้ว่าไม่พ่ะย่ะค่ะ” จางฝูพยายามนึกย้อนกลับไปแล้วพูดขึ้น

แม้ว่าจางฝูจะไม่ได้พูดคุยกับหลิวอวี่หลินมากมายนัก แต่ระยะนี้ก็ได้พบหน้ามาก่อน รู้ว่าอีกฝ่ายดูเหมือนจะยุ่งเรื่องตระกูลอยู่

อย่างไรตอนนี้ตระกูลใหญ่ทั้งสามของเยี่ยนเป่ยก็ได้เข้าร่วมอาณาจักรฉินอย่างสมบูรณ์แล้ว มีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ต่างๆนานา หลิวอวี่หลินผู้เป็นผู้นำตระกูลของตระกูลหลิวในตอนนี้ ไม่มีทางออกไปไหนได้เลย

เมื่อจางฝูอธิบายแล้วฉินเหยียนก็พยักหน้าแล้วถอนหายใจในใจ ในการพูดคุยกันกับหลิวอวี่หลินก่อนหน้านี้ เขาพบว่าคนผู้นี้แม้จะยังหนุ่ม แต่มีความรู้มาก เฉลียวฉลาด ถือว่าเป็นผู้มีความสามารถอย่างยิ่งเลย แต่น่าเสียดายอย่างยิ่งที่เขายึดติดกับตระกูลมากเกินไป คนเช่นนี้ ต่อให้จะมีความสามารถเพียงใด ก็ไม่มีทางใช้เป็นประโยชน์ของอาณาจักรฉินได้

ฉินเหยียนส่ายหน้าแล้วไม่ไปคิดมัน และพูดคุยกับทุกคนต่อไป

......

ผู้นำตระกูลหลิวให้คนรับใช้ออกไปแล้วจึงถามขึ้นว่า

“เป็นอย่างไรบ้างหลินเอ๋อร์ การเคลื่อนไหวของเจ้าในช่วงนี้คงไม่ได้พบอุปสรรคอะไรใช่รึไม่?”

“มีอยู่บ้างขอรับ แต่ลูกก็ได้คลี่คลายหมดแล้วขอรับ”

หลิวอวี่หลินยิ้มบางๆ หากจะบอกว่าไม่มีอุปสรรคเลยมันเป็นไปไม่ได้ อีกทั้งยังไม่น้อยเลยด้วย เพราะสิ่งที่เขาต้องทำ ไม่ได้ง่ายดายเช่นเดียวกับการเจรจาแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กับอาณาจักรฉินเท่านั้น เขามีแผนที่ใหญ่มากกว่านี้ จะต้องชิงอำนาจของทุกตระกูลมาให้ได้

ผู้นำคนก่อนพยักหน้าแล้วจู่ๆก็ถอนหายใจ เขาหรี่ตาอย่างสับสนแล้วพูดว่า

“ไม่รู้เลยว่าการเลือกในครั้งนี้ของตระกูลหลิวจะถูกต้องหรือผิด”

หลิวอวี่หลินพูดอย่างจริงจังว่า “ลูกจะพินิจวิเคราะห์ก่อนเคลื่อนไหว ท่านพ่อวางใจเถิดขอรับ”

“ฮ่าๆ พ่อเชื่อใจเจ้า และเชื่อสิ่งที่เจ้าพูด ด้วยสถานการณ์นี้มีแต่การต้องเข้าพวกกับอาณาจักรฉินเท่านั้น ตระกูลหลิวจึงจะเจริญรุ่งเรืองได้ และอยู่ได้ยืนยาวเช่นเดียวกับอาณาจักรฉิน!”

ผู้นำตระกูลหลิวคนก่อนหัวเราะ สองพ่อลูกได้มีการมอบอำนาจให้ต่อกันแล้ว และได้ให้ผู้อาวุโสเก่าเกษียณล่วงหน้าไปก่อนแล้ว มันไม่มีทางเป็นแค่การร่วมมือกับอาณาจักรฉินเท่านั้นแน่นอน ไม่เช่นนั้นพวกเขาก็ไม่มีทางเสียเวลากับตระกูลอู๋ ตระกูลหยาง

การตัดสินใจของพวกเขา ไม่ใช่เพียงแค่การเข้าร่วมกับอาณาจักรฉินเท่านั้น แต่จะเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างแน่นเเฟ้น ทันใดนั้นเองผู้นำคนก่อนก็นึกอะไรได้ สีหน้าเข้มงวดขึ้นมาทันที

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์