องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 1219

“อืม ไม่เลว นี่คงจะเป็นวิธีเดียวแล้วจริงๆ จือหย่า เจ้าจงไปปฏิบัติเสีย”

“เพคะท่านอ๋อง หม่อมฉันจะทำสาส์นตราตั้งขึ้นมา อาณาจักรเหล่านี้จะต้องช่วยเหลืออย่างสุดกำลังเพื่อบุญคุณครั้งนี้แน่นอนเพคะ”

“รอเดี๋ยว” ฉินเหยียนครุ่นคิดแล้วขมวดคิ้วพูดว่า “ไม่จำเป็นต้องเปิดเผยว่าเรามาซื้อเสบียงอาหาร เช่นนี้แล้วกัน ให้นักค้าขายแสร้งทำเป็นจะใช้ในการหมักเหล้า”

จ้าวจือหย่าได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าแสดงถึงความเข้าใจ

จางฝูพูดอย่างสงสัยว่า “ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ หากเป็นเช่นนี้ก็จะไม่ค่อยมีประสิทธิภาพนัก เหตุใดจึงต้องระมัดระวังเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ?”

หากทำเช่นนี้ก็ไม่รู้ว่าจะเติมคลังเสบียงทั่วเก้าแคว้นให้เต็มได้เมื่อไรกันพอดี

ฉินเหยียนเหลือบมองเขาแล้วพูดว่า “ประการแรก จะสามารถลดจำนวนชาวตาดที่จะเข้ามาสร้างปัญหาได้ ประการสองเพื่อป้องกันผู้ที่คิดไม่ซื่อ ข้ากังวลว่าอาณาจักรพวกนั้นจะเคลื่อนไหวตามอย่างโง่เขลา”

ดังคำที่กล่าวว่า จะปล่อยให้คนอื่นเข้ามารุกรานอาณาเขตผลประโยชน์ของตนเองได้อย่างไร สำหรับอาณาจักรเล็กๆเหล่านั้นแล้ว เมื่อมีอาณาจักรฉินที่ยิ่งใหญ่อยู่ใกล้ๆ ก็มีความหวาดกลัวมากอย่างยิ่ง

ต่อให้อาณาจักรฉินจะเป็นมิตรต่อพวกเขา แต่พวกเขาก็ไม่มีทางวางใจได้ ในยามที่อาณาจักรยิ่งใหญ่พวกเขาจะต้องคอยประจบสอพลออยู่แล้ว กลัวว่าหากอาณาจักรฉินจะไม่พอใจ แต่หากอาณาจักรฉินเกิดมีความโกลาหลขึ้น คนพวกนั้นก็อยากจะให้อาณาจักรฉินล่มสลายโดยเร็วที่สุดแน่นอน

จางฝูได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าแล้วพูดอย่างเห็นด้วยว่า “ท่านอ๋องช่างรอบคอบยิ่งนัก กระหม่อมได้รับบทเรียนแล้ว”

แม้ว่าจางฝูจะรู้สึกว่าจะมีความเป็นไปได้น้อย แต่จะขาดการเตรียมการอย่างถี่ถ้วนไปไม่ได้ อย่างไรนี่ก็เกี่ยวข้องไปถึงสถานการณ์ของอาณาจักรฉินในอนาคต หากถึงยามที่ไม่มีเสบียงอาหารแล้วจริงๆ ต่อให้ยอดเยี่ยมแค่ไหนก็ไม่อาจเสกเสบียงอาหารออกมาได้!

โชคดีที่ตอนนี้อาณาจักรฉินไม่ได้ขาดแคลนอะไรเลย โดยเฉพาะเรื่องเงิน หลายปีมานี้เก็บมาได้ไม่น้อยเลยทีเดียว การจะซื้อเสบียงอาหารที่เพียงพอไม่ใช่ปัญหาเลย

......

ม่อเป่ยอันไกลโพ้น ชาวตาด

หลายวันมานี้หลี่เหยียนคังอยู่แต่ในห้อง ว่างๆเขาก็เขียนภาพอักษร วันเวลาผ่านไปรวดเร็วจริงๆ หรือบางทีอาจเป็นเพราะเขียนจนเหนื่อยแล้ว เขาวางพู่กันลงแล้วเดินมาที่ลาน

ด้านนอกคือหิมะสีขาวที่ไร้ขอบเขต ทั่วทั้งราชสำนักก็ปกคลุมไปด้วยหิมะหนาทึบ เขาคำนวณเวลา แล้วมองไปยังชาวตาดคนหนึ่งที่เป็นผู้คุ้มกันที่ตามเขาอยู่แล้วถามขึ้นว่า

“ข้าอยากจะขอถามเสียหน่อยว่าวันนี้คอวันอะไรแล้ว?”

แม้ว่าผู้คุ้มกันจะไม่อยากจะคุยด้วย แต่เมื่อนึกได้ว่านี่คือคนที่ข่านให้ความสำคัญ เขาก็เบ้ปากแล้วพูดว่า

“เป็นเทศกาลส่งท้ายปีเก่าของคนที่ราบกลางอย่างพวกเจ้า”

“ข้าว่าพวกคนที่ราบกลางอย่างพวกเจ้าคงจะไร้สมอง หากเจ้าอยากพบข่านเจ้าก็ไปเองเถิด ข้าไม่อยากทำให้พวกองครักษ์โกรธหรอกนะ!”

ว่าแล้วเขาก็หมุนตัวเดินจากไป

หลี่เหยียนคังขมวดคิ้ว หากไม่มีคนนำทางเขาก็พบข่านไม่ได้ง่ายๆ ไม่แน่ว่าอาจจะถูกกันไว้ด้านนอกอย่างวันก่อนก็ได้ แต่เมื่อเขาครุ่นคิดแล้วก็หมุนตัวเดินไปเต็นท์ของข่านอย่างหนักแน่น

เช่นเดียวกันที่เขากล่าว ว่าขุนนางทหารยอมตายในสนามรบ นี่คือความทระนงของเขาที่เป็นคนที่ราบกลาง อย่างมากแค่ตัดศีรษะ อย่างไรเขาก็เป็นคนที่เคยตายมาแล้วครั้งหนึ่ง เพียงแต่เขาแค่โชคดี ที่บังเอิญไปเจอกับทั่วป๋าหงเลี่ยที่กำลังกลับจากการตรวจสอบค่าย

“ข่าน!”

“ท่านหลี่?” ทั่วป๋าหงเลี่ยขมวดคิ้วแล้วเหลือบมองมุมปากของหลี่เหยียนคังที่มีรอยฟกช้ำ แล้วถามขึ้นเสียงเรียบว่า

“มีธุระอะไรกับข้างั้นรึ?”

หลี่เหยียนคังมองทั่วป๋าหงเลี่ยด้วยใบหน้าที่ใบหน้าเคร่งขรึมและสายตาที่เฉียบคม แล้วพูดอย่างจริงจังว่า

“ข้ามีเรื่องอยากจะหารือกับท่าน”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์