เมื่อทุกคนแยกย้ายกันไปแล้วชายชราก็เข้ามาประจบสอพลอว่า
“ท่านขอรับ ในเผ่าของเรามีของดีอยู่บ้าง ในอนาคตจะเป็นของท่านทั้งหมด ข้าจะพาท่านไปชมนะขอรับ”
อ้ายซินเจวี๋ยหลัวหงจื้อพยักหน้าแล้วพูดว่า “นำทางไปเถิด”
ชายชรารีบนำทางเขาเดินไปด้านในสวนลึก ไม่นานก็ได้มาถึงที่ที่คล้ายกับเป็นคอกแกะ
“พาข้ามาที่นี่ทำไม?” อ้ายซินเจวี๋ยหลัวหงจื้อขมวดคิ้วถามขึ้น
ชายชรายิ้มแล้วพูดว่า “รอประเดี๋ยวนะขอรับ ข้าน้อยจะเปิดประตูให้ แล้วท่านจะเข้าใจเอง”
เขาเปิดประตูแล้วเผยด้านใน อย่างแรกคือกลิ่นประหลาดที่ลอยมา อ้ายซินเจวี๋ยหลัวหงจื้อขมวดคิ้วแล้วมองไปด้านใน และทันใดนั้นทำเอาเขาอึ้งไป ในคอกแกะนี้ไม่ได้ขังแกะเอาไว้ แต่เป็นเหล่าผู้หญิงที่ไม่ได้สวมเสื้อผ้า
พวกนางเนื้อตัวสกปรก ถูกเอาเชือกคล้องคอและผูกกับเสาเอาไว้ราวกับสัตว์เดรัจฉาน ทำได้เพียงคลานบนพื้นอย่างไม่เต็มใจ หญิงสาวเหล่านี้ดวงตาไร้ชีวิตชีวา ราวกับร่างไร้วิญญาณ พวกนางคลานอยู่ท่ามกลางปัสสาวะและอุจจาระ เมื่อเห็นว่ามีคนแปลกหน้ามา ก็ใช้ดวงตาที่เฉยชาจ้องมองพวกเขาเช่นเคย
อ้ายซินเจวี๋ยหลัวหงจื้อไม่เคยพบเห็นเช่นนี้มาก่อน เขาตกใจอย่างมาก
“นี่......นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
อ้ายซินเจวี๋ยหลัวหงจื้อพยายามอดกลั้นความอยากอาเจียนเอาไว้ เขาหันไปถามด้วยสายตาที่จ้องเขม็ง
ชายชราถูกถามและอึ้งไป เขาพูดอย่างประหลาดใจว่า “นี่ล้วนเป็นคนที่จับมาตอนทำการปล้นชิงที่อื่น บัดนี้เป็นของท่านทั้งหมดเลยขอรับ ไม่ว่าจะอยากสนุกหรือฟันทิ้งก็ได้ทั้งนั้น พวกนางอาจดูสกปรกไปหน่อย แต่ผิวพรรณก็......”
“หุบปาก!” อ้ายซินเจวี๋ยหลัวหงจื้อคลื้นไส้
แม้ว่าเขาจะเป็นคนทุ่งหญ้าเหมือนกัน แต่ชนเผ่าหนี่ว์เจินจะอยู่ใกล้กับที่ราบกลางมากกว่า นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเลย เมื่อมองไปยังเหล่าหญิงสาวที่ดวงตาไร้วิญญาณแล้ว พวกนางดูแล้วก็มีอายุเพียงสิบกว่าขวบเท่านั้น ดูแล้วมาจากหลากหลายที่ แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นคนที่ราบกลาง มีลักษณะเฉพาะที่แบ่งแยกได้ง่าย
อ้ายซินเจวี๋ยหลัวหงจื้อกลับรู้สึกหัวชาไปหมด เขาอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า
“ที่เผ่าอื่นๆเองก็มีคนเช่นนี้อยู่ด้วยงั้นรึ?”
“มีขอรับ” ชายชราพูดราวกับเป็นเรื่องปกติ “เมื่อมีเทศกาลเหล่าขุนนางจะสังหารพวกนางบางคน หากไม่เพียงพอก็จะไปจับมาอีก เพียงแต่มีเพียงเหล่าขุนนางเท่านั้นที่จะได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ คนทั่วไป......”
ยังไม่ทันพูดจบอ้ายซินเจวี๋ยหลัวหงจื้อก็พูดอย่างเข้มงวดว่า
“ชำระกายพวกนางให้สะอาดแล้วสวมเสื้อผ้าให้ซะ จากนั้นก็ปล่อยพวกนางไป!”
“ปล่อยไปรึขอรับ?” ชายชราอึ้งไป จากนั้นก็รีบก้มศีรษะแล้วพูดอย่างเคารพว่า
นี่คือความจริง อ้ายซินเจวี๋ยหลัวหงจื้อเองก็เข้าใจดี เขาเองก็กำลังครุ่นคิดเรื่องนี้ ที่จริงเขามีแผนอยู่แล้ว จึงไม่ได้ร้อนใจอะไร
สิ่งที่เขาคิดอยู่กลับเป็นอีกเรื่อง จู่ๆเขาก็ถามขึ้นว่า
“ท่านลุงเฮ้อหนี ตอนนั้นที่เราได้พบกับทั่วป๋าหงเลี่ยผู้เป็นข่าน เจ้าสังเกตเห็นรึไม่ว่าในเต็นท์มีชายจากที่ราบกลางนั่งอยู่ในมุมห้องนั้น”
อูเอ๋อร์เฮ้อหนีพยักหน้าแล้วอธิบายว่า “ข้าได้ส่งคนไปสืบมาแล้ว คนผู้นี้มีนามว่าหลี่เหยียนคัง ได้ยินมาว่าเป็นคนที่ทั่วป๋าหงเลี่ยเก็บกลับมาจากด้านนอก ต่อมาก็ได้อาศัยอยู่ในเขตพระราชวังแล้ว”
“ช่างน่าประหลาดเสียจริง จากที่ได้รู้จักมา ชาวตาดดูถูกคนที่ราบกลางอย่างยิ่งแท้ๆ แต่กลับให้เขาเป็นข้อยกเว้น” อ้ายซินเจวี๋ยหลัวหงจื้อพูดขึ้นอย่างสงสัย
อูเอ๋อร์เฮ้อหนีส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ข้าเองก็ไม่รู้ อาจจะมีความสามารถที่เหนือกว่าคนอื่นก็ได้”
เมื่อพูดเช่นนั้นแล้วอูเอ๋อร์เฮ้อหนีก็นึกอีกเรื่องหนึ่งได้ เขาพูดว่า
“ช่วงนี้ข้ายังได้ยินมาว่าเขากำลังดึงเหล่าขุนนางเป็นพวก ถึงขั้นที่ใกล้ชิดกับพวกผู้นำบางคนด้วย ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ”
สำหรับชาวตาดแล้วขุนนางมีอำนาจพิเศษบางอย่าง เป็นคนที่อยู่เหนือคนทั่วไป ส่วนผู้นำก็เป็นฮ่องเต้ในพื้นที่นั้นๆ หรือก็คือเจ้าผู้ครองแคว้น สามารถครอบครองกำลังทหารได้เอง
“หือ? มีเรื่องเช่นนี้ด้วยรึเนี่ย?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...