ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นองค์ชายใหญ่ของชนเผ่านวี่ห์เจิน ต่อมาได้รับตำแหน่งเป็นท่านผู้นำด้วยวิธีสกปรก
ครั้งหนึ่งเขาเคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดของอำนาจ และได้รับการชื่นชมจากทุกเผ่า แต่ตอนนี้เขากลับกลายเป็นทาสที่ต่ำต้อย ไม่มีโอกาสให้ลุกขึ้นมาผงาดอีกครั้ง
ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะถึงคราวที่เขาจะแสดงความสามารถแล้ว โอกาสของเขามาถึงแล้ว
หลังจากที่เขาฟังความคิดเห็นทั้งหมด เขาก็พูดขึ้นมาว่า
“ท่านข่าน อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามพ่ะย่ะค่ะ!”
น้ำเสียงของเขา ทำให้ทุกคนถึงกับขมวดคิ้ว
พวกเขากำลังหารือกันอยู่ แต่เจ้าทาสคนนี้กลับพูดแทรกขึ้นมาอย่างนั้นหรือ?
แต่ในเวลานี้ทั่วป๋าหงเลี่ยมองเขา และใจกลับกระตุกเช่นกัน
เขาลืมชายคนนี้ไปได้อย่างไร ชายที่เคยเป็นถึงท่านผู้นำของชนเผ่านวี่ห์เจิน อีกทั้งเขายังเคยเผชิญหน้ากับหลี่ชางและกองทัพอาณาจักรฉินมาแล้ว
“ทุกคนเงียบ”
ทั่วป๋าหงเลี่ยโบกมือเพื่อส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบ จากนั้นมองไปที่อ้ายซินเจวี๋ยหลัวหย่งอี้และถามออกไปว่า
“เจ้ามีอะไรจะพูดหรือ?”
อ้ายซินเจวี๋ยหลัวหย่งอี้มองไปที่ขุนนางคนอื่นอย่างหวาดกลัว เพราะทุกคนต่างมองมาที่เขาด้วยสายตาจะกินเลือดกินเนื้อ เขาจึงพูดออกมาอย่างประหม่าว่า
“ท่านข่าน กระหม่อมคิดว่าพวกเราอย่าเสี่ยงเลยพ่ะย่ะค่ะ”
นี่เป็นโอกาสที่จะให้เขาแสดงความสามารถ เขาจะยอมแพ้ได้อย่างไร
“อ้อ? ทำไมหรือ?”
ท่านข่าน ได้โปรดฟังที่กระหม่อมจะพูด”
“อืม เจ้าว่ามา”
“การใช้กำลังกองทัพของหลี่ชางนั้นแปลกประหลาดมาก เขาเด็ดเดี่ยว ท่านข่านเคยได้ยินมาแล้วใช่หรือไม่ว่าเขานำกองทัพทหารม้าสามพันนายบุกเข้ามาในดินแดนของชนเผ่านวี่ห์เจิน โจมตีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรา ไม่ว่าจะเป็นภูเขาหลางจูชู เมืองหลวงที่เจ้อหลี่มู่เหมิงและเมืองเปียงยาง
ทั่วป๋าหงเลี่ยพยักหน้าอย่างหนักแน่น แน่นอนว่าเขาเคยได้ยินเรื่องเหล่านี้มาแล้ว
ในเวลานี้ ขุนนางคนอื่นๆ กลับหัวเราะเยาะ
“นี่มันหมายความว่าอย่างไร? หมายความว่าชนเผ่านวี่ห์เจินของเจ้าไร้ความสามารถอย่างไรล่ะ!”
“ถูกต้อง ถูกเด็กเมื่อวานซืนนำกองทัพทหารสามพันนายโค่น ฮ่าๆ”
ขุนนางต่างหัวเราะกับความล้มเหลวของพวกเขา แต่ใครจะรู้ว่าคำเยาะเย้ยของพวกเขาไม่ได้ทำให้อ้ายซินเจวี๋ยหลัวหย่งอี้เสียการควบคุมเลย
ทั่วป๋าหงเลี่ยขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าเขาถูกโน้มน้าวได้แล้ว
ขุนนางคนอื่นอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่าเล็กน้อยในขณะนี้
สิ่งสำคัญคือที่อ้ายซินเจวี๋ยหลัวหย่งอี้พูดมานั้นมีเหตุผลมากจนถึงกับทำให้พวกเขาต้องระวังตัว
อย่างไรก็ตาม บางคนกลับคิดว่านี่เป็นเรื่องเล็กที่ทำให้เป็นเรื่องใหญ่
ขุนนางมีชื่อคนหนึ่งขมวดคิ้วแล้วพูดว่า
“เช่นนั้นเจ้าบอกว่าทหารหกหมื่นคนเหล่านี้เป็นพวกเทพเจ้าอย่างนั้นหรือ? ทหารหกหมื่นคนนั้นถึงทำลายชาวตาดอย่างเราได้?”
อ้ายซินเจวี๋ยหลัวหย่งอี้นึกถึงคำพูดที่เขาพูดไปก่อนหน้านี้และพยายามพูดอย่างชอบธรรม
“ดังนั้นกระหม่อมถึงพูดว่า พวกมันมีแนวโน้มใช้อุบายเก่า ในความคิดข้าหลี่ชางจะนำกองทัพเข้ามาใกล้ ใช้ประโยชน์จากความจริงที่ว่าพวกเราไม่สนใจเขา เมื่อพวกเรามุ่งความสนใจไปที่การต่อสู้กับอาณาจักรฉิน พวกเราจะไม่สนใจกองทัพหกหมื่นคนที่แอบเข้ามาใกล้อาณาจักรตาด”
“เมื่อเราตอบโต้และส่งกองกำลังเข้าไปทำลายพวกมัน พวกมันจะยึดพื้นที่ชาวตาดได้อย่างรวดเร็ว ในเวลานี้พวกเราจะตกอยู่ในความสับสนอลหม่าน และส่งกองกำลังหลายแสนคนเพื่อทำลายกองทัพหกหมื่นคนของพวกมัน”
“เราต้องใช้เวลาในการระดมกองทัพทหารจากชนเผ่าต่างๆ และเรียกขวัญกำลังใจของกองทัพที่ต่างหวั่นกลัว อย่างไรก็ตามพวกมันจะรอจังหวะและฉวยโอกาสนี้โจมตีเราเป้ฯครั้งสุดท้าย”
“กระหม่อมขอถามอะไรเสียหน่อย เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนั้น พวกมันยกทัพมาโจมตีราชสำนักที่ไร้คนคอยดูแล และมีคำสั่งจับท่านข่านทั้งเป็น พวกเราจะทำเช่นไร?”
หลังจากเขาพูดจบ ทุกคนต่างอึ้งราวกับว่าพวกเขาได้เห็นแผนการของหลี่ชางแล้ว ทุกคนพากันเหงื่อแตกด้วยความกังวล
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...