แต่หลี่เหยียนคังกลับไม่กระวนกระวายเลย เขาจ้องมองทั่วป๋าหงเลี่ยแล้วพูดอย่างจริงจังว่า
“อาณาจักรพัลแฮปฏิเสธเราเช่นนี้ ที่พวกเขามั่นใจเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าได้เข้าร่วมกับอาณาจักรฉินแล้ว ดังนั้นหากเราเปิดสงครามกับอาณาจักรพัลแฮในสถานการณ์เช่นนี้ จะต้องเผชิญกับสงครามอาณาจักรฉินด้วยเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ!”
“บังอาจ เจ้ามีสิทธิ์พูดอะไรที่นี่ด้วยรึ?”
“ใช่ บอกไว้แล้วนี่ว่าต่อให้เป็นอาณาจักรฉินก็เท่านั้น ก็แค่พวกอ่อนแอเท่านั้น คิดว่ามีกำลังอะไรมากนักรึ?”
หลี่เหยียนคังขมวดคิ้วแล้วด่าทอในใจว่าพวกเขาโง่เขลา
แต่เขาไม่กล้าด่าออกมาตรงๆ ไม่เช่นนั้นจะทำให้ทุกคนโกรธเอาได้ จึงทำได้เพียงอธิบายอย่างใจเย็นว่า
“อาณาจักรฉินไม่ได้ธรรมดาอย่างที่พวกเจ้า การจะจัดการกับอาณาจักรฉินจะต้องวางแผน บุ่มบ่ามมิได้”
เขาคิดว่าพวกคนนี้จะเข้าใจคำเตือนของเขา แต่ทั่วป๋าเยี่ยนกลับหัวเราะเสียงดัง
“ฮ่าๆ! พวกข้าชาวทุ่งหญ้าสูงใหญ่และเชี่ยวชาญการต่อสู้ ไม่เกรงกลัวสิ่งใด ต้องระมัดระวังด้วยรึ?”
เมื่อพูดดังนั้นแล้วสีหน้าของทั่วป๋าเยี่ยนก็ค่อยๆเย็นชาขึ้นมา เขาพูดว่า
“แต่ว่าเจ้า นี่คือการหารือกันของขุนนาง ใช่ว่าคนชั้นต่ำอย่างเจ้าจะเข้ามาพูดแทรกได้ ทหาร นำเขาออกไป!”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
ทหารที่อยู่ข้างๆรีบเดินมาแล้วจะหามตัวหลี่เหยียนคังไป
สายตาของหลี่เหยียนคังค่อยๆเย็นชา สุดท้ายก็มองไปยังทั่วป๋าหงเลี่ยที่เป็นความหวังสุดท้าย แต่น่าผิดหวัง ที่บัดนี้ทั่วป๋าหงเลี่ยกลับไม่พูดอะไรเลย
หลี่เหยียนคังถอนหายใจอย่างขมขื่น จากนั้นก็ยืดอกแล้วถามว่า
“ไม่มีใครคิดว่าสิ่งที่ข้ากล่าวมีเหตุผลบ้างเลยงั้นรึ?”
เดิมทีทั่วป๋าเยี่ยนยังคิดจะประชดประชัน แต่ทันใดนั้นก็เกิดสถานการณ์ที่ทำเอาเขาประหลาดใจ จู่ๆก็มีผู้นำสองคนและขุนนางราวสี่ห้าคนยืนขึ้น แล้วพูดกับทั่วป๋าหงเลี่ยว่า
“ข่านพ่ะย่ะค่ะ พวกกระหม่อมคิดว่าสิ่งที่เขากล่าวมามีเหตุผลอยู่บ้างพ่ะย่ะค่ะ”
ภาพนี้ทำเอาทั่วป๋าหงเลี่ยอึ้งไป เขาไม่คิดเลยว่าจะมีผู้นำสองคนและขุนนางหลายคนให้การสนับสนุนหลี่เหยียนคัง! เหล่าผู้นำคนอื่นๆเองก็งุนงง และพากันถามคนเหล่านั้นขึ้นมาว่า
“เมื่ออาณาจักรฉิน เก้าแคว้นเกิดความโกลาหลขึ้น พวกเขาก็จะวุ่นวายไปหมด แล้วเราก็จะยึดครองที่ราบกลาง!”
หลี่เหยียนคังพูดถึงแผนการล้อมอาณาจักรของตนเองอย่างกระตือรือร้นให้ทุกคนฟัง สิ่งที่เขาพูดในตอนนี้คือแผนใหม่ในการยึดครองอาณาจักรฉินแบบใหม่ที่เขาคิดขึ้น
บัดนี้ได้หลุดมือจากอาณาจักรพัลแฮแล้ว พวกเขาได้หลุดเข้าไปแล้ว หากเปิดสงครามกับอาณาจักรฉินในสถานการณ์เช่นนี้ก็จะโง่เขลาอย่างยิ่ง
เพราะอาณาจักรฉินในตอนนี้ได้ครอบครองอาณาจักรพัลแฮ เท่ากับว่าได้มีเสบียงอาหารที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว ต่อให้เสบียงอาหารของพวกเขาจะไม่เพียงพอ แต่ในระยะสั้นๆนี้จะไม่มีเหตุการณ์ขาดแคลนเสบียงอีกแน่นอน
การทำสงครามกับอาณาจักรฉินในสถานการณ์เช่นนี้ สิ่งที่ต้องเผชิญคืออาณาจักรฉินที่กำลังเจริญรุ่งเรืองอย่างยิ่ง ไม่รู้เลยว่าจะแพ้หรือชนะ และสิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุด ก็คือนี่คือการเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุงด้วย
ดังนั้นหลี่เหยียนคังจึงได้ครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน เขาจะใช้ประโยชน์ที่สถานการณ์เก้าแคว้นยังไม่คงที่ และความวิตกกังวลของอาณาจักรต่างๆที่อยู่รอบๆ เพื่อสร้างความวุ่นวายให้แก่อาณาจักรฉิน และบรรลุเป้าหมายการยึดครองที่ราบกลาง
หลี่เหยียนคังมีความมั่นใจอย่างยิ่ง เพียงแค่แผนได้ดำเนินการ หากใช่ระยะเวลานานก็สิบปี สั้นก็สามถึงห้าปี เขาก็สามารถทำให้อาณาจักรฉินตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากได้!
แน่นอนว่าไม่ค่อยจะมีใครเชื่อคำพูดของเขา แม้แต่ทั่วป๋าเยี่ยนก็หัวเราะ
“หึหึ! คนที่ราบกลางมีคำที่พูดกันว่า ปิดที่ราบภาคกลางอะไรนั่น”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...