เขามองหลิวอวี่หลิน เมื่อเห็นสีหน้าที่จริงจังของเขาแล้วก็ขมวดคิ้วถามว่า “เจ้ากำลังล้อข้าเล่นรึ?”
ตำแหน่งอัครเสนาบดีจะเอามาล้อเล่นได้อย่างไรกัน อย่าว่าแต่เขาไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของอีกฝ่ายเลย ที่สำคัญคือเขาอายุน้อย อัครเสนาบดีที่อายุสิบกว่าปีมันน่าขันเกินไป!
หลิวอวี่หลินกลับดูเหมือนยังไม่รู้สึกตัวว่าตนเองได้พูดเรื่องที่ไม่ควรพูดไปแล้ว เขายังคงพูดอย่างจริงจังว่า
“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่เคยล้อเล่น หากท่านอ๋องไม่เห็นด้วย กระหม่อมก็ต้องขอตัวก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อเขาพูดจบแล้วก็ลุกขึ้นยืนแล้วจะเกินจากไป
จางฝูอึ้งไป ถึงขั้นสงสัยว่าโลกนี้บ้าไปแล้วเป็นแน่
เอ่ยปากว่าต้องการตำแหน่งอัครเสนาบดีเนี่ยนะ อ๋องเหยียนยังไม่ทันตรัสสิ่งใดเขาก็ขอตัวก่อนแล้วเสียอย่างงั้น นี่มัน......ฉีกหน้าอ๋องเหยียนไม่ใช่งั้นรึ?
ฉินเหยียนเองก็สีหน้าประหลาดใจ จนกระทั่งหลิวอวี่หลินหายไปจากสายตาเขาแล้วจึงจะดึงสติกลับมาได้
พรวด
เมื่อเขาได้สติแล้วจางฝูก็คุกเข่าลงกับพื้นแล้ว เขาพูดติดอ่างว่า
“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ เรื่องนี้กระหม่อมไม่รู้เรื่องด้วยเลยนะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมรู้สึกว่าเขามีความสามารถ ดังนั้นจึงยอมช่วยแนะนำ หารู้ไม่ว่าเจ้าหนูนั่น......”
จางฝูไม่รู้จะทำอย่างไรดี หากรู้ว่าเป็นเช่นนี้ตั้งแต่แรก ต่อให้ต้องตายเขาก็จะไม่เข้ามายุ่งเด็ดขาด
สิ่งที่หลิวอวี่หลินกล่าวก่อนไปทำให้เขารู้สึกหวาดผวาไป ตำแหน่งอัครเสนาบดีคือตำแหน่งที่อยู่เหนือผู้คนมากมาย อีกทั้งนับตั้งแต่โบราณก็ไม่มีใครกล้าขอตำแหน่งนี้เองเลย
นี่จะต้องเหิมเกริมมากเพียงใดจึงทำเช่นนี้ได้ หลิวอวี่หลินอยากจะไปครอบครองไม่พอ แถมยังขอตรงๆเช่นนี้รนหาที่ตายชัดๆ! จางฝูถึงขั้นรู้สึกว่าหากบัดนี้ฉินเหยียนจะออกคำสั่งประหารหลิวอวี่หลินเลยทันทีเลยก็สมควรอย่างยิ่ง
ส่วนฉินเหยียน หากจะพูดว่าโกรธเขาก็ไม่ได้โกรธมากเพียงนั้น แต่ต้องไม่ชอบใจอยู่แล้ว
เขาขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “เจ้าลุกขึ้นมาเถิด”
จางฝูรีบคลานขึ้นมาแล้วไปยืนข้างๆอย่างหวาดกลัว
ฉินเหยียนถอนหายใจเบาๆแล้วโบกมือ เพื่อให้จางฝูออกไปได้แล้ว
เมื่อจางฝูไปแล้วฉินเหยียนก็นวดขมับแล้วพูดกับตนเองว่า “เจ้าหลิวอวี่หลินคิดจะทำอะไรกันแน่?”
จ้าวจือหย่าเองก็ขมวดคิ้ว หากไม่ใช่ไม่ควรพูดแทรกขึ้นมา นางก็อยากจะระเบิดความโกรธออกมาแล้ว
เมื่อคนผู้นั้นไปแล้วจ้าวจือหย่าก็พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า
“ท่านอ๋องเพคะ ทรงเอาใจพวกเขาเกินไปนะเพคะ ไร้ระเบียบเกินไปแล้วนะเพคะ”
นางเป็นคนโอนอ่อนผ่อนตาม แต่ก็รู้ว่าใครบางคนต้องถูกสั่งสอนเสียบ้าง ไม่เช่นนั้นจะได้ใจ
“เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดานะ”
ฉินเหยียนเกาศีรษะอย่างไม่เข้าใจ แต่เขาก็คิดอะไรไม่ออก จึงไม่ไปคิดอีก
......
จางฝูขี้เกียจจะพูดมากความ เขาลุกขึ้นแล้วจะเดินจากไป
แต่ทันใดนั้นเอง จู่ๆหลิวอวี่หลินก็ห้ามเขาเอาไว้แล้วยิ้มพูดว่า
“ท่านลุงจาง เมื่อครู่นี้เป็นความผิดของข้าเอง เห็นแก่ที่เราสองตระกูลสนิทสนมกันมานาน เชิญนั่งก่อนเถิด ช่วยฟังข้าอีกหน่อยเถิดนะ”
จางฝูทำเสียงเย็นชาแล้วนั่งที่นั่งอีกครั้ง
“ท่านลุงจาง ที่ข้าทำเช่นนี้ในวันนี้ ที่จริงข้าอยากจะทดสอบความใจกว้างของอ๋องเหยียนขอรับ”
“ว่าอย่างไรนะ?”
จางฝูมองหลิวอวี่หลินอย่างประหลาดใจ เขากัดฟันแล้วพูดว่า
“เจ้าช่างใจกล้าจริงๆ บังอาจลองเชิงอ๋องเหยียนซะได้!”
หลิวอวี่หลินยิ้มบางๆและไม่ได้ให้คำอธิบายอะไรมากมาย จากนั้นก็ถามต่อว่า
“ท่านลุงจางขอรับ ช่วยข้าอีกสักเรื่องได้รึไม่?”
“หยุดคิดไปได้เลย ไม่มีทาง อีกอย่างเจ้าก็อย่าเรียกข้าว่าท่านลุงเลย”
จางฝูรู้สึกกลัวขึ้นมาแล้วจริงๆ เขามักรู้สึกว่าเจ้าหมอนี่เสียสติ เอาตระกูลมาล้อเล่น เขารับไม่ไหวหรอกนะ และแล้วก็ได้ปฏิเสธอย่างเด็ดขาด กลัวว่าจะเกี่ยวข้องอะไรกับอีกฝ่ายอีก
แต่เห็นได้ชัดว่าหลิวอวี่หลินไม่คิดจะถอดใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...