องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 1242

“ขอรับ”

หลิวอวี่หลินเห็นด้วยอย่างเหม่อลอย จากนั้นยกมือแล้วพูดขึ้นว่า

“ลุงจาง ข้าขอตัวกลับไปเก็บของก่อนนะขอรับ สักวันหนึ่งข้าต้องกลับมาตอบแทนน้ำใจของท่านลุงที่ช่วยแนะนำข้าอย่างแน่นอน”

“ฮ่าๆ ไม่ต้องเกรงใจ หลานชายข้า”

จางฝูเห็นว่าแม้อีกฝ่ายจะผิดหวัง แต่ถือว่าสภาพจิตใจดีขึ้นมากแล้ว เขาโบกมือปัดและไม่พูดอะไรอีก

...

หลังจากที่หลิวอวี่หลินกลับบ้าน เขาก็เก็บข้าวของของตัวเอง เขารู้ว่าเขาไม่อาจกลับมายังบ้านยังบ้านของพ่อแม่ที่มณฑลชุนได้ภายในคืนเดียว เขาจึงเขียนจดหมายส่งกลับไป

ในห้องหนังสือ นอกจากเขาแล้ว ยังมีลูกน้องอีกคนหนึ่ง

“ท่านผู้นำตระกูล เตรียมของเสร็จเรียบร้อยแล้วขอรับ”

“อืม”

หลิวอวี่หลินพยักหน้าแล้วถามว่า “เรื่องภายในตระกูลจัดการเรียบร้อยแล้วหรือยัง?”

“ข้าได้ทำตามคำแนะนำของท่านแล้ว ทุกอย่างจัดการเรียบร้อยแล้วขอรับ”

ลูกน้องตอบกลับด้วยความเคารพ จากนั้นเขาไม่เต็มใจถามออกไปว่า

“แต่ท่านผู้นำตระกูล พวกเราตระกูลหลิวละทิ้งทุกอย่างไปเช่นนี้ เปลี่ยนจุดสนใจ ในแต่ละพื้นที่มีสายลับจำนวนมากคิดจะใช้ประโยชน์จากท่านและอาณาจักรฉิน แต่วันนี้ ท่านอ๋องกลับให้ท่านไปดำรงตำแหน่งคอยดูแลกรมโยธาธิการ ไม่ได้หมายความว่าตระกูลหลิวของพวกเราถูกกำจัดหรือขอรับ...”

สายลับในแต่ละพื้นที่ตระกูลหลิวได้ส่งไปแฝงตัวเอาไว้นั้นดีกว่าสายลับของอาณาจักรฉินเสียอีก เพราะวิธีนี้หลิวอวี่หลินจึงทราบสถานการณ์ล่าสุดของพวกชาวตาดหลายต่อหลายครั้งและวางแผนทุกอย่าง

แน่นอนว่าไม่ใช่ว่าอาณาจักรฉินทำไม่ได้ เพียงแต่อาณาจักรฉินไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้า และหลิวอวี่หลินได้วางแผนการนี้เอาไว้ตั้งแต่ฉินเหยียนเดินทางเข้ามาเยี่ยนเป่ย

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าทุกอย่างกลับสูญเปล่า

หลิวอวี่หลินเงียบไปก่อนจะถอนหายใจออกมา

“ให้ทุกคนซ่อนตัวต่อไป สักวันหนึ่ง ข้าจะกลับมา”

ในตอนที่เขาพูดเช่นนี้ ใจเขาเองกลับรู้สึกไม่แน่ใจ

คำสั่งทั้งสองที่ฉินเหยียนสั่งเอาไว้นั้น เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายวางแผนตัวเขาให้ใช้เวลาที่นั่นสามถึงห้าปี

หลังจากสามถึงห้าปีนั้นแล้ว ใครจะยังจำได้อีกล่ะว่าเขาคือใคร?

“เตรียมตัวให้พร้อม เลื่อนเวลาออกเดินทางเป็นคืนนี้”

...

วันรุ่นขึ้น จ้าวจือหย่ามาหาฉินเหยียนเพื่อรายงานข่าวตามปกติ

“ท่านอ๋อง ตามคำสั่งที่ท่านได้ให้ไว้ หลี่ชางนำกองทัพทหารเข้าใกล้ดินแดนชาวตาดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หยางจิ่นซิ่วและเซี่ยชิงเองก็ทำตามคำสั่ง นำกองทัพออกเดินทางตั้งแต่เมื่อคืนเพคะ”

“อืม”

...

ในทุ่งหญ้า หลี่ชาง ขุนพลชนะศึกหรือที่เป็นที่รู้จักกันในนามแม่ทัพเหินหาว ได้นำกองทหารของเขาเข้าใกล้ดินแดนชาวตาด ทำให้ทุกคนต่างตกใจ

ด้วยเหตุนี้ทั่วป๋าหงเลี่ยจึงเรียกขุนนางทั้งหมดให้เข้ามาหารือเรื่องนี้ทันที

เพราะเขาไม่คาดคิดจริงๆว่า อาณาจักรฉินที่เป็นเหยื่อของพวกเขาในแผนการก่อนหน้านี้ จะกล้าบุ่มบ่ามบุกเข้ามาเพื่อช่วยเหลืออาณาจักรป๋อไห่ นี่ถือว่าเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายเอาไว้มาก

จริงๆ แล้วพวกเขาเริ่มส่งกองทัพขนาดใหญ่ออกไปแล้ว แต่ไม่ใช่เพื่อปกป้องอาณาจักรป๋อไห่ แต่เล็งเป้าไปที่ชาวตาด

นี่มันแผนการอะไรกัน? หากยึดตามสถานการณ์ปกติ กอทัพหกหมื่นคนนั้นน้อยเกินไปไม่อาจทำให้ทั่วป๋าหงเลี่ยเป็นกังวลได้ แต่ปัญหาคือเหตุการณ์ณืนี้ผิดปกติมากเกินไป ประกอบกับความสำเร็จของหลี่ชางในอดีต เขาต้องให้ความสนใจกับเรื่องนี้

มีขุนนางหลายคนมมารวมตัวกันในเต็นท์ ทุกคนเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง คิดว่าอาณาจักรฉินรนหาที่ตาย

“ท่านข่าน การเคลื่อนไหวของอาณาจักรฉินถือว่าเป็นการประกาศสงครามกับทางเรา กระหม่อมขอแนะนำให้ปิดล้อมกองทัพและฆ่าหลี่ชางเสีย จากนั้นนำกองทัพบุกตรงเข้าไปยังพื้นที่ราบภาคกลาง!”

“ถูกต้อง คนแค่หกหมื่นคน กล้าเข้ามาใกล้พวกเรา พวกมันไม่กลัวพวกเราเลยแม้แต่น้อย!”

“ถูกต้อง กองทัพหกหมื่นคนนั้นต้องถูกกวาดล้าง เพื่อนำศักดิ์ศรีคืนมาให้แก่พวกชาวตาดอย่างเรา”

ทั่วป๋าหงเลี่ยขมวดคิ้วและมองไปที่ขุนนางที่หัวเสียเหล่านั้น

หากเป็นเรื่องปกติ เขาคงจะมีความสุขมาก เพราะกองทัพทหารม้าหกหมื่นคนกลับบุกเข้ามาอยู่ใต้จมูกเขา เขาสามารถจัดการอีกฝ่ายได้ในทันที แต่ตอนนี้เรื่องทั้งหมดดูผิดปกติ ทำให้ในใจเขารู้สึกไม่แน่ใจ

ในขณะนี้อ้ายซินเจวี๋ยหลัวหย่งอี้ที่กำลังคลานอยู่บนพื้น รับบทเป็นทาสที่นั่งฟังบทสนทนาในเต็นท์อย่างเงียบๆ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์