จางจวิ้นเงียบไปแล้วพยักหน้าพูดว่า “พ่ะย่ะค่ะ โปรดพระองค์รักษาตัวด้วย!”
คนรักชีวิตเช่นเขา ที่ยอมอยู่ต่อก็เพื่อหวงหลิงเอ๋อร์ แต่ในเมื่อบัดนี้สามารถพาอีกฝ่ายหนีไปได้ เช่นนั้นเขาก็ไม่มีทางโง่อยู่ต่อเพื่อรอความตายที่นี่เป็นแน่
และแล้วเขาก็ได้เรียกหยางคังและอู๋เจี๋ยมา แล้วทั้งสามพี่น้อง รวมถึงหวงหลิงเอ๋อร์ ก็ได้รีบขี่ม้าศึกแล้วมุ่งหน้าไปทางเหนืออย่างรวดเร็ว โดยไม่มีองครักษ์เลยสักคน
ฮ่องเต้มองม้าที่วิ่งไปไกลแล้วก็เผยรอยยิ้มที่ดีใจออกมา เขาพึมพำว่า “ในเมื่อไปแล้ว ก็อย่ากลับมาอีกเลย”
......
เมืองถูเหอ ณ จวนเจ้าเมือง
เวลาได้มาถึงยามค่ำคืน แต่ในห้องสมุดก็ยังคงสว่างไสวไปด้วยแสงเทียน ฉินเหยียนยังไม่ได้เข้านอน เขากำลังเปิดดูรายงานลับที่ถูกส่งมา
จ้าวจือหย่าเห็นเช่นนั้นแล้วก็ได้ยกน้ำร้อนมา เขาพูดอย่างห่วงใยว่า
“ท่านอ๋องเพคะ ดึกดื่นป่านนี้แล้ว มีเรื่องใดไว้สะสางในวันพรุ่งนี้เถิดนะเพคะ”
ฉินเหยียนวางจดหมายลงแล้วเงยหน้าถอนหายใจ
“ระยะนี้เกิดเรื่องมากมาย ข้ามักรู้สึกไม่สบายใจ เราไม่ได้เตรียมการไว้ก่อน คนเยี่ยนเป่ยมีจำนวนน้อยเพียงนี้ แถมยังได้ส่งออกไปจนหมด หากผิดพลาดก็จะพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง”
จ้าวจือหย่าได้ยินดังนั้นแล้วก็ได้จบศีรษะของฉินเหยียนมาซบอกของตนเองอย่างอ่อนโยน นางยื่นมือไปช่วยนวดระหว่างคิ้วให้เขา แล้วพูดปลอบใจว่า
“ท่านอ๋องเพคะ โปรดทำใจให้สงบเถิด บัดนี้เรายังได้เปรียบอยู่ ตราบใดที่เซี่ยชิงและหยางจิ่นซิ่วราบรื่น เราก็สามารถเรียกหลี่ชางกลับมาได้ในทันที!”
ฉินเหยียนได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า ในขณะที่ผ่อนคลายลงเขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วถามขึ้นว่า
“จนกระทั่งตอนนี้ สถานการณ์ชาวตาดเป็นอย่างไรบ้าง? หากชาวตาดจับผิดสังเกตได้แล้วต้องการจัดการหลี่ชางไป เช่นนั้นเราก็ต้องรีบเรียกเขากลับทันที ข้ายอมเสียอาณาจักรพัลแฮไป แต่จะไม่ยอมเสียแม่ทัพผู้พิทักษ์ชายแดนไป”
เมื่อพูดเรื่องนี้แล้วจ้าวจือหย่าก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะแล้วพูดว่า
“ท่านอ๋องรู้รึไม่ว่าบัดนี้ชาวตาดไม่กล้าเคลื่อนไหวเลยเพคะ พวกเขาเอาแต่วางกับดักเพื่อเราให้เราเข้าไปติดกับ แต่แท้จริงแล้วพวกเขาไม่รู้เลย ว่าเราเพียงแค่ข่มขู่พวกเขาเท่านั้น”
เมื่อได้ยินดังนั้นฉินเหยียนก็หัวเราะเสียงดัง จากนั้นก็พูดว่า
“จะว่าไปแล้วข้าก็ต้องขอบใจเจ้าหลิวอวี่หลินจริงๆ เขาสามารถคิดวิธีเช่นนี้ให้ข้าได้ภายใต้สถานการณ์นี้”
เมื่อพูดถึงหลิวอวี่หลินแล้ว ฉินเหยียนก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
“ที่จริงแล้วหลิวอวี่หลินมีความสามารถที่ไม่ธรรมดาเลย แต่ว่า......” จ้าวจือหย่าพูดแล้วก็หยุดลง
ฉินเหยียนยิ้มแล้วพูดต่อว่า “วางใจเถิด ข้ารู้ดีว่าควรทำอย่างไร ปล่อยเขาไปสักพักเถิด ถือว่าเป็นการให้เวลาเขาได้เติบโต การมีคนเช่นนี้อยู่ด้วย สำหรับอาณาจักรฉินแล้ว มันจะเปรียบเสมือนตัวช่วยชั้นดี แล้วข้าจะละเลยเขาไปจริงๆได้อย่างไร?”
จ้าวจือหย่ายิ้ม ในขณะเดียวกันก็รู้สึกนับถือฉินเหยียนมากยิ่งขึ้นด้วย
ทั้งสองได้พูดคุยกันสักพัก แล้วก็กลับมาที่ประเด็นเรื่องงานอีกครั้ง
ฉินเหยียนมองแผนที่แล้วหันไปถามว่า “ข้าไม่ห่วงหู่นิวหรอกนะ แต่สิ่งที่สำคัญในตอนนี้คือ กองทัพของเซี่ยชิงถึงที่ใดแล้ว? อยู่ห่างจากอาณาจักรพัลแฮอีกไกลแค่ไหน?”
จ้าวจือหย่าขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วตอบกลับว่า
“จากรายงานที่เราได้รับมา คาดว่าอีกสองสามวันเซี่ยชิงจึงจะไปถึงนอกเมืองอาณาจักรพัลแฮ แล้วเข้าไปประจำการที่วางแผนเอาไว้ได้เพคะ”
เมื่อได้ยินดังนั้นฉินเหยียนก็ขมวดคิ้วแน่นยิ่งขึ้น เขาหยิบจดหมายลับขึ้นมาดู ทันใดนั้นก็ยื่นให้จ้าวจือหย่าแล้วพูดว่า
“เจ้าดูนี่สิ”
จ้าวจือหย่ารับจดหมายลับมาแล้วดูอย่างละเอียด เมื่อนางอ่านจบแล้วก็อึ้งไป
“ต้า......ต้าเยว่จื้อเสียสติไปแล้วรึไงกัน?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...