องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 1277

ในขณะที่เหล่าขุนนางขุ่นเคือง ก็รีบพูดอย่างร้อนใจว่า “เจ้ารีบมอบหมายหน้าที่ให้พวกข้าเถิด”

“คือ......”

จางฝูมองไปยังกำแพงเมืองที่มีคนเต็มไปหมดแล้วลังเลไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดว่า

“เช่นนี้แล้วกัน พวกเจ้าช่วยขนย้ายพวกอาวุธ ก้อนหินกลม ลูกธนู อาวุธเถิด ถึงตอนนั้นหากมีคนได้บาดได้รับเจ็บ พวกเจ้าก็ช่วยพาพวกเขาลงมาด้วยนะ”

“ว่าอย่างไร? เดี๋ยวนะท่านจาง พวกข้ามาสังหารศัตรูนะ เหตุใดจึงให้พวกข้ามาเป็นหน่วยขนย้ายเล่า? เจ้ามองให้ดีสิ คนที่พวกข้าพามาล้วนเป็นเหล่าชายหนุ่มแข็งแรงของทุกตระกูลนะ”

“นั่นสิ ให้พวกข้าขนย้ายอาวุธเนี่ยนะ บ้าอะไรกัน?”

“พวกข้าจะสังหารเจ้าพวกคนที่คิดร้ายกับอ๋องเหยียน พวกข้าจะปกป้องอ๋องเหยียน!”

ทุกคนเดือดดาลทันที และพากันตะโกนขึ้น

จางฝูเองก็จนปัญญา เขาจึงต้องถอยแล้วชี้ไปยังกำแพงเมืองพร้อมพูดว่า

“พวกเจ้ามองให้ดี ที่กำแพงเมืองนั่นก็ล้วนเป็นชายหนุ่มแข็งแรงกันทั้งนั้นไม่ใช่รึ? ด้านบนเต็มแล้ว”

ทุกคนมองไปแล้วก็พบว่า บนกำแพงเมืองมีชายร่างกายกำยำที่ถือธนู ดาบสันโค้ง และสวมชุดเกราะอยู่เต็มไปหมด คนเหล่านี้ล้วนเป็นชาวเมืองที่รวมตัวกันจะเฝ้าระวังเมืองเอง

เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้วทุกคนก็พูดอะไรไม่ออก

จางฝูเห็นสีหน้าที่ผิดหวังของพวกเขาแล้วจึงได้ปลอบใจว่า

“ไม่เป็นไรน่า ศัตรูบุกมาอย่างดุเดือด ไม่แน่ว่าอาจมีโอกาสที่พวกมันจะบุกเข้ามาในเมืองได้ ถึงตอนนั้นหากพวกเจ้าจะสังหารศัตรูข้าก็จะไม่ห้ามเด็ดขาด เป็นอย่างไร?”

เมื่อได้ยินดังนั้นแล้วผู้นำคนหนึ่งก็เงียบไป จากนั้นก็พยักหน้าตอบกลับว่า

“ย่อมได้ จะปฏิบัติตามที่เจ้ากล่าวมา แต่ว่าเจ้าจะต้องแจกจ่ายอาวุธให้พวกข้า จำคำมั่นสัญญาของเจ้าไว้ด้วยล่ะ!”

“ไม่มีปัญหา พวกเจ้าวางใจปฏิบัติหน้าที่เถิด” จางฝูพยักหน้าทันที

เดิมทีคิดว่าเรื่องนี้จะลงเอยเช่นนี้ แต่จู่ๆก็มีผู้นำชาญฉลาดคนหนึ่งเบียดเข้ามา เขาขยิบตาแล้วพูดว่า

“ท่านจาง ไม่เช่นนั้นเมื่อถึงเวลาแล้วเจ้าแอบปล่อยศัตรูเข้ามาให้พวกข้าได้สังหารหน่อยเป็นอย่างไร พวกข้าเองก็ได้ทำประโยชน์เพื่อคุ้มครองอ๋องเหยียนด้วย”

จางฝูสีหน้าไม่สบอารมณ์ทันที เขาเตะบั้นท้ายของอีกฝ่ายจนทำเอาเขาล้มลง

“คิดอะไรของเจ้ากัน? หากศัตรูเข้ามาในเมืองได้แล้วเกิดมีอะไรเปลี่ยนแปลงขึ้นมาจะทำอย่างไร? หากอ๋องเหยียนได้รับอันตรายเพราะเหตุใดขึ้นมา หรือตกใจ ต่อให้เจ้าจะฆ่าตัวตายก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้ปลอบโยนผู้คนทั้งสี่เมืองในเยี่ยนเป่ยหรอกนะ!”

จางฝูเบิกตากว้าง ผู้นำตระกูลคนนั้นเองได้รับรู้แล้วว่าจนพูดผิดไป จึงได้ตบปากของตนเองด้วย

......

เมื่อพูดดังนั้นแล้วจ้าวจือหย่าก็อดไม่ได้ที่จะพูดอย่างหยอกล้อว่า

“เราไม่เพียงแต่ไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องเฝ้าระวังเมือง แถมบัดนี้ยังสามารถโจมตีเองได้แล้วด้วยนะเพคะ”

“ไม่ได้” ฉินเหยียนตัดบททันที เขาพูดอย่างจริงจังว่า “พวกเขาล้วนเป็นชาวเมือง จะเกิดมีคนบาดล้มตายมากเกินไปไม่ได้ เฝ้าระวังเมืองก็เพียงพอแล้ว อย่างไรเราก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน”

เมื่อจ้าวจือหย่าได้ยินดังนั้นก็รู้สึกว่าสมเหตุสมผล จึงไม่ได้พูดอะไรมากความ

เมื่อจ้าวจือหย่าออกไปแล้วฉินเหยียนก็มานั่งในห้องสมุด เขายังคงสงบใจไม่ได้ จำได้ว่าเมื่อไม่กี่เดือนก่อนที่เพิ่งมาเยือนเยี่ยนเป่ย ชาวเมืองเยี่ยนเป่ยยังตะโกนจะสู้กับเขาให้ตายกันไปข้างอยู่ ถึงขั้นไม่เกรงกลัวต่อทหารม้าเหล็กของอาณาจักรฉินด้วยซ้ำ ไม่ยอมถอยเลยแม้แต่ก้าวเดียว

ตอนนั้นเขาปวดศีรษะอย่างยิ่ง และคิดในใจว่าเหตุใดจึงมีคนดื้อรั้นเช่นนี้ได้? แต่เมื่อได้อยู่ด้วยกันแล้ว ฉินเหยียนเองก็ได้เห็นถึงความน่ารักของคนเยี่ยนเป่ย พวกเขากระตือรือร้นเป็นกันเอง มีความจริงใจ เป็นหนึ่งเดียวกัน......และข้อดีอีกมากมาย เป็นความประทับใจที่ไม่อาจลืมเลือนได้เลย

ป่าเถื่อนรึ? ไม่เลย นับตั้งแต่วินาทีนี้ จะไม่มีคำว่าป่าเถื่อนปรากฏในตัวพวกเขาอีกต่อไป นับตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป เรียกว่าห้าวหาญ!

“หรือว่าข้าจะต้องสร้างกองกำลังทหารเยี่ยนเป่ยสักหน่อย?”

ฉินเหยียนครุ่นคิด ประเพณีของเยี่ยนเป่ยค่อนข้างแตกต่างจากที่อื่น อีกอย่างก่อนหน้านี้จำนวนทหารเยี่ยนเป่ยเองก็มีน้อยยิ่งนัก สถานที่ก่อตั้งก็ไม่ใช่ที่นี่ด้วย

ชาวเมืองเยี่ยนเป่ยเองก็ไม่ค่อยได้เดินทางมายังใจกลางเยี่ยนเป่ยด้วย ดังนั้นจนกระทั่งตอนนี้ จึงมีคนเยี่ยนเป่ยในกองทัพอาณาจักรฉินน้อยอย่างยิ่ง บางทีอาจลองไตร่ตรองดูก่อนก็ได้ ไม่แน่ว่าอาจมีเรื่องน่าประทับใจก็เป็นได้

ในขณะที่ฉินเหยียนกำลังครุ่นคิดก็มีรายงานเข้ามาอีก ครั้งนี้จางฝูเป็นผู้มารายงานเองอีกแล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์