องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 1251

เมื่อฮ่องเต้เห็นว่าอารมณ์ของเหล่าทหารถูกกระตุ้นแล้ว เขาก็วางใจได้แล้ว แต่เขาก็ไม่ได้จากไป แต่ได้มานั่งลงบนหอคอยประตูเมือง เห็นได้ชัดว่าจะเป็นหรือตายไปพร้อมกับประตูเมือง

ภายในหอคอย นอกจากเขาก็ยังมีแม่ทัพหลายคน รวมถึงผู้ใต้บังคับบัญชาคนสนิทด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีลูกๆ พวกจางจวิ้นที่เป็นคณะทูตของอาณาจักรฉินทั้งสามก็อยู่ด้วย

บัดนี้เขามองไปยังจางจวิ้นแล้วถามขึ้นว่า “ท่านทูต ไม่ทราบว่าอาณาจักรฉินมีกองสนับสนุนจริงรึไม่?”

จางจวิ้นยิ้มอย่างขมขื่นแล้วส่ายหน้าพูดว่า “ข้าเองก็ไม่กล้ารับประกัน......”

“ว่าอย่างไรนะ?” ฮ่องเต้อึ้งอย่างยิ่ง เขาจ้องเขม็งแล้วพูดว่า “อาณาจักรพัลแฮได้นำทุกสิ่งทุกอย่างออกมาเพื่อให้ความร่วมมือกับอาณาจักรฉิน บัดนี้ทำให้ผู้อื่นโกรธเสียแล้ว จนพวกมันจะโจมตีพวกข้า แต่บัดนี้เมื่อต้องถึงคราวที่อาณาจักรฉินออกโรง เจ้ากลับบอกข้าว่าไม่รู้ว่าอาณาจักรฉินจะส่งกองสนับสนุนมาด้วยรึไม่งั้นรึ?”

จางจวิ้นถอนหายใจแล้วอธิบายอย่างจนปัญญาว่า

“ฝ่าบาท คนที่ทรงทำให้โกรธคือชาวตาด หากชาวตาดเคลื่อนทัพ อาณาจักรฉินจะต้องเคลื่อนทัพด้วยแน่นอน แต่หากชาวตาดส่งอาณาจักรที่เป็นบริวารมา ราวกับเป็นการทะเลาะกันของเด็กๆ หากสู้ไม่ได้ขึ้นมาพวกเขาก็จะออกโรง พวกเขาไม่มีทางยืนมองเฉยๆแน่นอน ฝ่าบาททรงเข้าใจรึไม่?”

เมื่อได้ยินสิ่งที่จางจวิ้นพูดสีหน้าของฮ่องเต้ก็มืดมน เขาเข้าใจอยู่แล้ว เกรงว่าต่อให้อาณาจักรฉินจะยอมช่วยเหลือ แต่ก็ต้องถูกชาวตาดสกัดไว้อยู่ดี เมื่อเป็นเช่นนี้ อาณาจักรพัลแฮจะต้องล่มสลายเป็นแน่!

ฮ่องเต้ก้มศีรษะโล้นๆของเขาลง เขารู้สึกขมขื่นอย่างยิ่ง เขารู้ว่าทั้งหมดนี้จะโทษอาณาจักรฉินไม่ได้

เขาสูดลมหายใจลึกๆแล้วจู่ๆก็เงยหน้าขึ้นแล้วพูดอย่างเข้มงวดว่า

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านคณะทูต ข้ามีเรื่องอยากไหว้วานเจ้าสักเรื่อง”

จางจวิ้นได้ยินดังนั้นก็อึ้งเล็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “เชิญพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้พูดว่า “ข้าอยากให้เจ้าช่วยพาหลิงเอ๋อร์หนีออกไปจากอาณาจักรพัลแฮ พาพวกเขาหนีไปยังอาณาจักรฉิน ยิ่งเร็วยิ่งดี”หลิงเอ๋อร์คือองค์หญิงใหญ่ พวกเขาที่ว่าก็ต้องเป็นผู้หญิงเด็กๆในราชวงศ์อยู่แล้ว

จางจวิ้นครุ่นคิดแล้วพยักหน้าพูดว่า “ไม่มีปัญหาพ่ะย่ะค่ะ”

แต่ว่าทันใดนั้นหวงหลิงเอ๋อร์ก็กระวนกระวาย นางส่ายหน้าแล้วพูดว่า

“ท่านพ่อ ลูกไม่ไป ลูกจะอยู่และตายไปพร้อมกับอาณาจักรพัลแฮเพคะ!”

องค์ชายและองค์หญิงคนอื่นๆที่ยังอายุน้อยเองก็ร้องไห้แล้วตะโกนว่า

“ท่านพ่อ พวกข้าไม่ไป พวกข้าเองก็จะอยู่ช่วยท่านพ่อที่นี่ หากเมืองถูกฝ่าเข้ามาได้ก็ตายไปด้วยกัน”

เมื่อฮ่องเต้เห็นดังนั้นก็ปวดใจอย่างยิ่ง เขาอดกลั้นแล้วแสร้งพูดอย่างโกรธเกรี้ยวว่า

“พูดไร้สาระอะไรของพวกเจ้า พวกเจ้าอยู่ที่นี่กันทำไม หรืออยากจะสร้างปัญหาให้ข้า? บอกให้พวกเจ้าไปก็ไปซะ พูดอะไรมากความ”

“แต่ว่า......”

“หุบปาก ไม่มีแต่ทั้งนั้น”

ฮ่องเต้ตะคอกใส่เหล่าเด็กๆแล้วก็หันไปพูดกับจางจวิ้นว่า “ท่านทูต ข้าขอฝากเด็กๆพวกนี้ด้วยนะ”

ทันใดนั้นเองอู๋เจี๋ยก็สะกิดแขนของจางจวิ้นแล้วพูดว่า

“พี่ใหญ่ยังมัวรออะไรอีก เรารีบพาพวกเขาหนีไปกันเถิด หากช้ากว่านี้จะไม่ทันการ”

เมื่อจางจวิ้นได้ยินดังนั้นก็ดึงสติกลับมาได้ เขากัดฟันแล้วเดินไปด้านหน้า แล้วประสานมือคารวะพูดว่า

“เรื่องนี้กระหม่อมคงทำมิได้ ให้น้องทั้งสองของกระหม่อมไปเถิด กระหม่อมเองก็จะอยู่ต่อเพื่อช่วยต้านรับอาณาจักรต้าเยว่จื้อพ่ะย่ะค่ะ!”

ทั้งหวงหลิงเอ๋อร์งุนงง ฮ่องเต้งุนงง แม้แต่พวกอู๋เจี๋ยเองก็งุนงงตามๆกัน

“พี่ใหญ่ พูดอะไรเจ้า?”

อู๋เจี๋ยร้อนใจ เขาดึงจางจวิ้นแล้วเกลี้ยกล่อมว่า “หยุดเถิด ขืนอยู่ต่อก็เท่ากับรนหาที่ตาย!”

ในสถานการณ์ที่ไร้กองสนับสนุน การที่เมืองนี้จะถูกบุกเข้ามานั้นขึ้นอยู่แค่จะช้าหรือเร็ว การอยู่ต่อในเมืองไม่ต่างอะไรกับรนหาที่ตาย

หยางคังเองก็มองเขาอย่างร้อนใจ

จางจวิ้นส่ายหน้าแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “น้องสอง น้องสาม พวกเจ้าอย่าได้เกลี้ยกล่อมต่อเลย ข้าได้ตัดสินใจแล้ว พวกเจ้ารีบพาพวกเขาออกไปเถิด จำเอาไว้ว่าให้รายงานเรื่องนี้ต่ออาณาจักรฉิน”

“พี่ใหญ่......” อู๋เจี๋ยงุนงง จู่ๆกลายเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไรกัน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์