เมื่อเห็นเขาฉินเหยียนก็รู้ว่าเกิดเรื่องใหญ่แล้ว เขาทำสีหน้าจริงจังแล้วถามทันทีว่า
“ทหารศัตรูมาถึงนอกเมืองแล้วงั้นรึ?”
จางฝูส่ายหน้าแล้วยิ้มพูดว่า “ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ กองสนับสนุนของเรามาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
“กองสนับสนุนรึ? ที่ใดกัน?” ฉินเหยียนอึ้งไป
เขาเป็นผู้วางแผนการเคลื่อนไหวของกองทัพทุกหน่วยในเยี่ยนเป่ย เหตุใดเขาจึงไม่รู้ว่ารอบๆเมืองถูเหอมีกองสนับสนุนที่เรียกมาได้ด้วย?
จางฝูครุ่นคิดแล้วพูดว่า “กระหม่อมเห็นธงของพวกเขาแล้ว คล้ายว่าจะเป็นกองทัพอาณาจักรจ้าวภายใต้อาณาจักรฉินพ่ะย่ะค่ะ......”
ฉินเหยียนได้ยินดังนั้นก็ยิ่งประหลาดใจ เขาขมวดคิ้วพูดว่า
“ไม่สิ พวกเขาควรจะอยู่ที่ล้อมทั่วป๋าเยี่ยนไม่ใช่รึ? จู่ๆทำไมถึงกลับมา?”
จางฝูได้ยินดังนั้นก็รู้สึกงุนงง
ฉินเหยียนเงียบไปครู่หนึ่งแล้วยืนขึ้นทันที เขาพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “พาข้าไปดูเร็วเข้า!”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
......
เมื่อฉินเหยียนมาถึงประตูเมืองแล้วก็เห็นทหารม้าที่สวมชุดเกราะสีเงินจำนวนมาก กำลังวิ่งถาโถมเข้ามาท่ามกลางฝุ่นที่คลุ้งขึ้นมาได้รางๆ เมื่อตั้งใจมองไปแล้วก็พบว่าพวกเขาชูธงกองทัพอาณาจักรจ้าวจริงๆ
ฉินเหยียนขมวดคิ้วแน่นยิ่งขึ้น เขารอให้กองทัพเข้ามาใกล้อย่างสงบ เมื่อผู้บัญชาการกองทัพอาณาจักรจ้าวเห็นฉินเหยียนแล้ว สีหน้าที่ร้อนใจก็ผ่อนคลายลงทันที
“เข้าเฝ้าอ๋องเหยียนพ่ะย่ะค่ะ”
แม่ทัพจ้าวควบม้าเดินเข้าไปเล็กน้อย จากนั้นก็กระโดดลงจากหลังม้าแล้วคุกเข่าข้างเดียวอยู่ตรงหน้าของฉินเหยียน เขาประสานมือคารวะ
ฉินเหยียนโบกมือแล้วให้อีกฝ่ายยืนขึ้น จากนั้นก็ขมวดคิ้วถามว่า
“พวกเจ้ากลับมาทำไมกัน? ข้าให้พวกเจ้าคอยอยู่เคียงข้าง คุ้มครองพี่เจ็ดไม่ใช่รึ?”
แม่ทัพจ้าวได้อธิบายสถานการณ์ให้ฟังอย่างละเอียดด้วยความเคารพ เมื่อฉินเหยียนได้ยินก็รู้สึกหนักใจทันที
“พวกเจ้าเคยคิดรึไม่ว่า หากอีกฝ่ายต้องการจะมุ่งเป้ามาที่ข้า แล้วเหตุใดทั้งที่ก่อนหน้านี้ปิดบังเอาไว้ได้อย่างดี แล้วภายหลังจึงมีการหลุดออกมาได้?”
ฉินเหยียนถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา แล้วจ้องอีกฝ่ายเขม็ง
แม่ทัพจ้าวตัวแข็งทื่อไปทันที เหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้น
ฉินเหยียนเห็นดังนั้นก็หรี่ตาเล็กน้อย ราวกับรู้คำตอบแล้ว เขากัดฟันแล้วพูดว่า
“พวกเขาจงใจเปิดเผยการเดินทางเพื่อหลอกล่อให้พวกเจ้ากลับมา เมื่อพวกเจ้าจากมาแล้วการล้อมก็จะเกิดช่องโหว่ เจ้าพวกทั่วป๋าเยี่ยนก็จะฉวยโอกาสความวุ่นวายนี้หนีออกมาได้!”
“พ่ะย่ะค่ะ!” แม่ทัพจ้าวกลับหลังหันแล้วจะไปเตรียมพร้อม
ส่วนฉินเหยียนก็หันไปทางจางฝูแล้วพูดว่า “ออกคำสั่งไปว่า ให้พวกชาวเมืองกลับบ้านได้แล้ว วิกฤติสิ้นสุดลงแล้ว”
จางฝูรีบประสานมือคารวะพูดว่า “พ่ะย่ะค่ะ!”
เมื่อพูดดังนั้นแล้วเขาก็ไปทันที
......
สถานการณ์ต่อไปก็ควบคุมได้ดีมากอย่างขึ้น
ประการแรก กองทัพอาณาจักรจ้าวเริ่มกวาดล้างทหารม้าหนึ่งหมื่นนาย สงครามที่ลาดวั่งเฟิงเองก็มีจุดจบแล้ว
ต่อมา ขุนพลชนะศึกหลี่ชางที่อยู่ทุ่งหญ้าเองก็ได้รับข่าวแล้ว เริ่มออกคำสั่งให้ถอนกำลังทันที อย่างไรภารกิจการกักกันของเขาก็เสร็จสิ้นแล้ว ขืนอยู่ที่ดินแดนชาวตาดต่อไป อาจถูกล้อมและสังหารก็ได้ เขาไม่อยากจะถูกไล่ต้อนถูกล้อมราวกับสุนัขไร้บ้านเหมือนทั่วป๋าเยี่ยนหรอกนะ
สุดท้าย ทางอาณาจักรพัลแฮเองก็ราบรื่นดี หวงหลิงเอ๋อร์ที่มีเซี่ยชิงคอยเคียงข้างอยู่ที่อาณาจักรพัลแฮ สามารถควบคุมสถานการณ์ในอาณาจักรพัลแฮได้อย่างรวดเร็ว และได้ทำการฝังเหล่าผู้คนที่ได้เสียชีวิตไป
ส่วนหยางจิ่นซิ่วก็ได้รับหน้าที่การเฝ้าระวังอาณาจักรพัลแฮ และเฝ้าระวังดินแดนอาณาจักรต้าเยว่จื้อด้วย แม้ว่าตอนนั้นฉินเหยียนจะได้สาบานต่อหน้าทุกคนว่าจะสังหารคนอาณาจักรต้าเยว่จื้อจนสิ้น แต่หากจะสังหารเหล่าชาวเมืองทั่วไปด้วยคงจะไม่ได้
ฉินเหยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ได้ตัดสินให้อาณาจักรต้าเยว่จื้อและชนเผ่าหนี่ว์เจินรวมเป็นหนึ่ง ในขณะเดียวกันก็ได้ก่อตั้งองค์การบริหารปกครองตนเองแห่งแมนจูเรียขึ้นมาด้วย โดยเรียกสั้นๆว่าแมนจู เพียงแต่ผู้ที่จะเลือกเป็นประธานผู้ดูแลนั้น ฉินเหยียนก็ยังไม่รู้ว่าจะมอบหมายให้เป็นหน้าที่ของใคร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...